หลังจากอดีตผู้นำลิเบียกัดดาฟีถูกโค่นล้มในปี ค.ศ. 2011 ส่งผลให้ลิเบียเกิดภาวะไร้ขื่อแป เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างกลุ่มติดอาวุธนับร้อยทั่วประเทศ ส่งผลให้มีรัฐบาลลิเบียสองชุด ชุดแรกเรียกว่ารัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ (The Government of National Accord – GNA) อยู่ในกรุงตริโปลี ภาคตะวันตกเป็นรัฐบาลที่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติ อีกชุดหนึ่งไปตั้งอยู่ที่เมืองโตบรุก ทางภาคตะวันออก โดยมีกองกำลังติดอาวุธกองทัพแห่งชาติลิเบีย (Libyan National Army -LNA) ของจอมพล เคาะลีฟะฮ์ ฮัฟตาร์ ซึ่งมีสหรัฐฯ อียิปต์ และสาธารณรัฐอาหรับอิมิเรตส์หนุนหลัง
จอมพลฮัฟตาร์ (77 ปี) มีภารกิจคล้ายๆกับนายพลซีซีย์แห่งอิยิปต์ สื่ออาหรับเรียกเขาว่า ซีซีย์แห่งลิเบียทีเดียว
เขาได้รับการสนับสนุนทางอาวุธจากมหาอำนาจตะวันตกโดยมีประเทศอาหรับบางประเทศคอยเป็นเจ้าภาพคอยจ่ายสดให้ หลังจากลี้ภัยที่สหรัฐฯเกือบ 20 ปี แต่กลับสามารถสร้างกองทัพที่เข้มแข็ง ท้าทายความมั่นคงของรัฐบาลกลางตริโปเลีย ภายในระยะเวลาสั้นๆเพียง 3-4 ปี พร้อมๆกับข้ออ้างของสหรัฐฯว่า ต้องการปราบปรามกลุ่มไอเอสที่ลิเบีย
จอมพลฮัฟตาร์เริ่มปฏิบัติการจุดไฟสงครามกลางเมือง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ค. ศ. 2014 และยืดเยื้อจนกระทั่งปัจจุบัน ทั้งๆที่รัฐบาลได้รับการรับรองจากสหประชาชาติ ผ่านการเลือกตั้งตามครรลองประชาธิปไตยทุกประการ แต่มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และรัสเซีย ได้โหวตคัดค้านมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่จะหยุดยั้งการบุกโจมตีกรุงตรีโปลีของจอมเผด็จการเปื้อนเลือด จอมพลฮัฟตาร์ แม้กระทั่งประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้ประกาศยอมรับว่าจอมพลฮัฟตาร์ มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายและการรักษาความมั่นคงของลิเบีย
ใครที่ยังไม่เข้าใจบทบาทของที่ลิเบียขอให้รีวิวบทบาทของนายมะห์มูดอับบาส แห่งปาเลสไตน์ นายซีซีย์แห่งอียิปต์ กลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธ PKK ที่ตุรกี และกลุ่มสาขาย่อยของ PKK ทางภาคเหนือซีเรียและอิรัก
ชาติมหาอำนาจตะวันตกคำรามก้องทั่วโลกว่า จะปราบปรามก่อการร้าย แต่กลุ่มก่อการร้ายกลับผุดขึ้นอย่างเข้มแข็ง อย่างดอกเห็ดทั่วโลกเช่นกัน เพราะกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ หาใช่เป็นใครอื่น นอกจากเป็นกลุ่มไวรัสที่บริษัทแอนตี้ไวรัสตั้งใจสร้างขึ้นมา และเผยแพร่ไปทั่วโลก เพื่อหวังกำไรจากธุรกิจนี้ให้มากที่สุดเท่านั้น
คลิปชาวลิเบียตะโกนด่านายหัฟตาร์ว่า เป็นศัตรูของอัลลอฮ์ หลังจากที่เขาถล่มชาวบ้านเมื่อ เมษายน 2019 ที่ผ่านมา
โดย ทีมข่าวต่างประเทศ