ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา โลกเกิดเหตุการณ์ระทึกชนิดอกสั่นขวัญหายโดยเฉลี่ย 5 ปีต่อครั้ง ส่วนหนึ่งได้แก่
ปี 2001/ 2544 เหตุวินาศกรรมเครื่องบินพุ่งชนตึกแฝด WTC ในมหานครนิวยอร์ก ทำให้ประธานาธิบดีบุชประกาศสงครามกับอิสลามทั่วโลกโดยมีกลุ่มอัลไคด้าเป็นตัวชูโรง ทั่วโลกอยู่ในอาการหวาดกลัวสุดขีด New World Order และตำรวจสากลที่ประกาศโดยบุช ทำให้องค์กรอิสลามทั่วโลกกลายเป็นง่อย พี่น้องปาเลสไตน์ถูกขังเดี่ยวอย่างทรมาน
ปี 2003/ 2546 ประธานาธิบดีบุชแห่งสหรัฐฯสร้างความหวัดกลัวแก่ชาวโลกเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ของซัดดัม หุเซ็น ปูทางให้สหรัฐฯพร้อมด้วยกองกำลังพันธมิตรเกือบ 40 ประเทศปูพรมถล่มอิรักจนราบเป็นหน้ากลอง แต่ไม่พบระเบิดนิวเคลียร์แม้แต่ลูกเดียว
ปี 2013 / 2556 สหรัฐฯยุคประธานาธิบดีโอบามาพร้อมด้วยชาติพันธมิตรเกือบ 60 ประเทศโจมตีกองกำลังไอเอสที่สถาปนารัฐอิสลามระบอบคอลีฟะฮ์ที่โมซุล อิรัก ทั่วโลกหวาดกลัวและตื่นเต้นสุดขีดกับการปรากฏตัวของไอเอสราวปาฏิหารย์พร้อมๆ กับความสยดสยองและความน่ากลัว
ทั้ง 3 เหตุการณ์ช็อคโลกนี้ เหยื่อที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือประชาชาติมุสลิมและโลกอิสลาม
อัลไคด้ายังอยู่ ไอเอสถูกหักเขี้ยวเล็บกลายเป็นเครือข่ายใยแมงมุมทั่วโลก อิหร่านยังคงเข้มแข็งอย่างน่ามหัศจรรย์ต่อไป
แต่อิรักแหลกลาญ ซีเรียกลายเป็นจุณ เยเมนเป็นดินแดนมิคสัญญี เลบานอนกลายเป็นอัมพาต ประเทศอ่าวอาหรับมีหน้าที่จ่ายสดตามใบสั่งสถานเดียว
ขึ้นต้นปีใหม่ ปี 2020 / 2563 นี้ สหรัฐฯยุคประธานาธิบดีทรัมป์ ใช้โดรนถล่มพลตรีสุไลมานี ผู้กุมอำนาจตัวจริงเบอร์ 1 ของอิหร่านพร้อมด้วยมือขวาคนสำคัญอีก 6 คนที่สนามบินกรุงแบกแดดทั่วโลกหวั่นว่าจะเป็นการจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่นำร่องโดยสงครามระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน
เพราะอิหร่านประกาศกร้าวว่าจะล้างแค้นที่หนักหน่วง
เพียงแต่เราต้องตั้งคำถามว่า เหยื่อของการล้างแค้นครั้งนี้คือใคร แต่ที่แน่ๆไม่ใช่สหรัฐฯ และไม่ใช่อิสราเอลแน่นอน ฟันธงครับ
โดยทีมข่าวต่างประเทศ