24 กรกฎาคม 2020 ศ.ดร.อาลี อัรบัช ประมุขฝ่ายศาสนาของตุรกี คุตบะฮ์ครั้งแรกที่มัสยิดอายาโซเฟีย เมื่อวันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม 2020 โดยมีผู้คน ราว 350,000 คน เข้าร่วมเป็นประจักษ์พยานและร่วมพิธีละหมาดวันศุกร์ครั้งประวัติศาสตร์นี้
ในนามแห่งอัลลอฮ์ผู้กรุณาปรานี
اِنَّمَا يَعْمُرُ مَسَاجِدَ اللّٰهِ مَنْ اٰمَنَ بِاللّٰهِ وَالْيَوْمِ الْاٰخِرِ وَاَقَامَ الصَّلٰوةَ وَاٰتَى الزَّكٰوةَ وَلَمْ يَخْشَ اِلَّا اللّٰهَ فَعَسٰٓى اُو۬لٰٓئِكَ اَنْ يَكُونُوا مِنَ الْمُهْتَد۪ينَ.
“แท้จริง ผู้ที่จะทำนุบำรุงบรรดามัสยิดของอัลลอฮ์นั้นคือผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลก และดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และชำระซะกาต และเขามิได้ยำเกรงผู้ใดนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น ดังนั้น ชนเหล่านี้แหละจะเป็นผู้ที่อยู่ในหมู่ผู้รับคำแนะนำ”
ท่านศาสนทูต صلى الله عليه وسلم กล่าวว่า
لَتُفْتَحَنَّ الْقُسْطَنْطِينِيَّةُ فَلَنِعْمَ الْأَمِيرُ أَمِيرُهَا وَلَنِعْمَ الْجَيْشُ ذَلِكَ الْجَيْشُ.
“คอนสแตนติโนเปิลจะถูกเปิด ผู้นำผู้นั้นเป็นสุดยอดผู้นำ และกองทัพนั้นเป็นสุดยอดกองทัพ”
อายาโซเฟียสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ และของฝากของสุลต่านมูฮัมหมัด อัลฟาติห์ ให้มุสลิมดูแลรักษา
มวลมุสลิมทั้งหลาย
สันติสวัสดีจากอัลลอฮ์ ตลอดจนการดูแลของพระองค์ และบารอกะฮ์จงมีแด่ท่านทั้งหลาย
ในห้วงเวลาอันประเสริฐ ในสถานที่อันประเสริฐวันนี้ พร้อมๆกับวันอีดิลอัฎฮาที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ ในวันที่ 3 ซุลฮิจญะฮ์ มัสยิดอายาโซเฟียได้พบหน้ากับผู้ละหมาดอีกครั้ง และเป็นวันที่แผลบาดลึกได้หายขาด ความโศกเศร้าเสียใจของชาวตุรกีได้สิ้นสุดลง
ขอขอบคุณต่ออัลลอฮ์อย่างที่สุด
วันนี้โดมทั้งหลายของอายาโซเฟีย กึกก้องไปด้วยเสียงตักบีร์ ตะห์ลีล และซอลาวาต เสียงอาซานและซิกิรดังก้องจากหออะซาน นี่คือความกระตือรือร้นและความปรารถนาของลูกหลานของสุลต่านอัลฟาติห์ได้สำเร็จลงแล้ว ความเงียบงันของศาสนสถานแห่งนี้สิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน วันนี้ มัสยิดอายาโซเฟียได้พบกับผู้มาละหมาดแล้ว
วันนี้คล้ายคลึงกับเมื่อ 70 ปีที่แล้ว เมื่อ 16 มุอัซซิน (ผู้อะซาน) ของ 16 หออะซาน ณ มัสยิดสุลต่านอะหมัด ( ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับอายาโซเฟีย ) ได้ดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ต้องหยุดไป 18 ปี
วันนี้ เป็นวันที่ชาวมุสลิมยืนละหมาดด้วยน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มปิติยินดี ด้วยความนอบน้อมและความซาบซึ้ง สูยูดด้วยความรู้สึกขอบคุณต่อองค์อภิบาล
มวลการสรรเสริญและการขอบคุณ เป็นสิทธิของอัลลอฮ์ ที่ทำให้เราได้มารวมตัวกันในวันนี้
พรและสันติสุข จงมีแด่ท่านศาสนทูตมุฮัมมัด صلى الله عليه وسلم ผู้กล่าวว่า
لَتُفْتَحَنَّ الْقُسْطَنْطِينِيَّةُ فَلَنِعْمَ الْأَمِيرُ أَمِيرُهَا وَلَنِعْمَ الْجَيْشُ ذَلِكَ الْجَيْشُ.
“คอนสแตนติโนเปิลจะถูกเปิด ผู้นำผู้นั้นเป็นสุดยอดผู้นำ และกองทัพนั้นเป็นสุดยอดกองทัพ”
สันติสุขจงบังเกิดแก่ซอฮาบะฮ์ผู้ทรงเกียรติ ผู้ออกไปในวิถีแห่งอัลลอฮ์ เพื่อเสาะแสวงวาจาสิทธิ์ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งอบูอัยยูบ อัลอันซอรี ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้สถาปนาทางจิตวิญญาณแห่งอิสตันบูล ตลอดจนบรรดาผู้เจริญรอยตามพวกเขาเหล่านั้น และบรรดาชะฮีดและนักรบของเรา ผู้ทำให้อานาโตเลียเป็นแดนดินถิ่นอาศัยสำหรับเรา และพิทักษ์ปกป้องอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเสมอมา
สันติสุขจงบังเกิดแก่ อ๊าก ชัมซุดดีน ผู้ทรงวิชาและภูมิปัญญา ที่ได้สลักความรักความปรารถนาที่จะพิชิตอายาโซเฟียในหัวใจของสุลต่านมุฮัมมัด อัลฟาติห์ และได้เป็นอิหม่ามนำละหมาดในมัสยิดอายาโซเฟียครั้งแรก ในวันที่ 1 มิถุนายน 1453
فَاِذَا عَزَمْتَ فَتَوَكَّلْ عَلَى اللّٰهِۜ اِنَّ اللّٰهَ يُحِبُّ الْمُتَوَكِّل۪ينَ
“เมื่อท่านได้ตัดสินใจแล้ว ก็จงมอบหมายแด่อัลลอฮ์เถิด เพราะความจริงอัลลอฮ์รักบรรดาผู้มอบหมายต่อพระองค์”
สันติสุขจงบังเกิดแก่ผู้นำหนุ่ม สุลต่านมุฮัมมัด อัลฟาติห์ ผู้สร้างเทคโนโลยีระดับแนวหน้าในยุคนั้น ผู้สร้างเรือบก ที่ด้วยความช่วยเหลือของอัลลอฮ์ ทำให้สามารถพิชิตอิสตันบูลได้ และผู้ไม่ยอมให้เมืองนี้เสียหายแม้เพียงหินก้อนก็ห้ามมิให้ทุบทำลาย
สันติสุขจงบังเกิดแก่สินาน นายช่างใหญ่และสถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่ ที่ได้สร้างหออาซานประดับมัสยิดอายาโซเฟีย ที่ยังคงตระหง่านตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา เพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษของท่าน
สันติสุขจงบังเกิดแก่พี่น้องผู้ร่วมศรัทธาจากทุกแดนดิน และผู้ที่อดทนรอเพื่อเฉลิมฉลองการเปิดมัสยิดอายาโซเฟียเพื่อประกอบศาสนกิจอีกคำรบหนึ่ง
สันติสุขพึงบังเกิดแก่บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ที่ได้อุทิศชีวิตเพื่อสัจธรรม ศีลธรรมจรรยา ธำรงความยุติธรรมในแผ่นดิน ตลอดจนความดีงามและมนุษยธรรม
สันติสุขพึงบังเกิดแก่บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในประเทศของเรา รวมถึงผู้นำทางความรู้ วิชาการและภูมิปัญญา และความดีงาม ตลอดจนผู้ที่ทุ่มเทความพยายามด้วยความอดทน ตั้งแต่ในอดีตจนกระทั่งวันนี้ เพื่อให้ของฝากอันมีค่านี้ได้รองรับผู้ละหมาดอีกครั้ง
สันติสุขจงบังเกิดแก่ประชาชนชาวตุรกี ที่มีวิชาความรู้และปัญญา ที่ได้ปลูกความหวังและความอดทน ตลอดจนบรรดาเพื่อนๆผู้ทรงวิชาและความดีงามทั้งหลาย ขอให้ได้รับความเมตตาปรานีจากองค์อภิบาลโดยทั่วกัน
กวีรจนาไว้ว่า
“อายาโซเฟียคือวิญญาณ และทิพยสถานพิเศษสำหรับเรา”
และว่า
“อายาโซเฟียจะต้องเปิดแน่นอน โอ้คนหนุ่มสาว จงรอ รอความเมตตาที่จะลงมา หลังจากฝนห่าใหญ่ จะต้องมีน้ำไหลบ่า ฉันขอเป็นเศษหญ้าบนธารน้ำนั้น ฉันไม่ต้องการสิ่งใดมากไปกว่านั้น อายาโซเฟียจะต้องเปิด ดุจดั่งทิพย์คัมภีร์ที่ไม่มีวันปิดได้”
ผู้ศรัทธาที่มีเกียรติทั้งหลาย
ด้วยอายุที่ยาวนานกว่า 15 ศตวรรษ อายาโซเฟียถือเป็นสถานแห่งวิชาการและศาสนพิธีที่มีคุณค่ายิ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ วิหารโบราณแห่งนี้บ่งชี้ถึงสภาพการเคารพสักการะอย่างยอดเยี่ยมต่ออัลลอฮ์ องค์อภิบาลแห่งสากลโลก
อายาโซเฟีย สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ และของฝากของสุลต่านมูฮัมหมัด อัลฟาติห์ ให้มุสลิมดูแลรักษา สุลต่านได้บริจาควะกัฟให้ไว้ เป็นมัสยิดตราบจนวันฟื้นคืนชีพ
ตามหลักความเชื่อของเรา ทรัพย์วะกัฟเป็นสิ่งที่ห้ามล่วงละเมิด ไม่อาจเปลี่ยนแปลงให้ผิดไปจากเจตนาของผู้บริจาคได้ ผู้ใดละเมิดจะถูกสาปแช่ง
ดังนั้น นับตั้งแต่วันที่สุลต่านมุฮัมมัด อัลฟาติห์ได้บริจาค สถานที่นี้จะไม่ใช่ทิพยสถานสำหรับชาวตุรกีเท่านั้น แต่เป็นสมบัติของประชาชาติทั้งมวลของท่านนบีมุฮัมมัด صلى الله عليه وسلم
อายาโซเฟีย เป็นสถานที่ที่ประกาศความเมตตาของอิสลามต่อสังคมโลก สุลต่านมุฮัมมัด อัลฟาติห์ กล่าวกับชาวเมืองที่หนีเข้ามาหลบภัยในวิหารอายาโซเฟียภายหลังการพิชิตเพราะกลัวการลงโทษ ว่า “อย่าได้กลัวเลย นับแต่นี้ไปไม่ต้องกลัวว่าจะมีการละเมิดเสรีภาพและชีวิตของพวกท่าน ไม่มีใครถูกปล้นชิง ไม่มีใครเบียดเบียนใคร ไม่มีใครถูกลงโทษเพราะความเชื่อทางศาสนา”
ด้วยเหตุนี้ อายาโซเฟียจึงเป็นสัญลักษณ์ของการเคารพต่อความศรัทธาในศาสนาและจริยธรรมการใช้ชีวิตที่หลากหลาย
โอ้ศรัทธาชนผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย
การเปิดอายาโซเฟียสำหรับการประกอบศาสนกิจ เป็นการแสดงถึงการเป็นทิพยสถานสำหรับมุสลิมในฐานะมัสยิดมานานถึง 500 ปี และเป็นการหวนคืนสู่สถานะเดิม
การเปิดอายาโซเฟียสำหรับการประกอบศาสนกิจ เป็นการย้ำเตือนถึงสถานภาพมัสยิดต่างๆทั่วโลก ที่กำลังโศกเศร้าเพราะการถูกกดขี่บีฑา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมัสยิดอักซอ ที่ความหวังยังคงมั่นไม่สั่นคลอน
การเปิดอายาโซเฟียสำหรับการประกอบศาสนกิจ ถือเป็นการสืบทอดอารธรรมของเราที่มีหลักศรัทธาต่ออัลลอฮ์เป็นรากฐาน มีวิทยาการเป็นก้อนอิฐ มีจริยธรรมจรรยาเป็นพื้นปู สู่ความรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ต่อไป
มวลมุสลิมผู้ทรงเกียรติ
อารยธรรมของเรามีมัสยิดเป็นแกนกลาง มัสยิดคือแหล่งกำเนิดของความสามัคคี ความรุ่งเรือง วิทยาการและวิชาความรู้ของเรา
อัลลอฮ์กล่าวถึงผู้มีสิทธิทำนุบำรุงมัสยิดว่า
”اِنَّمَا يَعْمُرُ مَسَاجِدَ اللّٰهِ مَنْ اٰمَنَ بِاللّٰهِ وَالْيَوْمِ الْاٰخِرِ وَاَقَامَ الصَّلٰوةَ وَاٰتَى الزَّكٰوةَ وَلَمْ يَخْشَ اِلَّا اللّٰهَ فَعَسٰٓى اُو۬لٰٓئِكَ اَنْ يَكُونُوا مِنَ الْمُهْتَد۪ينَ”
“แท้จริง ผู้ที่จะทำนุบำรุงบรรดามัสยิดของอัลลอฮ์นั้นคือผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลก และดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และชำระซะกาต และเขามิได้ยำเกรงผู้ใดนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น ดังนั้น ชนเหล่านี้แหละจะเป็นผู้ที่อยู่ในหมู่ผู้รับคำแนะนำ”
พี่น้องทั้งหลาย
จะมีอะไรที่น่าเศร้าเสียใจมากไปกว่ามัสยิดที่หออาซานที่ไร้สรรพเสียง แท่น มิมบัรที่วังเวง ลานมัสยิดที่เงียบเหงา ไร้ผู้คน
วันนี้ มุสลิมในประเทศต่างๆทั่วโลกยังคงถูกย่ำยีอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องจากมัสยิดที่ถูกละเมิด บ้างถูกปิดตาย บ้างถูกระเบิดทำลายทิ้ง มุสลิมหลายล้านคนถูกย่ำยี
ณ ที่นี่ ข้าพเจ้าต้องการแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ยอดเยี่ยมของสุลต่านมุฮัมมัด อัลฟาติห์ที่ได้ปฏิบัติต่ออายาโซเฟีย และขอเรียกร้องให้หยุดวาทกรรม การกระทำ และการประทุษร้ายต่ออิสลาม
พี่น้องทั้งหลาย
ในฐานะผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ที่ทราบถึงเป้าหมายอันยิ่งใหญ่และภาระอันบริสุทธิ์ที่มีต่ออายาโซเฟีย หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่สำหรับเราในวันนี้คือการเผยแพร่เมตตาธรรม ความเห็นอกเห็นใจ สันติภาพ ความสงบสุขและความดีงามไปให้ทั่วหล้า เพราะรากเดิมของอิสลามคือสันติภาพ และความรอดพ้น
นี่เป็นเหตุผลของการส่งท่านนบีแห่งความเมตตาและบรรดาศาสนทูตผู้ทรงเกียรติ صلوات الله عليهم أجمعين
ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำ คือการทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อให้แน่ใจว่าความเมตตากรุณา ความถูกต้องและความยุติธรรม ได้มีชัยมีอำนาจในโลกนี้
เราต้องเป็นความหวังเพื่อความรอดของมนุษยชาติที่อยู่ในวงจรของปัญหาที่ยิ่งใหญ่ เราจำเป็นต้องรักษาความยุติธรรมในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่ล้อมรอบไปด้วยการกดขี่ ความอยุติธรรม น้ำตา และความสิ้นหวัง
เราจำเป็นต้องสดับรับฟังคำเรียกร้องที่ว่า “ มุสลิมเอย ! จงทำความเข้าใจอิสลามในความหมายที่ถูกต้องและสวยงาม จงใช้ชีวิต และเผยแพร่ศาสนา แม้ว่ามีใครก็ตามที่จะมาฆ่าท่าน แต่เขากลับได้รับพบทางรอดเพราะท่าน !
เราเชื่อตามที่อาลีกล่าวไว้ว่า“ ทุกคนเป็นพี่น้องกันในศาสนาของท่าน หรือเท่าเทียมกับท่านในความเป็นมนุษย์ ” เราเชื่อว่าโลกเป็นบ้านของเราที่ใช้ร่วมกัน เราเชื่อว่าสมาชิกทุกคนในบ้านนี้ โดยไม่คำนึงถึงศาสนา เชื้อชาติ สีผิวหรือประเทศ มีสิทธิ์ที่จะอยู่อย่างอิสระ และอย่างมนุษย์ อย่างปลอดภัยในกรอบของค่านิยมสากล และหลักการทางศีลธรรม
ภายใต้โดมแห่งอายาโซเฟีย เราเรียกร้องให้มนุษยชาติทุกคนรักษาความยุติธรรม ความสงบ ความเห็นอกเห็นใจ และความชอบธรรม
เราเรียกร้องให้ปกป้องคุณค่าสากลและหลักการทางศีลธรรมที่ปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และทำให้เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเกียรติที่สุด
ในฐานะศาสนิกของศาสนาสุดท้ายและศาสนาที่แท้จริงซึ่งประกาศว่า ชีวิตของแต่ละคน โดยไม่คำนึงถึงเพศและอายุนั้น ไม่สามารถล่วงละเมิดได้ เราขอให้มนุษยชาติให้ความร่วมมือและร่วมมือกันในการปกป้องชีวิต ศาสนา สติปัญญา ทรัพย์สินและเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ทุกคน
เพราะในวันนี้ เรามีความจำเป็นยิ่งกว่าในยุคใดๆ ต่อการบูรณาการหัวใจกับสามัญสำนึกเข้าด้วยกัน บูรณาการระหว่างเหตุผลกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเข้าด้วยกัน สร้างความใกล้ชิดระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
ในตอนท้ายของคุตบะฮ์ ข้าพเจ้าเรียกร้องสังคมโลกจากสถานที่อันทรงเกียรตินี้
โอ้มนุษยชาติทั้งหลาย !
ประตูของมัสยิดอายาโซเฟียจะยังคงเปิดให้แก่บ่าวทุกคนของอัลลอฮ์โดยไม่เลือกปฏิบัติ เหมือนประตูมัสยิดสุไลมานี มัสยิดสะลีมะยะฮ์ มัสยิดสุลต่านอาหมัด และมัสยิดอื่น ๆ ของเรา
การเดินทางสู่ความศรัทธา การนมัสการ ประวัติศาสตร์และการไตร่ตรองในบรรยากาศทางจิตวิญญาณของมัสยิดอายาโซเฟียจะดำเนินต่อไปอย่างไม่ขาดสาย
ขออัลลอฮ์ผู้ทรงอำนาจ โปรดช่วยให้เราสามารถรับใช้มัสยิดอายาโซเฟียที่มีสถานะพิเศษในประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของเรา และคุณค่าพิเศษในหัวใจของเรา ขออัลลอฮโปรดอำนวยให้เราให้เกียรติที่เหมาะสมคู่ควรกับมัสยิดพิเศษเฉกเช่นอายาโซเฟีย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้ที่ทุ่มเทความพยายามเพื่อปกป้องวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของเรา และการนำมัสยิดอายาโซเฟียคืนสู่สถานะเดิม ขอให้อัลลอฮ์รับพวกเขาให้อยู่ในกลุ่มบ่าวผู้ประเสริฐของพระองค์ ที่พระองค์รักและพึงพอใจต่อพวกเขา
■ ต้นฉบับภาษาอังกฤษ
https://www.trtworld.com/magazine/hagia-sophia-friday-prayer-full-transcript-of-the-sermon-38377?fbclid=IwAR0tetlAn58Fs1dYaHffwoirTRanoL5YUAaIHD_F4jqZzp2h-YqcRrJ8nxc
แปลโดย Ghazali Benmad