บทความ บทความวิชาการ

อาณาจักรมด อัศจรรย์แห่งอัลกุรอาน [ตอนที่2]

การวางผังเมือง การจัดระเบียบสังคมที่มีผู้คนอาศัยอยู่ร่วมกันตามเมืองใหญ่ๆนับล้านคน พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบสาธารณูปโภค เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด มนุษย์ต้องอาศัยกฎหมายและกติกาทางสังคมมาบังคับใช้ เพื่อสร้างสังคมที่สันติสุข แต่มนุษย์โดยสันดานแล้วชอบล่วงละเมิด ฝ่าฝืน เอาใจตัวเอง เอาเปรียบคนอื่น ทำงานโดยหวังกอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก ส่วนความสุขสบายของคนอื่นจะเป็นเรื่องรอง ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนนับวันยิ่งห่างไกลไปทุกที เราจึงมีแต่สังคม 2 ประเภทเท่านั้นคือกลุ่มที่ไม่รู้จะกินอะไร และกลุ่มที่ไม่มีอะไรจะกิน หรือรวยกระจุก จนกระจาย จะมีน้อยคนที่ยอมเหน็ดเหนื่อยและยากลำบากเพื่อความสุขสบายของผู้อื่น หากมีคนบอกเราว่ามีสังคมมนุษย์ที่มีแต่ความเอื้ออาทร สมัครสมานสามัคคี ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แต่ละคนทำงานเพื่อความสุขของส่วนรวม ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่อิจฉาริษยา เราจะบอกได้เลยว่านั่นเป็นสังคมในอุดมคติหรือเป็นสังคมยุคนบีและเศาะฮาบะฮฺเท่านั้น มันไม่มีทางเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน

ณ โอกาสนี้ เราขอบอกว่ายังมีชุมชนหนึ่งที่เป็นต้นแบบของการเสียสละ ความร่วมมือ ความสมานสามัคคี ความขยัน ไม่ย่อท้อและไม่เบื่อหน่าย รักและห่วงแหนสถาบัน ยอมปกป้องสถาบันแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม แต่ที่น่าพิศวงอย่างยิ่งคือสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะด้วยการบังคับทางกฎหมายใดๆ แต่เป็นความสมัครใจของบรรดาสมาชิก มันคืออาณาจักรมดนั่นเองครับ

สังคมมดอาศัยอยู่เป็นแสนๆตัว บางชนิดเป็นล้านตัว แต่ละตัวในสมาชิกต่างรับผิดชอบต่อหน้าที่และบทบาทของตนอย่างขยันขันแข็ง ทุกตัวต้องทำงานเพื่อรักษาอาณาจักรของตน ในสังคมนี้จะไม่มีผู้อดอยาก ไม่มีผู้ขัดสนแม้แต่ตัวเดียว พวกมันรู้จักแบ่งปันอาหารแม้กระทั่งน้ำดื่มเพียงหยดเดียว ไม่มีตัวไหนที่คอยเอาเปรียบเพื่อน กินแรงเพื่อนหรือเอาแต่ได้ ในชุมชนของมันไม่มีผู้ร้ายแม้แต่ตัวเดียว แต่ละตัวทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็งตลอด 24 ชม. สังคมมดจึงเป็นสังคมแห่งความเอื้ออาทรที่เป็นความน่าทึ่งของพระผู้ทรงสร้างอย่างแท้จริง

เราเคยสังเกตจังหวะเดินของมดบ้างไหม มีช่วงไหนบ้างที่มันเดินอย่างเลื่อนลอย ไร้จุดหมาย หรือเดินแบบคนคอตกที่หมดอาลัยตายอยากกับชีวิต เราไม่เคยเจอเลย แต่ละตัวมีแต่ความมุ่งมั่น กระฉับกระเฉงและใฝ่หาตลอดเวลา ไม่เชื่อพี่น้องลองสังเกตดู

ในป่าทึบแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย มีมดพันธุ์หนึ่ง เรียกว่า มดจักรเย็บ เพราะมันจะสร้างอาณาจักรโดยการถักทอใบไม้และมาตัดต่อเป็นรังด้วยกรรมวิธีทางเคมีที่แปลกประหลาดมาก

มดบางประเภทในป่าอะเมซอน รู้จักทำเกษตรเพื่อตุนเป็นอาหารยามคับขันหรือยามข้าวยากหมากแพง (มดคงไม่กินหมากน่ะครับ)ให้แก่ประชากรในอาณาจักรของมัน โดยเริ่มจากการตัดใบไม้และกิ่งก้านพร้อมลำเลียงเข้าไปในอาณาจักร มันจะทำงานหนักอย่างนี้ตลอดเวลา 24 ชม. การลำเลียงใบไม้ในลักษณะนี้ เสมือนที่ชายคนหนึ่งแบกของน้ำหนัก 250 กก. แล้ววิ่งด้วยความเร็ว 1.5 กม./ชั่วโมง โดยไม่หยุดพัก พวกมันสร้างถนนเส้นต่างๆ เพื่อความสะดวกในการลำเลียงของงานบรรทุก และสิ่งที่น่าทึ่งมากกว่านี้ คือ จะมีฝ่ายซ่อมแซมถนนหรือฝ่ายขจัดสิ่งกีดขวางตามถนนเพื่อให้การลำเลียงดำเนินไปอย่างสะดวกที่สุด(ไม่สะดุดกิ่งไม้จนหัวคะมำได้) บางส่วนก็ทำหน้าที่เป็นสะพานมีชีวิตให้บรรดานักลำเลียงสามารถส่งของตามเวลาและจำนวนที่กำหนดโดยการร้อยเรียงจับตัวกันเป็นสะพานให้เพื่อนข้ามอย่างสะดวก นับเป็นภาพแห่งความเสียสละที่หาไม่ได้อีกแล้ว มดลำเลียงเหล่านี้มีจำนวนประมาณ 500,000 ตัว ทำงานไม่หยุดหย่อนตลอด 24 ชม. โดยไม่รู้จักคำว่าย่อท้อและเบื่อหน่าย

มนุษย์ตัดต้นไม้โดยใช้เครื่องจักรช่วย แต่มดพันธุ์นี้จะตัดด้วยอวัยวะของมันที่ทำหน้าที่เสมือนเลื่อยที่มีประสิทธิภาพที่สุด และเพื่อให้การตัดใบไม้ดำเนินไปอย่างสะดวก เลื่อยของมันจะปล่อยน้ำมันหล่อลื่นตลอดเวลา

มดจะสร้างอาณาจักรภายในรังของมัน พวกมันจะใช้ใบไม้เหล่านี้เข้าไปในรังเพื่อจัดทำสวนเฉพาะ หลังจากมดลำเลียงมอบใบไม้ แก่มดเกษตรแล้ว จะมีอีกกลุ่มหนึ่งทำหน้าที่ในการฆ่าเชื้อใบไม้ มันจะทำความสะอาดใบไม้จนกระทั่งมั่นใจว่าปลอดจากสารพิษต่างๆที่อาจติดอยู่กับใบไม้ จากนั้นมดเกษตรก็เริ่มทำสวนด้วยกรรมวิธีที่น่าทึ่งยิ่ง จากนั้นเยื่อใยที่ไม่มีประโยชน์ก็จะถูกขนย้ายออกจากรังเพื่อเป็นการทำความสะอาดรังครั้งใหญ่ (Big Cleaning Day)

มดทหารจะทำหน้าที่ปกป้องอาณาจักรแม้นต้องแลกด้วยชีวิต นับเป็นการเสียสละที่เกินบรรยายจริงๆ

หากเราสังเกตที่มดลำเลียงใบไม้ จะพบว่ามีมดตัวหนึ่งที่ประจำการเกาะติดใบไม้เพื่อทำหน้าที่อารักขาจากการจู่โจมทางอากาศที่อาจเกิดขึ้นทุกเมื่อ มันทำหน้าที่คล้ายทหารอารักขาความปลอดภัยของคาราวานกองทัพที่ลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ มดอารักขานี้จะทำหน้าที่อารักขาใบไม้อย่างกล้าหาญแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม

ความสลับซับซ้อนของอาณาจักรมดในลักษณะนี้เป็นสิ่งยืนยันถึงการมีอยู่ของพระผู้ทรงสร้าง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่สิ่งเหล่านี้จะเกิดโดยการบังเอิญ ตามความหลอกลวงของทฤษฎีวิวัฒนาการที่อุตริโดยชาร์ล ดาร์วิน

ต่อภาค [3]


เขียนโดย Mazlan Muhammad