สวยทุกมุม สวยทุกทาง สวยที่สุด
คงเป็นชื่อบันทึกเดินทาง Xinjiang ของวันนี้ที่ดูเหมาะสมที่สุด ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางเมื่อวานเพื่อมาพักเตรียมตัวชมความมหัศจรรย์ของ Kanas Lake (ทะเลสาบคานาสือ) และอุทยานแห่งชาติคานาสือ บนเทือกเขา Altay เหนือสุดของมณฑลซินเจียง ซึ่งถ้าเดินทางเหนือขึ้นไปอีกนิดจะจรดชายแดนคาซัคสถาน รัสเซีย และมองโกเลีย หายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อรถบัสค่อย ๆ เคลื่อนออกจากโรงแรมที่พักมายังแนวเทือกเขาอัลไตอันยิ่งใหญ่
เฉพาะทะเลสาบด้านล่าง ก็อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 4,500 ฟุต แล้ว ไม่นับรวมจุดสุดยอด (peak สุด) ของศาลาชมวิวบนยอดเขาสูง (fish observation tower, Kanas lake) ที่เราต้องนั่งบัสเล็กเลียบแนวโค้งบนเขาผ่านวิวทุ่งหญ้า ทิวสน ดอกไม้ป่า ลำธารน้ำสีเขียวเทอร์คอยซ์ (Turquoise) สุดใสสะอาด บ้านเรือนชั่วคราวของชนเผ่าเร่ร่อน “ฮาซาเค่อร์” (หรือชาวคาซัค) และฝูงม้า ปศุสัตว์ แล้วเดินต่อขึ้นไปอีก 1,060 ขั้นบันได เพื่อรับชมภาพ bird eye views ด้านบนสุดของเขาที่บอกได้คำเดียวว่า 360 องศา ของวิว รวมตลอดทั้งบนสุดสู่วิวล่างสุด คือความงดงาม อิ่มตา อิ่มใจ ซึ่งถ้าจะบอกว่า #ทัวร์ห้าหมื่น #วิวห้าล้าน นี่ก็ยังคงน้อยไป ภาพประทับใจมันเกินจะบรรยายจริง ๆ มันเหมือนเอาบางส่วนของสวิตเซอร์แลนด์ บวกแคชเมียร์ ผสมฮัลสตัท ออสเตรีย และเจือลิคเก้นสไตน์ ประเทศเล็ก ๆ ติดสวิส รวมอยู่ในที่นี่ที่เดียวประมาณนั้น สภาพอากาศที่เบาบางตามความสูงที่เราไต่สูงขึ้น ทำให้ต้องเดินจังหวะช้า ๆ ค่อย ๆ ให้ร่างกายปรับสภาพได้ สมาชิกหลายท่านขอเลี้ยวกลับโดยไม่ทันถึงจุดสุดยอด คงเป็นเพราะกำลังขากำลังเข่ามีปัญหาบ้าง จึงต้านทานไปถึงที่สุดไม่ไหว แต่ก็มั่นใจว่า ทุก ๆ ระดับที่ทุกคนสามารถไปถึง คือความสวยงามที่แตกต่างในแต่ละระดับจริง ๆ
คงเป็นเรื่องหนักใจทีเดียวว่า จะเอาภาพไหนมาลง เพื่อให้สามารถแทนคำบรรยายอันมากมายในมโนทัศน์ออกมาได้
วันนี้ทั้งวัน พวกเราใช้เวลาเจาะลึก ดื่มด่ำกับ Kanas lake จนถึงค่ำ มีโอกาสนั่งเรือล่องชมทะเลสาบ เปลี่ยนมุมมองจากบนยอดเขาสูงมองลงทะเลสาบ เป็นมองจากทะเลสาบสู่แนวเทือกเขาสูง
นับว่าโชคดีมาก ๆ ที่ได้มาทริปนี้ เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีกรุ๊ปจากไทยมากนัก หรือแทบจะเรียกได้ว่า หายากมาก เจ้าหน้าที่ที่ดูแลที่นี่เป็นมุสลิมหลายท่าน ประเมินได้จากการทักทายในภาษาสากลหนึ่งเดียวของพวกเราที่อยู่ที่ไหนก็ใช้ประโยคเดียวกัน ชาวบ้านบางคนสวมหมวกกะปิเยาะห์แบบถัก สนใจวิ่งมาทักทายและกล่าวรับตอบสลาม อย่างอารมณ์ดี เจ้าหน้าที่บางคนสนใจขอแลกธนบัตรไทยกับเงินหยวน เพราะเขาไม่ค่อยได้เจอกรุ๊ปไทยมาที่นี่ จึงอยากเก็บมันไว้เป็นที่ระลึก
Kanas lake รัฐบาลจีนเปิดให้เข้าชมได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น คือ กรกฎาคม สิงหาคม และไฮสุดที่ราวกลางกันยายนที่ใบไม้ทั้งเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเหลืองงดงามดั่งเอาสีมาแต่งแต้มผืนป่าทีเดียว และแน่นอนราคาทัวร์กันยายนก็จะแพงขึ้นกว่าเดือนสิงหาคมอีกประมาณ 10,000.- บาท เช่นเดียวกัน ไกด์เล่าว่า ปีนี้มีคนจีนมาเที่ยวที่นี่มากกว่าเดิม เพราะแผ่นดินไหว 7 กว่าริกเตอร์ เมื่อสิงหาคม 2017 สร้างความเสียหายแก่สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อยอดนิยมของชาวจีนอีกแห่ง นั่นคือ จิ๋ว จ้าย โกว จนทางการต้องประกาศปิดไม่มีกำหนด ผู้คนจึงพร้อมใจกันแห่มาเที่ยวชมคานาสือแทน (สำหรับเดือนอื่น ๆ ที่นี่ปิดบริการเนื่องจากความหนาวเย็นของหิมะที่ติดลบกว่า 40 องศา ซึ่งจัดว่าหนาวเย็นเข้ากระดูกทีเดียวเชียว)
พวกเรามีโอกาสได้เข้าเยี่ยมชมวัฒนธรรมชนเผ่าอีกบางเผ่า ที่ต้อนรับด้วยการแสดงดนตรี ร้องเพลง และการระบำนกอินทรีย์ ซึ่งชนเผ่าทาจิกจะมีวิถีร้องรำทำเพลงและการเริงระบำที่สัมพันธ์กับนกอินทรีย์ มีเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับนกอินทรีย์มากมาย ที่ก่อนมา เราก็พบรีวิวเรื่องที่มาของเรื่องเล่าระบำนกอินทรีย์มาบ้างแล้ว มาดูของจริง จึงรู้ว่า เป็นการระบำที่ต้องใช้กำลังกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมาก
ท้าย ๆ ของทริป เราได้แวะจุดชมวิวอีกสามสี่จุด ซึ่งทุกจุดล้วนงดงาม กว่าที่เคยอ่านพบในรีวิวด้วยซ้ำ เพราะองค์ประกอบทั้งหมดของฉาก มันขับให้ภาพโดดเด่นมีความหมายสุดประทับใจ โดยเฉพาะช่วงโค้งของสายน้ำที่หากมองบนถนนที่ตัดเลียบเขาสูง จะเห็นช่วงหนึ่งที่ดูคล้ายจันทร์เสี้ยว งดงาม
บทสรุปเดินทางของวันนี้ คงต้องยืนยันด้วยประโยคเดิมอีกครั้ง
#พันครั้งที่ได้ยิน #ไม่เท่ากับหนึ่งครั้งที่ตาเห็น
เขียนโดย ลาตีฟี