ท่านคือชัยคุลอิสลามแห่งตูนีเซีย เป็นทั้งอิมามใหญ่ยามิอฺซัยตูนะฮ์ มุฟตีและกอฎีชัรอีย์ (ผู้พิพากษาสูงสุดแห่งกฎหมายอิสลาม) ผู้มีนามว่า มูฮัมมัด ฏอฮิร บินอาชูร (มีชีวิตระหว่างปีค.ศ. 1879-1973) สายตระกูลของท่านเป็นชาวอพยพมาจากอันดาลูเซีย นอกจากนี้ท่านยังดำรงตำแหน่งคณบดีคณะนิติศาสตร์อิสลามและอุศูลุดดีนของมหาวิทยาลัยซัยตูนะฮ์ มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอิสลาม
ช่วงนั้นรัฐบาลตูนิเซียโดยประธานาธิบดีบูรฆีบาห์ รณรงค์ให้สตรีตูนีเซียถอดฮิญาบ โดยครั้งหนึ่งนายบูรฆีบาห์ ได้ลงจากรถ แล้วไปถอดฮิญาบของสตรีนางหนึ่งในใจกลางเมืองตูนิเซีย พร้อมกล่าวว่า ยุคมืดได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ทำให้ชัยคุลอิสลามมูฮัมมัดฏอฮิร บินอาชูร อ่านคุตบะฮ์สั้นๆด้วยประโยคว่า “สตรีมุสลิมะฮ์นางหนึ่งได้มาร้องเรียนยังข้าพเจ้า” ท่านทวนประโยคนี้ 2 ครั้งแล้วนั่งลง และลุกใหม่ พร้อมกล่าวว่า “ละหมาดของท่านไม่สร้างความดีงามใดๆ ตราบใดที่ภรรยาและลูกสาวของท่านเปลือยกาย(ไม่ใส่ฮิญาบ)” จงละหมาดเถิด
นายบูรฆีบาห์ได้รณรงค์ไม่ให้ชาวตูนิเซียถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเขาถือว่า การถือศีลอดเป็นเหตุให้เศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่ ทำให้ผู้คนเกียจคร้านทำงาน เขาจึงดื่มน้ำและสูบซิการ์ในรัฐสภาช่วงเดือนรอมฎอน เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนไม่ถือศีลอด
เท่านั้นยังไม่พอ เขาได้ไปหาชัยคุลอิสลามอิบนุอาชูร์ ในฐานะมุฟตีและบุคคลสัญลักษณ์ทางศาสนา ผู้มีบทบาทสูงในขณะนั้น พร้อมขอร้องให้ออกคำฟัตวาเรื่องการถือศีลอดให้เป็นไปตามนโยบายอันชั่วร้ายของเขา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับด้วยดีจากท่านมุฟตี โดยมีเงื่อนไขว่า รัฐบาลจะต้องเชิญชวนผู้คนมารวมตัวกันเพื่อฟังคำฟัตวานี้
เมื่อถึงเวลาที่กำหนด รัฐบาลได้เกณฑ์ผู้คนจำนวนมากมาย เพื่อฟังคำชี้ขาดทางศาสนาที่มีความสำคัญนี้ หลังจากที่นายบูรฆีบาห์ให้โอวาทเสร็จ ชัยคุลอิสลามจึงถูกเชิญให้คำฟัตวา ชัยค์จึงพูดว่า
โอ้ชาวมุสลิมทั้งหลาย แท้จริงการทานอาหารในกลางวันรอมฎอน โดยไม่ใช่เป็นการผ่อนปรนทางศาสนา ถือเป็นบาปใหญ่ เพราะการถือศีลอดเป็นหลักปฏิบัติตามศาสนบัญญัติที่สำคัญประการหนึ่งในอิสลาม ผู้ใดที่ปฏิเสธหลักศาสนบัญญัติข้อนี้ ผู้นั้นย่อมเป็นคนตกศาสนาโดยปริยาย พร้อมอ่านอายัตกุรอาน
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا كُتِبَ عَلَيْكُمُ الصِّيَامُ كَمَا كُتِبَ عَلَى الَّذِينَ مِن قَبْلِكُمْ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ (البقرة/١٨٣)
อัลลอฮ์ตรัสจริงเสมอ
บูรฆีบาห์ต่างหากคือจอมโกหก
บูรฆีบาห์ต่างหากคือจอมโกหก
บูรฆีบาห์ต่างหากคือจอมโกหก
นายบูรฆีบาห์หน้าแตกยับเยินชนิดหมอไม่รับเย็บ
หลังจากนั้นท่านจึงถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งที่ท่านดำรงอยู่ รวมทั้งรัฐบาลยังได้สั่งปิดมหาวิทยาลัยซัยตูนะฮ์เป็นเวลาหลายปี
เกือบ 50 ปีแล้วที่ท่านเสียชีวิต แต่ชาวตูนิเซียก็ยังคงกล่าวดูอาให้กับท่านด้วยดีมาโดยตลอด ชีวประวัติของท่านถูกกล่าวขานอย่างสง่างามต่อไป
แต่สำหรับนายบูรฆีบาห์ ทาสผู้ซื่อสัตย์ของกรุงปารีส ถึงแม้เขาจะเถลิงอำนาจอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีตูนิเซียนานถึง 30 ปี และเพิ่งปิดฉากตำนานแห่งความชั่วร้ายในปี 2000 ที่ผ่านมา ในประเทศตูนีเซียปัจจุบัน เชื่อว่าไม่มีใครคนไหนที่สดุดีและชื่นชมเขา นอกจากชาวเซคิวล่าร์ สาวกแห่งกรุงปารีส ผู้ชิงชังต่ออิสลามและประชาชาติมุสลิมเท่านั้น
โดย Mazlan Muhammad