#สันนิบาตอาหรับ
ประธานาธิบดีบัชชาร์ อัล-อะสัดของซีเรียเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเมื่อวันศุกร์ 19 พฤษภาคม 2566 เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสันนิบาตอาหรับ ครั้งที่ 32 ที่กรุงเจดดะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเขาจะได้กระทบไหล่กับผู้นำที่รังเกียจเขามานานหลายปีในการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งใหญ่ของโลกอาหรับ
.
หลังจากถูกกีดกันโดยรัฐอาหรับส่วนใหญ่หลังการปราบปรามการประท้วงต่อต้านการปกครองของเขาในปี2554 และสงครามกลางเมืองที่ตามมาหลังจากนั้น ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปนับล้าน ประชาชนต้องอพยพหนีตายกว่า 10 ล้านคน การเข้าร่วมประชุมกับกลุ่มผู้นำอาหรับอีกครั้งเป็นสัญญาณว่าการถูกโดดเดี่ยวของอะสัดกำลังสิ้นสุดลง
ชาติอาหรับสามารถยอมรับผู้นำเปื้อนเลือดอย่างอะสัด ซีซีย์ หรือแม้กระทั่งรัฐบาลเตหะรานที่เชื่อว่าอยู่เบื้องหลังสงครามกลางเมืองที่อิรัก เลบานอน เยเมนหรือซีเรีย แต่ไม่สามารถปกป้องดร. มุรซีย์แห่งอิยิปต์ รอชิดฆอนนูซีย์แห่งตูนีเซียที่ปัจจุบันถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นที่เรียบร้อย
.
มีรายงานว่า เชคตะมีม บิน ฮะมัด บิน เคาะลีฟะฮ์ อัษษานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ได้เสด็จออกจากที่ประชุมกลับประเทศทันที ก่อนคำกล่าวของนายบัชชาร์ อะสัด ส่งสัญญาณความไม่ลงรอยกันในสมาชิกสันนิบาตอาหรับกรณีอ้าแขนต้อนรับนายบัชชาร์ครั้งนี้
.
อะสัดเข้าร่วมการประชุมสันนิบาตอาหรับด้วยตัวเองครั้งล่าสุด ที่ลิเบีย เมื่อปี 2553 หรือ 1 ปีก่อนการปะทุของสงครามกลางเมืองในซีเรีย ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่เดือน มี.ค. 2554 ซึ่งหลังจากนั้นสันนิบาตอาหรับระงับสถานภาพสมาชิกของซีเรีย ก่อนคืนสถานะให้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี่ การส่งเทียบเชิญร่วมประชุมสันนิบาตอาหรับให้แก่ซีเรียครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังซาอุดีอาระเบียกลับมาเปิดสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงดามัสกัส และซีเรียกลับมาเปิดสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงริยาด
แหล่งข่าว
โดย Mazlan Muhammad