ในตอนปลายคริศตศตวรรษที่ 8 สเปนเป็นแหล่งความเจริญและวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของยุโรปนานนับเป็นศตวรรษ การค้าขายกับโลกภายนอกของสเปนในเวลานั้นไม่มีชาติใดในโลกสามารถมาแข่งขันได้ และในช่วงเวลาแห่งการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจนี้เอง ชาวยิวที่ถูกชาวคริสเตียนกดขี่ขับไล่ออกไปจากคาบสมุทรแห่งนี้ในศตวรรษที่ 7 ได้กลับมามีโอกาสเติบโตและเจริญมั่งคั่งขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
อันดาลูส (เป็นภาษาอาหรับที่ถูกใช้เรียกสเปน) เจริญรุ่งเรืองไม่เพียงแต่เฉพาะในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะศูนย์กลางทางด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ สถาปัตยกรรม บทกวีและศิลปะอันยิ่งใหญ่อีกด้วย ขณะที่มุสลิมกำลังรุ่งเรืองอยู่ในเสปนเวลานั้น ยุโรปส่วนใหญ่ยังคงอยู่ใน “ยุคมืด” แต่เป็นเพราะอันดาลูสนี้เองที่ความรู้ของมุสลิมได้ผ่านเข้าไปยังยุโรปและทำให้ยุโรปเกิดยุค “ฟื้นฟูศิลปวิทยาการ” (เรอเนซองส์) ขึ้นมา
ลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งของอิสลามในขณะที่รุ่งเรืองอยู่ในสเปนเป็นเวลาหลายศตวรรษนั้นก็คือ ความใจกว้างที่มีต่อชาวยิวและชาวคริสเตียนของมุสลิม ชาวยิวและชาวคริสเตียนทั้งหมดที่ยอมรับมุสลิมเป็นผู้ปกครองประเทศจะได้รับอนุญาตให้ถือครองทรัพย์สินของตนและมีเสรีภาพในความเชื่อและการปฏิบัติศาสนาของตน
การปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาไม่เพียงแต่จะนำพามนุษย์ไปสู่ความสำเร็จในโลกหน้าเท่านั้น แต่ยังได้รับความสำเร็จในโลกนี้ด้วย
มุสลิมเข้าไปในสเปนครั้งแรกเมื่อแม่ทัพมุสลิมที่มีชื่อว่าฏอรีค บินซิยาดได้นำกองทหารจำนวน 30,000 คน ไปขึ้นบุกที่นั่นใน ค.ศ. 711 บริเวณที่ตารีคนำกองทัพเรือไปขึ้นบุกนั้น เป็นแนวโขดหินยาวซึ่งหลังจากนั้นได้ถูกเรียกว่า “ญะบัลฏอรีค” (ภูผาฏอรีค) ซึ่งต่อมาได้ถูกเรียกเพี้ยนเป็น “ญิบรอลตา” มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อขึ้นฝั่งแล้ว ฏอรีคได้สั่งทหารของเขาให้เผาเรือทิ้งทั้งหมดเพื่อเป็นการยืนยันว่าต่อไปนี้ ถ้าไม่ชนะก็ตาย จะไม่มีการถอยหนีลงทะเล หลังจากนั้นทหารมุสลิมก็ได้บุกเข้ายึดอำนาจจากพวกวิซิโกธที่ก่อนหน้านี้ได้เข้ามายึดอำนาจไปจากพวกโรมัน ใน ค.ศ. 715 กองทัพมุสลิมได้ข้ามภูเขาพีเรนีสและสามารถควบคุมพื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่ถึง 4 ล้านคนได้ ภายในเวลาเพียง 7 ปี ดินแดนสี่ในห้าส่วนของคาบสมุทรสเปนก็ถูกพิชิตและการปกครองโดยเคาะลีฟะฮก็ได้ถูกสถาปนาขึ้นในเสปน ดังนั้น ใน ค.ศ. 733 กองทัพของฝ่ายคริสเตียนจึงได้สกัดกั้นมุสลิมมิให้ขยายตัวลึกเข้าไปในยุโรปมากกว่านั้นอีก ในตอนต้นศตวรรษที่ 9 มีคนท้องถิ่นในสเปนจำนวนมากมายได้หันมาเข้ารับอิสลาม โดยเฉพาะพวกทาสที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ ขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่งมุสลิมก็พิชิตแคว้นซินด์ ซึ่งปัจจุบันคือประเทศปากีสถานได้ นั่นหมายความว่าภายในระยะเวลาไม่ถึง 150 ปี อิสลามซึ่งเริ่มต้นจากขบวนการเล็กๆ ของชาวอาหรับทะเลทรายเพียงหยิบมือหนึ่งได้ขยายตัวออกไปกลายเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของโลก ความสำเร็จนี้ เกิดขึ้นก็เพราะว่ามุสลิมในเวลานั้นเป็นคนที่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา เจตนาเบื้องแรกของพวกเขาในขณะที่ทำการต่อสู้ก็คือการเผยแผ่อิสลาม มิใช่การแสวงหาทรัพย์สินและทรัพย์เชลย ไม่ว่าคนเหล่านี้จะไปที่ไหนก็ตาม พวกเขาจะสร้างระบบสังคมที่วางพื้นฐานอยู่บนความยุติธรรมขึ้นมาแทนระบบทรราชที่เป็นอยู่ในเวลานั้น ผู้คนในดินแดนที่มุสลิมเข้าไปปกครองนั้น มีเสรีภาพที่จะเลือกนับถืออิสลามหรือปฏิบัติตามศาสนาเดิมของตนต่อไป หากเลือกที่จะนับถือศาสนาเดิม คนเหล่านั้นก็จะต้องจ่ายภาษี “ญิซยะฮ์” ที่ทำให้พวกเขาได้รับการยกเว้นจากการเป็นทหาร แต่ผู้คนจำนวนมากได้หันมาเข้ารับอิสลามก็เพราะได้เห็นลักษณะและความประพฤติของมุสลิมที่เข้ามาปกครองพวกตน เช่น การปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระ เป็นต้น นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 เป็นต้นมา เมืองหลวงของรัฐเคาะลีฟะฮฺอันดาลูสก็คือเมืองคอร์โดบา ซึ่งมีประชากร 600,000 คน มีอาคารบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างประมาณ 200,000 หลัง มัสยิด 1,500 แห่ง และห้องอาบน้ำสาธารณะประมาณ 1,000 แห่ง ในห้องสมุดของเมืองมีเอกสารและบันทึกต่างๆ กว่าครึ่งล้านชุด ศูนย์กลางของเมืองมีระบบลำคลองที่เชื่อมกันและในตอนกลางคืนแม้แต่ถนนที่แย่ที่สุดก็ยังมีแสงสว่าง
กล่าวโดยสั้นๆ เมืองนี้มีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างที่ไม่สามารถพบได้ในเมืองต่างๆของยุโรปในเวลานั้น แม้แต่กษัตริย์คริสเตียนหลายคนก็ยังส่งลูกหลานของตนมาศึกษาในอันดาลูส ทั้งนี้ เนื่องจากที่นี่มีมหาวิทยาลัยดีๆ หลายแห่ง และภาษาอาหรับเป็นภาษาสำคัญของโลก แต่ปัจจุบันสภาพการณ์กลับตรงกันข้าม หลายเมืองในประเทศมุสลิมกลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรมหรือที่เรียกว่าสลัมและไม่มีสาธารณูปโภคพื้นฐาน ผู้คนได้รับความเดือดร้อนจากความยากจน สงคราม โรคภัยไข้เจ็บและด้อยการศึกษา รัฐมุสลิมที่ปกครองโดยระบบเคาะลีฟะฮฺในสเปนล่มสลายลงใน ค.ศ. 1492 เมื่อเมืองแกรนาดาถูกพิชิตโดยกษัตริย์เฟอร์ดินานด์และราชินีอิซาเบลลา กษัตริย์และราชินีคู่นี้คือผู้ปกครองที่ให้เรือ 3 ลำแก่โคลัมบัสไปเริ่มต้นการล่าอาณานิคม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการค้าทาสในอเมริกา มุสลิมและชาวยิวที่หลงเหลืออยู่ในตอนนั้นมีทางเลือกสามทาง นั่นคือ (1) หากจะนับถือศาสนาของตนต่อไปก็ต้องออกไปจากประเทศ (2) หันมารับนับถือศาสนาคริสต์ และ (3) ถูกฆ่า เหตุผลดังกล่าวมาทำให้เป็นเรื่องง่ายที่จะวิเคราะห์ว่าทำไมหลังศตวรรษที่ 8 มุสลิมจึงได้เสียยุโรปตะวันตกให้แก่ชาติคริสเตียน นั่นก็เพราะว่าพวกเขาไม่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาอย่างที่พวกเขาจะต้องปฏิบัติ ดังนั้น จากความมั่งคั่งรุ่งเรืองจึงได้กลายเป็นความเสื่อมสลาย อันดาลูสได้แตกออกเป็นรัฐเล็กๆที่ต่อสู้กันเอง บางครั้งถึงขนาดที่ว่าพวกเขาได้เอาทหารต่างชาติต่างศาสนิกมาเป็นผู้ช่วยในการต่อสู้กันเองก็มี
บทเรียนสำคัญที่เราได้จากประสบการณ์ของอันดาลูสก็คือการปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาไม่เพียงแต่จะนำพามนุษย์ไปสู่ความสำเร็จในโลกหน้าเท่านั้น แต่ยังได้รับความสำเร็จในโลกนี้ด้วย และเมื่อใดก็ตามที่มนุษย์ละทิ้งหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติของศาสนา ความหายนะก็จะติดตามมาในไม่ช้า
บทความโดย อาจารย์บรรจง บินกาซัน ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน
อ้างอิง : http://oknation.nationtv.tv/blog/knowislam/2008/06/05/entry-2