สาระสันทนาการ เดินทาง/ท่องเที่ยว

ซินเจียง : หนึ่งในปลายทางที่ชวนหลงใหล ตอนที่ 3

ซินเจียงไม่ได้มีเพียงอูยกูร์  แต่คือ แหล่งพลังงานอันมหาศาลที่แผ่นดินใหญ่จีนต้องครอบครอง

รถบัสขนาด 50 ที่นั่ง พาพวกเราออกจากโรงแรมที่พักเมืองเคอลามาอี้ (Karamay) มุ่งหน้าสู่จุดหมายเดินทางที่จัดว่าเป็นหนึ่งใน Highlights ของทริปนี้ นั่นคือ หมู่บ้านคานาสือ (Kanas, قاناس) เพื่อเจาะรายละเอียดของ Kanas Lake ที่มีตอนหนึ่งของลำน้ำมองคล้ายจันทร์เสี้ยว

ระหว่างทาง เราผ่านจุดแวะน่าสนใจคือ แพะเมืองผีแห่งเมืองเคอลามาอี้ (Ghost City, Wuerhe (Urho), Karamay) ทีมเราผ่านจุดสแกนเข้าประตูตามปกติ ระหว่างที่กำลังรวมพลจะเข้าไปชมด้านใน ฮิญาบสิบกว่าผืนจากมุสลีมะห์ในทีมทั้งหมดถูกจับตาเพ่งเล็งจากกลุ่มชายชุดดำ สองสามนาย ในมือถือโล่และกระบองขนาดยาว เสื้อด้านหลังสกรีนข้อความ POLICE เข้ามาพูดคุย และบอกผ่านล่ามว่า ถ้าใส่แบบนี้จะเข้าชมด้านในไม่ได้ เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย ทำเอาทีมใจเสียพอสมควร เราสอบถามถึงทางผ่อนปรน ล่ามอธิบายว่า ให้ปิดผมแต่เปิดคอ ซึ่งทีมก็ยังงงๆกับคำตอบ แต่สุดท้าย ตำรวจขอตรวจเข้มโดยให้เปิดผ้าคลุมเพื่อดูว่ามีอะไรซุกซ่อนใต้ผืนผ้าคลุมศีรษะนั้นหรือไม่ เราร้องขอผ่านล่ามว่า จะให้ตรวจได้แต่ขอให้เจ้าหน้าที่สุภาพสตรีเป็นคนตรวจค้นและขอเป็นมุมมิดชิดเฉพาะสุภาพสตรีเท่านั้น ซึ่งทางตำรวจยินยอมโดยดี มุสลีมะห์ทุกคนผ่านการเปิดผ้าคลุมจนครบ เราจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปรอรถนำเที่ยวในเขตอุทยานแพะเมืองผีได้

รถนำเที่ยวแวะจุดชมวิวน่าสนใจ 4 สถานี โดยรวมหากมองจากมุมการจัดการท่องเที่ยวถือว่าชาติจีนจัดการได้ค่อนข้างดี (ถ้าไม่นับรวมกับกรณีการตรวจค้นอันแสนวุ่นวาย)  แพะเมืองผีเมืองอู๋เฮ่อ เคอลามาอี้  อยู่ห่างจากเมืองเคอลามาอี้ประมาณ 100 กิโลเมตร  เป็นพื้นที่กึ่งทะเลทราย มีเนินเขาทรงแปลก ๆ มากมาย  ทั้งปราสาท  เต่า  นกอินทรีย์  ม้า  สิงโต  และอื่น ๆ  จากอิทธิพลการกัดเซาะของลมและน้ำ   เราได้มีโอกาสชมกระโจมและวิถีชีวิตในกระโจมของชาวท้องถิ่นที่ตั้งสาธิตในพื้นที่แห่งนี้  และบางท่านยังได้สัมผัสประสบการณ์การขี่อูฐ สัตว์พาหนะแห่งแพะเมืองผีอีกด้วย  หลังจากใช้เวลาพอสมควร  ทีมเราได้เวลาอาหารเที่ยง และเช่นเคยคือ เอาน้ำละหมาดเพื่อเตรียมละหมาดบนรถบัสเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา

เส้นทางจากเคอลามาอี้เพื่อไปสู่หมู่บ้านคานาสือ ใช้เวลาเดินทางอีก 6-7 ชั่วโมงทีเดียว ทั้งนี้เพราะบัสจะพาพวกเราผ่านเส้นทางในหุบเขาสูงแถบเทือกเขา Altay เหนือสุดของ Xinjiang ตลอดระยะทางจึงเป็นทิวทัศน์หน้าตาแปลกตา ตั้งแต่เนินเขาหิน เหมือนตะวันออกกลาง หุบเขาหิน สลับที่ราบ ผ่านทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ที่เวลานี้อาจไม่ใช่สีเขียวขจีดั่งที่เรารับรู้ เส้นทางบนเขาที่เลี้ยวลดคดเคี้ยว ทำเอาหวาดเสียวได้ในระดับหนึ่ง รถต้องปีนขึ้นเขา ลงที่ราบ และปีนขึ้นลงอีกสองสามครั้ง เราผ่านหมู่บ้านในที่ราบที่มีเทือกเขา Altay โอบล้อม สองถึงสามที่ราบ กว่าจะถึงโรงแรมในหุบเขา ณ หมู่บ้านคานาสือ

ทั้งที่ ที่นี่ 21.00 น. ยังคงเห็นแสงอาทิตย์อยู่ แต่ความมืดที่มาเยือนหลังจากนั้น กลบเลือนทิวทัศน์อันน่ามหัศจรรย์ของเทือกเขาสูงสลับทุ่งปศุสัตว์ ทิวสน ต้นหญ้า และกระโจมของชาวท้องถิ่นไปจนหมดสิ้น

อิ่มหนำจากอาหารมื้อค่ำที่ทานกลางดึก (ถ้าเทียบกับวิถีการกินแบบบ้านเรา) ตบท้ายด้วยเมลอนพันธุ์คานาสือที่แสนหอมหวานและกรอบอร่อย ทำให้มื้อเย็นมื้อนี้เป็นมื้อสุดประทับใจอีกมื้อหนึ่ง  เท่านั้นยังไม่พอ  บริเวณนอกอาคารห้องอาหาร  มีจำหน่ายแกะย่างเสียบไม้  ในราคาที่จับต้องได้  ซึ่งไม่พลาดที่ทีมจะออกไปจับจ่ายซื้อชิม กินกันอย่างเอร็ดอร่อย

อากาศยามนี้มีความหนาวที่สัมผัสได้ ทุกคนต้องสวมเสื้อกันหนาวอีกชั้นปกคลุมร่างกาย พรุ่งนี้เช้า ถ้าตามพยากรณ์เดิมที่ไกด์ท้องถิ่นส่งข้อมูลในใบเตรียมตัวคือ 6 องศา ก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนนั้นจะรู้สึกแค่ 6 หรือบวกลบแค่ไหน

ความอิ่มบวกกับความหนาวและความเหน็ดเหนื่อยในการเดินทาง ทำให้เราต้องรีบกลับห้องพักสูงสองชั้น อาคารทรงยุโรป (ประเมินจากสภาพภายนอกเท่าที่แสงจะพอให้มองเห็น)

เรามีไฟฟ้าใช้ เพื่อชาร์ตแบตเตอรี่อุปกรณ์ electronics ที่พกมา ขณะที่ชาวพื้นเมืองในกระโจมอาศัยหลบกายใต้ความมืดมิด ตัดขาดเรื่องราวจากโลกภายนอก เขาอาจไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าเหล่าผู้มาเยือนเช่นเราคือใครมาจากไหน

คืนนี้คงหลับอย่างเหน็ดเหนื่อย เพื่อรอพบสิ่งยิ่งใหญ่ของการรังสรรค์จากองค์ผู้อภิบาลในวันรุ่งขึ้น

#บันทึก ณ โรงแรมเล็ก ๆ ในหมู่บ้านกลางหุบเขา นาม “คานาสือ”

—————————————
เรามาที่นี่ สิ่งหนึ่งเพื่อตามหาอัตลักษณ์ความเป็นตัวตนของชาวซินเจียง อูยกูร์ แต่ต้องยอมรับว่า สามวันที่ผ่านมา เราแทบจะยังไม่เจอหรือเจอน้อยมาก

วัฒนธรรมอูยกูร์ถูกกลืนหายไป หรือเพราะความโหดร้ายของนโยบายกลืนวัฒนธรรมจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ทำให้คุณค่าที่เราตามหา ยังหาไม่เจอ

ป.ล.  ความเดิมจากตอนที่ 2  ที่บอกว่า ระหว่างทาง  เจอแท่นขุดเจาะน้ำมันใต้ดินหลายสิบแท่น  พอมาถึงบริเวณแพะเมืองผี  ต้องเปลี่ยนจากหลายสิบแท่น  เป็นหลายร้อยพันแท่น  ไม่เพียงเท่านั้น  กังหันลมที่ติดตั้งมากมาย  เพื่อแปลงพลังงานลมเป็นพลังงานไฟฟ้าก็มีเต็มพื้นที่กว้างอีกด้วย  ที่นี่จึงเป็นแหล่งพลังงานมหาศาล นี่กระมังคือเหตุผลที่ทำให้อูยกูร์เป็นอย่างไรตามข่าวที่เรารับรู้มา

เขียนโดย ลาตีฟี