บันทึกการเดินทางกำลังจะถึงบทสุดท้าย แม้วันนี้การเดินทางยังไม่ถึงตอนจบ ความรู้สึกเหนื่อยแต่อิ่มเอิบ ความรู้สึกเดียวดาย (ทริปนี้จำเป็นต้องมาเดี่ยว) แต่ไม่อ้างว้าง
ก่อนการเดินทางจะจบลง ผมได้บรรลุความฝันสองประการอย่างสมบูรณ์ ประการแรกคือการเดินทางตามความฝันว่าสักครั้งต้องมาเยือนซินเจียงให้ได้ เคยตั้งคำถามว่าซินเจียงมีดีตรงไหนทำไมจึงต้องมา ผมเพิ่งได้คำตอบสุดท้าย ก็เมื่อเดินทางมาถึงที่นี่ กับทริปนี้ ทีมนี้ และบริษัทรวมทั้งไกด์ชุดนี้
ประการที่สองคือผมได้สัมผัสเสี้ยวหนึ่งของวิถีอูยกูร์ ที่แม้ตลอดระยะทางในช่วงสี่ถึงห้าวันแรกมันจะดูเจือจางของความมีอยู่ในตัวตนแห่งอูยกูร์ แต่เมื่อถึงวันท้าย ๆ ที่ได้ไปทูรูฟานและกลับมาเดินตลาดต้าปาจ้าก่อนวันสุดท้าย ทำให้ผมยังพอเห็นการคงอยู่ของพี่น้องซินเจียงอูยกูร์ ณ เมืองหลวงนามอูรูมูฉีแห่งนี้
ซินเจียง อันเป็นเขตปกครองพิเศษแห่งหนึ่งในประเทศจีน มันมีความรุ่มรวยทั้งทางภูมิประเทศ และทรัพยากรใต้ดิน บนดินมากมาย ภูมิทัศน์ ณ จุดที่เป็นไฮไลท์แหล่งท่องเที่ยว คือ ที่สุดของที่สุดสถานที่ที่งดงามไม่แพ้เมืองอื่นประเทศอื่นเลย ซินเจียงมีเขตประเทศบางส่วนติดกับเทือกเขาคาราโครัม ปากีสถาน เทือกเขาที่มีถนนสายที่สูงที่สุดของโลกนามคาราโครัมไฮเวย์ตัดผ่าน หากใครเคยยลโฉมคาราโครัม ก็ต้องคาดเดาออกว่าซินเจียงจะงดงามประมาณใด แม้ไม่สวยเท่า แต่ก็สวยไม่เบาเอาจริง ๆ และเส้นทางปิดทริปสุดท้ายในวันนี้ก่อนบินกลับคือ อุทยานแห่งชาติเถียนชาน ที่งดงาม 360 องศา ด้วยยอดเขาสลับซับซ้อน ต้องใช้รถภายในอุทยานเพื่อไต่เขาไปชมจุดที่สวยที่สุดและด้านล่างเป็นทะเลสาบกว้างใหญ่ เราปิดท้ายทริปด้วยมื้อเที่ยงในร้านไบหยาง ร้านเล็ก ๆ แถว grassland (ทุ่งหญ้า) อันงามตา
การเดินทางครั้งนี้ ผมและทีมไม่มีโอกาสได้เข้ามาละหมาดที่มัสยิดแม้แต่แห่งเดียว กำลังสงสัยว่าเมืองที่มีประชากรมุสลิมหลายสิบล้าน ทำไมจึงไม่ค่อยเห็นอาคารมัสยิดเหมือนดั่งที่เคยเห็นแถวต้าหลี่ลี่เจียง มัสยิดสองแห่งที่เราไปเยี่ยมกลับถูกปิดอย่างไม่รู้เหตุผล อย่างเช่นมัสยิดใหญ่ใจกลางอูรูมฉีก็ถูกปิด สอบถามบางคนแถว ๆย่านนั้นก็บอกว่าปิดปรับปรุง แต่ดูจากสภาพโซ่ตรวนและกุญแจที่ล็อคประตูมัสยิดทั้งสองแห่ง เราเหมือนจะพอคาดเดาเหตุผลอะไรบางอย่างภายใต้โซ่ตรวนเหล่านั้น มันไม่ใช่การปิดมัสยิดธรรมดา แต่น่าจะปิดถาวรให้ตายไปพร้อม ๆ กับลมหายใจอูยกูร์ที่เริ่มแผ่วลง
เราเดินทางมาในเขตที่มีประชากรมุสลิมเยอะที่สุดในประเทศจีน แต่ความหวังที่จะได้รับรู้รสสัมผัสและกลิ่นอายความเป็นมุสลิม ทั้งที่แสดงออกผ่านตัวบุคคล ศาสนสถาน ตัวอักษร และอะไรอื่น ๆ มันดูเป็นสีจาง ๆ ไม่เข้มข้น หรือเพราะว่าเรามีเวลาสัมผัสเขาน้อยเกินไป จะอย่างไรก็แล้วแต่ ขออย่าให้พี่น้องอูยกูร์ซินเจียงต้องตกอยู่ภายใต้การคุกคามอัตลักษณ์และความศรัทธาจนไม่อาจสืบสานคุณค่าของความงามในอิสลามสู่ชนรุ่นลูกหลานต่อไป (ขากลับวันนี้เพิ่งเห็นว่ามัสยิดละแวกอูรูมูฉีมีเยอะทีเดียว เพียงแต่ตลอดถนนสายหลักที่ตัดผ่านอาจมองไม่เห็นหากสังเกตไม่ดี)
#ทุกการเดินทางคือการเรียนรู้
#เรียนรู้วิถีผู้คน
#ทุกการเดินทางย่อมมีจุดจบ
#แต่จุดจบการเดินทางของแต่ละคน อาจไม่เหมือนกัน
#เราทุกคนที่เป็นนักเดินทางล้วนมีเป้าหมายของการก้าวย่างในเส้นทางนี้
#แต่มิติของเป้าหมายแต่ละคนนั้นอาจแตกต่างกัน
#โลกใบนี้เปรียบเสมือนตำราเล่มใหญ่ๆเล่มหนึ่ง สำหรับนักเดินทางแล้ว เขาไม่เคยคิดแค่จะเปิดตำราเพียงหน้าแรกเท่านั้น
และสำหรับผมบทตอนว่าด้วยซินเจียงอูยกูร์ผมได้เปิดศึกษาแล้ว
เวลาสั้น ๆ อาจไม่ลึกซึ้งในรสสัมผัสของมัน
แต่อย่างน้อยวันนี้ ผมรู้สึกอิ่มในอูยกูร์ซินเจียง….ทีเดียว
(เคยได้ยินว่า สาวซินเจียงสวยมาก หน้าตาคมเข้มเหมือนตุรกีผสมคาซัคผสมจีนผสมปากี คือผสมซะหมด จนต้องบอกว่า สวยจริง คมจริง สมคำร่ำลือ เดิน ๆ ไปในตลาด ถ้าไม่มีอักษรจีน ไม่มีตำรวจและเครื่องสแกน อาจคิดว่า มาเที่ยวตุรกีเสียอีก)
ณ สนามบินซินเจียง
สนามบินซินเจียง ก่อนเข้าเขตสนามบินยังเจอความเสียวระดับ 8 ทุกคนต้องลงไปสแกนและ X-Ray สัมภาระก่อนที่ด่านตำรวจ มุสลีมะห์ทุกคนต้องถอดผ้าคลุมในห้องลับพร้อมเหยียดแขนให้ จนท. ตรวจอย่างละเอียด
พวกเราเดินเข้าสนามบินได้ในเวลาที่เหลือไม่มากนัก เราอำลาไกด์ท้องถิ่นทั้งสอง ณ ที่สนามบินแห่งนี้ ทีมของเราบางส่วนรีบเอาน้ำละหมาดและละหมาดรวม ตรงลานโล่ง ๆ ที่นั่งผู้โดยสารก่อนทำการเช็คอินเพื่อกลับบ้าน เป็นการละหมาดให้โลกเห็น ละหมาดในถิ่นดินแดนที่สถานที่อันพึงกระทำละหมาดถูกกังขังและปิดตาย
ทำการเช็คอินเสร็จเรียบร้อย #เข้าอาคารสนามบิน และทีมยังถูกเจ้าหน้าที่สนามบินมอบความเสียวจนวินาทีสุดท้ายก่อนอำลาแผ่นดินจีน เป็นการตรวจเพื่อเดินทางกลับบ้านที่ละเอียดยิบทุกซอกมุม ตรวจเข้มมากถึงมากที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมา สแกนทั้งตัว ตรวจหัวจรดฝ่าเท้า ซอกทั้งหลาย เอาเครื่องแยงริมขอบกางเกงพร้อมเอามือคลำ ตรวจใต้รักแร้ยันปลายมือ ตรวจหว่างขาและทุกพื้นที่ของขาทั้งสองข้าง คือตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินมา ไม่เคยโดนจัดหนักขนาดนี้มาก่อนเลย มุสลิมะห์บางท่านต้องาเข้าห้องลับถอดผ้าคลุมสแกนอีกครั้งก่อนที่ทีมทั้งหมดจะผ่านด่านเพื่อไปนั่งหน้า gate ได้ ทำเอาเราจดจำวินาทีนั้นไปอีกนานแสนนาน
เขียนโดย ลาตีฟี