สรุปสาระสำคัญจากบทความของชัยค์รอชิด ฆอนนูชีย์ รองประธานสหพันธ์อุลามาอ์อิสลามนานาชาติ ( International Union of Muslim Scholars ) และหัวหน้ากลุ่มนะฮ์เฎาะฮ์ ตูนีเซีย ***
——————————-
การที่พรรคหะรอกะฮ์นะฮ์เฎาะฮ์ ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่ใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดกลุ่มหนึ่งในโลกอาหรับ และเป็นกลุ่มหลักในการทำให้เกิดประชาธิปไตยขึ้นในตูนีเซีย ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ จากกลุ่มนักเคลื่อนไหวอิสลาม ที่จัดตั้งขึ้นในปี 1980 ทำงานด้านสังคม การศึกษา ขัดขืนคำสั่งของรัฐบาลเผด็จการในยุคนั้นที่กดขี่ทางศาสนาอย่างรุนแรง กลายเป็นพรรคการเมืองที่ตัดขาด งดเว้นจากกิจกรรมอื่นๆทั้งหมดยกเว้นการเมือง
ปัจจุบัน รัฐธรรมนูญ ปี 2014 ของตูนีเซียที่สมาชิกพรรคได้มีส่วนร่วมในการร่างด้วย ได้ประกันเสรีภาพในการนับถือและปฏิบัติศาสนกิจ รวมถึงการรักษาวัฒนธรรมอาหรับ จึงไม่มีเซคคิวลาร์ที่จะมาขัดขวางและกดขี่ศาสนาอิสลาม ทางกลุ่มจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่อสู้เพื่อการนี้อีก
ทั้งนี้ ในเมื่อความเป็นมุสลิมได้กำหนดกรอบการทำงานของเราไว้ การที่จะชี้ชัดว่าตูนีเซียใช้ปรัชญาเซคคิวลาร์หรืออิสลาม เป็นสังคมมุสลิมหรือสังคมเซคคิวลาร์จึงไม่มีความจำเป็น เพราะรัฐธรรมนูญได้กำหนดบทบาทของศาสนาอิสลามไว้ชัดเจนแล้ว ความคาดหวังของชาวตูนีเซียในยุคประชาธิปไตยจึงเกี่ยวข้องกับการแสวงหาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ซึ่งพรรคหะรอกะฮ์นะฮ์เฎาะฮ์ -พรรคที่มีส่วนร่วมเล็กๆในรัฐบาลผสม- ตระหนักและนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาต่างๆที่ชาวตูนีเซียปัจจุบันเผชิญอยู่
ผลจากการระดมสมองประเมินตนเองอยู่เสมอ นับตั้งแต่ได้จัดตั้งกลุ่มขึ้นเมื่อ 35 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการสอบถามความคิดเห็นสมาชิกกลุ่ม สมาชิกส่วนใหญ่มากกว่า 80 % เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามบริบทตูนีเซียที่เปลี่ยนแปลงจากเผด็จการสู่ประชาธิปไตย บริบทความขัดแย้งและความรุนแรงในภูมิภาคอาหรับ ซึ่งหลายครั้ง มีความซับซ้อนยุ่งยาก อันเนื่องจากการตีความถึงความสัมพันธ์ที่ถูกต้องเหมาะสมระหว่างศาสนาและการเมือง รวมถึงการพิสูจน์ให้เห็นว่าอิสลามสามารถไปด้วยกันได้กับประชาธิปไตย กลุ่มอิสลามสามารถมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยได้
กลุ่มนะฮ์เฎาะฮ์เดิมชื่อว่า กลุ่มอิตติญาฮ์อิสลามีย์ ใช้แนวคิดของหะซัน บันนา ผู้นำอิควานอียิปต์ และมุศตอฟา สิบาอีย์ ผู้นำอิควานสาขาซีเรีย ต่อมาได้รับแนวคิดของ มาลิก บินนบี นักคิดจากมหาวิทยาลัยซัยตูนะฮ์ ตูนีเซีย และมุฮัมมัดตอเฮร์ บินอาชูร บิดาแห่งศาสตร์ด้านเจตนารมณ์กฎหมายอิสลาม โดยเปลี่ยนมาใช้ชื่อนะฮ์เฎาะฮ์ในคราวจดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองในยุคบินอาลี
จากการทำงานเพื่อศาสนาและสังคม ทำให้กลุ่มถูกกดขี่บีฑาโดยรัฐบาลเผด็จการ ทั้งโดนฆ่าและจำคุกมากมาย ทั้งในยุคของบูรกีบะฮ์ และบินอาลี
ในปี 2010 เกิดเหตุการณ์ประท้วงใหญ่จนสามารถโค่นอำนาจเผด็จการบินอาลี ลงไปได้ ทางกลุ่มก็ได้เข้าร่วมประท้วงในครั้งนี้กับชาวตูนีเซียทั่วไป และไม่ได้ใช้นามของสมาชิกกลุ่ม
หลังจากนั้น ในปี 2011 มีการเลือกตั้ง กลุ่มนะฮ์เฎาะฮ์ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย จึงได้ร่วมกับพรรคเซคคิวลาร์ 2 พรรค ในการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นับเป็นครั้งแรกในโลกอาหรับที่กลุ่มอิสลามกับกลุ่มเซคคิวลาร์สามารถจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติร่วมกันได้
แต่การเกิดความวุ่นวายและการลอบสังหารหลายๆ ครั้งประชาธิปไตยที่กำลังตั้งไข่ในตูนีเซีย จึงมีโอกาสถูกโค่นล้มได้ตลอดเวลา ท่ามกลางความวุ่นวายดังกล่าว พรรคหะรอกะฮ์ ฯ ได้เลือกแนวทางการประนีประนอม แม้ว่าพรรคจะมีเสียงในสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด แต่เพื่อความสงบของบ้านเมืองและเพื่อให้ฝ่ายปฏิวัติประชาชนสามารถดำรงอยู่ได้ พรรคจึงยินดีเสียสละอำนาจปกครองให้แก่กลุ่มแทคโนแครตที่เป็นคนกลาง ยอมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบการปกครอง แทนการหันหลังไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองหรือการต่อสู้ด้วยความรุนแรง
พรรคเสียสละยอมให้ตัดถ้อยคำ “หลักชะรีอะฮ์เป็นที่มาหนึ่งของกฎหมาย” ในร่างรัฐธรรมนูญ แต่ยืนยันในเรื่องการเป็นนิติรัฐ สิทธิทางแพ่ง สิทธิทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม และยังยอมให้ใช้ระบบประธานาธิบดีผสมระบบรัฐสภา ทั้งๆที่พรรคเห็นด้วยกับระบบรัฐสภามากกว่า
ต่อมา ในการเลือกตั้งปี 2014 พรรคแพ้การเลือกตั้งให้แก่พรรคเสียงตูนีเซีย ซึ่งเป็นฝ่ายขวากลาง ที่ตั้งขึ้นในปี 2012 พรรคได้เข้าร่วมในรัฐบาลผสมในฐานะหุ้นส่วนเล็กๆ เพื่อการส่วนในการสถาปนารัฐธรรมนูญที่มั่นคง แม้ว่าจะมีความเห็นไม่สอดคล้องกันทุกเรื่องไป แต่ความเป็นพันธมิตรก็ยังอยู่ เป็นบริบททางการเมืองของพรรคหะรอกะฮ์นะฮ์เฎาะฮ์ สำหรับการก้าวสู่ความเป็นประชาธิปไตยอิสลามของตูนีเซีย
การแยกระหว่างศาสนากับรัฐ
ในการประชุมพรรคครั้งที่ 10 เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากที่พิจารณาแล้วว่าตูนิเซียผ่านพ้นยุคเผด็จการสู่ยุคประชาธิปไตยและเสรีภาพทางศาสนาได้รับการประกัน พรรคมีมติยกเลิกงานด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นงานสังคม การศึกษา วัฒนธรรมหรืออื่นๆ ยกเว้นงานด้านการเมือง พรรคเห็นว่าควรแบ่งพันธกิจของแต่ละองค์กรให้ชัดเจน ไม่ควรมีพรรคการเมืองที่อ้างตนว่าเป็นตัวแทนทางศาสนา เพราะพรรคเชื่อว่า นักการเมืองไม่เหมาะที่จะไปดำรงตำแหน่งในองค์กรทางศาสนาหรือองค์กรการกุศล องค์กรทางศาสนาควรเป็นองค์กรอิสระและเป็นกลาง ไม่ควรที่จะมีมัสยิดหรือผู้นำศาสนาที่สังกัดพรรคการเมือง พรรคเชื่อว่ามัสยิดควรเป็นสถานที่สร้างสรรค์ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ไม่ใช่สถานที่แบ่งแยกสร้างความห่างเหิน
การแยกระหว่างศาสนากับการเมืองในลักษณะดังกล่าว จะทำให้บุคลากรด้านศาสนาที่ทำงานเต็มเวลามีโอกาสพัฒนาตนเองให้มีขีดความสามารถทันต่อเหตุการณ์และตอบโจทย์สังคมร่วมสมัยได้ เนื่องจากสภาพการขาดบุคลากรดังกล่าว ในยุคกดขี่ข่มเหงทางศาสนาในอดีต ไม่มีองค์กรใดที่เผยแพร่ศาสนาอิสลามสายกลาง ไม่สุดโต่ง กลุ่มนะฮ์เฎาะฮ์ในยุคนั้นจึงต้องทำงานอย่างหนัก
การประชุมพรรคครั้งนั้นมีมติด้านยุทธศาสตร์ที่มีเป้าประสงค์เพื่อเอาชนะอุปสรรคปัญหาระดับชาติของตูนีเซีย โดยเน้นการร่างรัฐธรรมนูญ ความเป็นธรรมช่วงเปลี่ยนผ่าน การปฏิรูปหน่วยงานของรัฐ การปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ การผนึกกำลังหลายมิติและหลายฝ่ายเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย และธรรมาภิบาลองค์กรศาสนาอิสลาม
ปัจจุบันพรรคไม่ได้ถูกมองว่าเป็นพรรคศาสนาอิสลาม แต่เป็นพรรคของมุสลิมที่เป็นนักประชาธิปไตย ที่มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาของชาวตูนีเซียด้วยหลักการอิสลาม
ในการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ พรรคฯจะเน้นการสานเสวนาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจบนหลักการ “ทุนนิยมที่มีมนุษยธรรม” ซึ่งหมายถึงระบบเศรษฐกิจเสรี ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียมกันทางสังคมและโอกาส รวมถึงการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม การให้สถาบันการเงินเปิดโอกาสทางการลงทุนแก่ผู้ประกอบการใหม่ การลงทุนขนาดเล็ก การส่งเสริมผู้ประกอบการวัยหนุ่มสาว และปฏิรูปการศึกษาให้ตอบสนองความต้องการของตลาด
นอกจากนั้น พรรคยังเชื่อว่าการพัฒนาประชาธิปไตยในตูนีเซียยังขึ้นอยู่กับการกำจัดอุปสรรคที่มาขัดขวางบทบาทสตรีในทุกๆด้าน ตลอดจนการส่งเสริมความเสมอภาคและรักษาสิทธิของสตรี ในการนี้พรรคได้เรียกร้องให้แต่ละพรรคเสนอบัญชีรายชื่อผู้สมัครชายและหญิงจำนวนเท่ากัน และให้เพิ่มวันลาหยุดงานแก่แม่ที่คลอดบุตรมากขึ้น
การที่ไอสิสมีผู้เข้าร่วมมากมายก็เพราะสังคมมุสลิมทั่วไปในโลกอาหรับถูกกีดกันและตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง เมื่อไอสิสมาพร้อมกับความหวัง กลุ่มเยาวชนจึงตอบรับกันอย่างกว้างขวาง
ฉะนั้น การกวาดล้างกลุ่มไอสิสให้สิ้น จึงไม่ใช่การใช้ความรุนแรง แต่เป็นการสถาปนาประชาธิปไตยอิสลามที่เคารพสิทธิส่วนบุคคล ความเสมอภาคในด้านสังคมและเศรษกิจ รวมถึงการทำนุบำรุงวัฒนธรรมและค่านิยมอาหรับและอิสลาม
#เกาะติดการจับกุมรอชิด_ฆอนนูชีย์
*** อ่านบทความต้นฉบับ
ภาษาอาหรับ
https://www.noonpost.com/content/13567
อังกฤษ
https://www.foreignaffairs.com/…/political-islam-muslim…
โดย Ghazali Benmad