บทความ บุคคลสำคัญ

คำกล่าวแสดงความยินดีแก่บัณฑิตมอย. รุ่นที่ 9/2554

ชีค ดร.อุมัร อุบัยด์ หะสะนะฮฺ

ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและอิสลามศึกษาประเทศกาตาร์

เนื่องในโอกาสพิธีประสาทปริญญารุ่นที่ 9 ประจำปีการศึกษา 2554

29 มกราคม 2555

          มวลการสรรเสริญแด่พระผู้ทรงเลือกสรรให้เราอยู่ในฐานะผู้รับมรดกภารกิจของบรรดานบีและสืบทอดเจตนารมณ์แห่งอัลกุรอาน พระองค์กล่าวความว่า : “และเราได้ให้คัมภีร์เป็นมรดกสืบทอดมาแก่บรรดาผู้ที่เราคัดเลือกแล้วจากปวงบ่าวของเรา บางท่านในหมู่พวกเขาเป็นผู้อธรรมแก่ตัวเองและบางคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้เดินสายกลางและบางคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้รุดหน้าในการทำความดีทั้งหลาย” (ฟาฏิร/32)และเราวอนขอจากอัลลอฮฺได้โปรดทำให้เราเป็นกลุ่มชนที่เป็นรุดหน้าในการทำความดีเพื่อตอบสนองคำสั่งของอัลลอฮฺ ความว่า “ ท่านทั้งหลายจงแข่งขันรุดหน้าทำความดีกันเถิด ” (อัลบาเกาะเราะฮฺ/148)

          ความจำเริญและศานติขอมอบแด่ศาสนทูตผู้เป็นบรมครูซึ่งท่านได้กล่าวความว่า “ แท้จริงฉันถูกส่งมายังโลกนี้ในฐานะบรมครูเท่านั้น ” ส่วนหนึ่งของการวอนดุอาอฺของท่านอยู่เนืองนิจ คือ “ ฉันขอให้พระพระองค์ทรงเพิ่มพูนความรู้แก่ฉันด้วยเถิด ” และท่านขอความคุ้มครองให้รอดพ้นจากความรู้ที่ไม่มีประโยชน์เพราะความรู้ไม่มีคุณค่าจะไม่สามารถสร้างประโยชน์แก่มวลมนุษย์ ด้วยเหตุนี้มนุษย์ที่เป็นที่รักที่สุดของอัลลอฮฺคือ ผู้ที่สร้างคุณประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์มากที่สุด

–        ฯพณฯรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศาสนสมบัติและกิจการอิสลามประเทศกาตาร์

–        ท่านนายกสภามหาวิทยาลัยอิสลามยะลา

–        อธิการบดีมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา

–        กรรมการสภา คณะผู้บริหารและคณาจารย์ แขกผู้มีเกียรติ ผู้ปกครองและลูกหลานบัณฑิตทุกท่าน

Assalamu alaikum warahmatullah wabarakatuh

          อัลลอฮฺกล่าว ความว่า “ จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) “ ด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮและด้วยความเมตตาของพระองค์จงดีใจเถิดด้วยสิ่งดังกล่าวนั้น (เพราะความโปรดปรานและความเมตตาของพระองค์)ดียิ่งกว่าสิ่งพวกเขาสะสมไว้ ” (ยูนุส/58)

          ในโอกาสพิธีประสาทปริญญา รุ่นที่ 9 มหาวิทยาลัยอิสลามยะลาในครั้งนี้ ผมใคร่ขอแสดงความความยินดีและเป็นช่วงเวลาที่มีความเหมาะสมที่สุดที่เราต่างปลาบปลื้มเนื่องจากความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่นี้ ที่อัลลอฮฺได้ประทานเตาฟิกให้กำเนิดมหาวิทยาลัยแห่งนี้และได้ดำเนินภารกิจอย่างสำเร็จลุล่วงและทรงอุปถัมป์สถาบันแห่งนี้ด้วยการให้โอกาสแก่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมพัฒนา ดังกรณีกระทรวงศาสนสมบัติและกิจการอิสลามประเทศกาตาร์ที่ได้ยืนอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่กับมหาวิทยาลัยในการเปิดสาขาและศาสตร์ต่างๆที่สร้างความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แก่นักศึกษา สร้างความภูมิใจให้กับพวกเขาในการเป็นผู้รับมรดกจากบรรดาศาสนทูตและเสริมสร้างบุคลิกภาพแห่งความเป็นสายกลางและสันติเพื่อสานต่อภารกิจของบรรดานบี รู้จักปฏิสัมพันธ์กับยุคสมัยอย่างรู้เท่าทัน พร้อมเชิญชวนมนุษย์สู่คุณค่าของอิสลามด้วยวิทยปัญญาและการตักเตือนที่ดี เพราะบัณฑิตในวันนี้คือกำลังหลักที่สำคัญของสังคมในอนาคต พวกเขาจะแบกภาระศาสนานี้ในสังคมต่อไป นบีได้กล่าวความว่า “ ความรู้นี้จะถูกรับภาระโดยผู้ทรงความยุติธรรมที่สืบทอดจากบรรพชนรุ่นแล้วรุ่นเล่า พวกเขาจะปฏิเสธการตีความของคนไม่รู้ จะลบล้างการแอบอ้างของมิจฉาชน และจะยับยั้งการเบี่ยงเบนของบรรดาผู้สุดโต่ง ”  (รายงานโดยบัยหะกีย์)

ผู้มีเกียรติทุกท่าน

ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า ภราดรภาพอิสลาม ยืนหยัดด้วยฐานแห่งหลักการศรัทธา ดั้งอัลลอฮ กล่าวความว่า “ ศรัทธาชนคือพี่น้องกัน ”  (อัลหุญร็อต/10)  นบีมุหัมมัดกล่าวความว่า   “ จะไม่เป็นผู้ศรัทธาจนกว่าเขาจะรักพี่น้องของเขาเสมือนที่เขารักตนเอง ”  (รายงานโดยอัลบุคอรีย์)  ประชาชาติมุสลิมคือประชาชาติเดียวที่ก่อร่างสร้างตัวด้วยอัลกุรอานและสามารถโลดแล่นด้วยพลังแห่งมัสยิด และมัสยิดคือสถาบันแรกที่ค้ำจุนการกำเนิดของสังคมมุสลิม  อิสลามได้กำหนดว่าการแสวงหาความรู้คือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมุสลิมทุกคน ทั้งนี้เพราะการเรียนการสอน การแสวงหาความรู้และการอ่านถือเป็นกุญแจสำคัญในศาสนานี้ พจนารถแรกที่ถูกประทานลงมายังฟากฟ้า เพื่อกอบกู้มนุษย์บนโลกนี้และสร้างอารยธรรมแห่งความปรานี ผ่านศาสนาทูตคนสุดท้ายคือพจนารถที่เริ่มต้นด้วย “ อิกเราะ ” แปลว่าจงอ่าน

สิ่งเหล่านี้เป็นคำยืนยันถึงอัตลักษณ์สาสน์ของเรา พร้อมปฏิบัติภารกิจบนโลกนี้ทั้งต่อตนเอง สังคม ประเทศชาติและมนุษยชาติทั้งมวล อัลลอฮฺได้กำหนดเป้าหมายสำคัญของการประทานนบีมูฮำมัดคือ การธำรงไว้ซึ่งความปรานีแก่สากลจักรวาล เราต้องถามตัวเองว่า อะไรบ้างที่เป็นบทบาทและผลงานของเราในอารยธรรมแห่งความปรานีนี้ อารยธรรมสายกลางและความสมดุล  ดังที่อัลลอฮฺกล่าว ความว่า “ และในทำนองเดียวกัน เราได้ให้พวกเจ้าเป็นประชาชาติที่เป็นกลาง เพื่อพวกเจ้าจะได้เป็นสักขีพยานแก่มนุษย์ทั้งหลาย“ (อัลบะเกาะเราะฮฺ / 143)                           

ภารกิจสำคัญของเราขณะนี้คือ ทวงคืนกระบวนการสร้างอารยธรรมแห่งความปรานี  อารยธรรมที่เรียกคืนศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพในความเชื่อและประกอบพิธีทางศาสนาและกำหนดทางเลือกแก่ตนเอง ภายใต้สโลแกน ” ไม่มีการบังคับในการนับถือศาสนา”(อัลบะเกาะเราะฮฺ/256)หลังจากที่เราชี้แจงเส้นทางที่ถูกต้องและเส้นทางที่เบี่ยงเบนแก่มนุษย์แล้ว

นับเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มหาวิทยาลัยอิสลามยะลายึดถือมาโดยตลอด คือการให้เกียรติบุคคลตามโอกาสพิเศษต่าง โดยที่ในปีนี้มหาวิทยาลัยอิสลามยะลาได้มีมติ มอบรางวัล โล่เกียรติคุณ ผู้สร้างคุณประโยชน์แก่สังคมดีเด่น(Tokoh Berjasa) แก่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง

เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ข้าพเจ้าในนามคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ใคร่แสดงความยินดีแก่ท่านด้วยความจริงใจ

           แขกผู้มีเกียรติ

           ลูกหลานบัณฑิตทุกท่าน

          สาส์นของท่านยิ่งใหญ่มาก และใหญ่เพิ่มเป็นทวีคูณเมื่อเทียบกับการที่ท่านอยู่ในประเทศนี้ ภารกิจของท่านถือเป็นการก่อสร้างที่หนักหน่วง ถือเป็นญิฮาดและสัญลักษณ์สำคัญของการญีฮาดทีเดียว

          ดังนั้น จึงไม่แปลกที่อัลกุรอานใช้คำว่า “ กองกำลังกลุ่มหนึ่ง“ แทนกลุ่มนักศึกษา ดังที่  อัลกุรอานกล่าว ความว่า “ ทำไมแต่ละกลุ่มในหมู่พวกเขาจึงไม่ออกไปเพื่อหาความเข้าใจในศาสนา และเพื่อจะได้ตักเตือนหมู่คณะของพวกเขา เมื่อพวกเขาได้กลับมายังหมู่คณะของพวกเขา โดยหวังว่าหมู่คณะของพวกเขาจะได้ระมัดระวัง “ (อัตเตาบะฮฺ /122)        

ดังกรณีที่ อัลกุรอานใช้คำว่า “ กองกำลังกลุ่มหนึ่ง” กับกองพลในสนามรบ “ พวกเจ้าจงออกไปกันเถิด ทั้งที่ผู้มีสภาพว่องไว และผู้ที่มีสภาพเชื่องช้า (บุคคลทุกประเภทที่สามรถจะเดินทางได้) และจงเสียสละทั้งด้วยทรัพย์ของพวกเจ้า และชีวิตของพวกเจ้าในทางของอัลลอฮฺ นั่นแหละคือสิ่งที่ดียิ่งสำหรับพวกเจ้า หากพวกเจ้ารู้

          วันนี้เป็นวันแห่งความปลาบปลื้มและปีติยินดี จากความสำเร็จของลูกหลานของเราที่เป็นบัณฑิตใหม่ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของการกลับสู่ครอบครัว สังคม และประชาชาติ เราจำเป็นที่จะต้องมอบภารกิจให้กับพวกเขาในการนำศาสตร์ความรู้ที่ถูกต้อง และลบล้างทัศนคติเชิงลบทั้งหลาย พร้อมนำความรู้ไปพัฒนาคุณภาพชีวิต และตักเตือนพวกเขาให้พ้นจากเส้นทางที่เบี่ยงเบน (หวังว่าหมู่พวกเขาจะได้ระมัดระวัง)

          พี่น้องนักศึกษา

          ใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยเปรียบเสมือนเข็มทิศ จะนำทางสู่การทำงานและเป็นกุญแจดอกเล็กๆ เพื่อเปิดทางในกระบวนการสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ และปริญญาคือการเริ่มต้น ไม่ใช่เป็นการสิ้นสุดของการศึกษาหาวิชาความรู้

          ขอดุอาอฺจากอัลลอฮฺให้เพิ่มพูนความรู้ และขอความคุ้มครองให้รอดพ้นจากความรู้ที่ไม่มีประโยชน์ ภารกิจทุกอย่างขอมอบแด่อัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงคุ้มครองที่ดีเลิศ และผู้ทรงช่วยเหลือที่ดีเยี่ยม

          สุดท้ายนี้ ขอแสดงความยินดีให้กับบัณฑิตทุกคน และขอชื่นชมมหาวิทยาลัยอิสลามยะลาและคณะผู้บริหารที่มีบทบาทสำคัญ ในการสร้างเกียรติประวัติของมุสลิมในภูมิภาคนี้ และได้สร้างหอประภาคารแห่งการเรียนรู้ และแสงสว่างที่นำทางแก่มวลมนุษย์ นำเสนอคุณค่าของศาสนาอิสลาม ที่ปราศจากรุนแรงและสุดโต่ง

Wassalam