3 ประการที่รับประกันว่าท่านไม่ประสบกับความยากลำบากและไม่ผิดหวังในชีวิต

3 ประการที่รับประกันว่าท่านไม่ประสบกับความยากลำบากและไม่ผิดหวังในชีวิต

1. เป็นลูกที่ดีต่อมารดา
‎وبرًّا بوالدتي ولم يجعلني جباراً شقيا (مريم /٣٢)
และทรงให้ฉันเป็นลูกที่ดีต่อมารดา และไม่ทำให้ฉันเป็นผู้หยิ่งยะโส ผู้เลวทรามต่ำช้า

2. เป็นคนที่หมั่นดุอา
ولم أكن بدعائك رب شقيا (مريم/٤)
และไม่เคยปรากฏเลยว่า การวิงวอนของฉันต่อพระองค์นั้น ทำให้ฉันผิดหวังและเป็นคนไร้ค่า

3. เป็นคนที่ผูกพันกับอัลกุรอาน
ما أنزلنا عليك القرآن لتشقى (طه/٢)
เราไม่ได้ประทานอัลกุรอานให้แก่เจ้า เพื่อทำให้เจ้าเป็นคนไร้ค่าและต่ำช้า

اللهم اجعلنا من أهل بر الوالدة وأهل الدعاء وأهل القرآن
โอ้อัลลอฮ์ ได้โปรดทำให้เราทุกคนเป็นหนึ่งในบรรดาลูกที่ดีต่อมารดา (ทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิตแล้ว) หมั่นดุอาต่ออัลลอฮ์และเป็นสมาชิกของอัลกุรอานด้วยเถิด

ไม่จำเป็นต้องหาบริษัทประกัน ไม่จำเป็นต้องแลกด้วยเบี้ยประกัน สมัครฟรีเดี๋ยวนี้ และเป็นสมาชิกได้เลย

เขียนโดย ผศ. มัสลัน มาหะมะ

ปีใหม่นี้ จะอวยพรอย่างไรดี

كل عام ونحن لسنا بخير
ตลอดทั้งปี เราไม่มีอะไรดีขึ้นเลย

เพราะเรา รู้จักแต่เคาท์ดาวน์ รู้จักแต่สร้างต้นคริสต์มาสที่สูงที่สุดในโลก

รู้จักแต่จัดงานฉลองต้อนรับปีใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

รู้จักแต่จุดพลุที่อลังการตระการตาที่สุดในโลก

โดยหารู้ไม่ว่า ขณะนี้ โลกอิสลามกำลังเปิดศูนย์อพยพที่ใหญ่ที่สุดในโลกเช่นกัน

นำเข้าอาวุธจากศัตรูเพื่อเข่นฆ่าประชาชนที่มากที่สุดในโลก ส่งออกซากศพและเลือดที่ไร้ค่าที่สุดในโลก

แล้วยังกล้าบอกว่า كل عام وأنتم بخير (สุขสันต์ตลอดปี) อีกหรือ
ความจริงเราต้องกล่าว كل عام ونحن لسنا بخير (ทุกข์ระทมตลอดปี) ต่างหาก

للهم إنا نسألك خير هذا العام فتحه ونصره ونوره وبركته وهداه ونعوذبك من شر هذا العام وشر ما بعده

เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ

สุริยุปราคาระหว่างหัวใจสองดวง

ปรากฏการณ์สุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา
ทำให้หัวใจสองดวงมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงดังนี้

1. หัวใจดวงหนึ่ง นึกถึงอัลลอฮ์โดยพลัน และศรัทธาว่านี่คือสัญญาณถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
ในขณะที่หัวใจหนึ่ง กลับมองว่ามันเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเท่านั้น

2. หัวใจดวงหนึ่ง ถือว่าเป็นความประสงค์ของอัลลอฮ์ที่ต้องการให้บ่าวเพิ่มความยำเกรงต่อพระองค์
ในขณะที่หัวใจอีกดวง กลับมอง เป็นสิ่งสนุกสนาน ไม่มีอะไรต้องตื่นตระหนกแต่อย่างใด

3. หัวใจดวงหนึ่ง รีบตอบรับคำสั่งของนบี ด้วยการละหมาดกุสูฟ เนื่องจากเห็นสุริยุปราคา เพื่อฟื้นฟูซุนนะฮ์นบี
ในขณะที่หัวใจอีกดวง ใช้ชีวิตเยี่ยงวันธรรมดา ไม่มีอะไรแปลกใหม่เกิดขึ้น ทั้งๆปากยังบอกว่ารักนบีตลอด

4. หัวใจดวงหนึ่ง เชื่อศรัทธา ว่าการเกิดสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา เป็นไปตามกำหนดของอัลลอฮ์ผู้ทรงสร้าง ไม่ใช่เพราะการตายหรือกำเนิดของใครผู้ใด
ในขณะที่ดวงใจอีกดวง กลับมองว่าเป็นลางสังหรณ์ที่อาจเกิดเหตุร้ายในชีวิต เหมือนความเชื่อของชาวอวิชชาในอดีต

5. หัวใจดวงหนึ่ง ใช้โอกาสนี้กลับเนื้อกลับตัว รำลึกถึงพระองค์ บริจาคทรัพย์สินส่วนหนึ่งไปในหนทางของพระองค์ เพื่อให้พระองค์ทรงให้อภัยและอยู่ในความเมตตาของพระองค์
ในขณะที่หัวใจอีกดวง กลับเย็นชาดื้อรั้น แข็งกระด้างและจมปลักในอบายมุขชนิดกู่ไม่กลับ

6. หัวใจดวงหนึ่ง ฉุกคิดได้ว่าขนาดดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ยังมีวันดับแสงและน้อมรับคำบัญชาของอัลลอฮ์ โดยไม่แสดงอาการขัดขืนแต่อย่างใด แล้วมนุษย์ตัวเล็กๆ เช่นเราจะกล้าเนรคุณต่ออัลลอฮ์ได้อย่างไร
ในขณะที่หัวใจอีกดวง ใช้ชีวิตตามใจสั่ง หลงตัวเอง บ้าอำนาจและถือว่าตัวเองคือศูนย์กลางของจักรวาล

7. หัวใจดวงหนึ่ง นึกถึงความตายและวันอาคิเราะฮ์อันถาวรนิรันดร์
ในขณะที่หัวใจอีกดวง มอมเมาและหลงใหลในความเพริศแพร้วของดุนยาอันไม่จีรัง

หัวใจของคุณ อยู่ในประเภทไหนกันแน่

اللهم ثبتنا على دينك وعلى طاعتك واتباع سنة نبيك برحمتك يا أرحم الراحمين

โดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ

มนุษย์เราสื่อภาษารักด้วยกัน 5 แบบภาษา

เคยสังเกตไหม ว่าทำไมกับบางคนเรารู้สึกดีที่ได้อยู่กับเค้า รู้สึกว่าเค้า “รู้ใจ” เค้าตอบโจทย์ความเป็นเรา อยู่ด้วยกันแล้วไม่เหนื่อยใจ เค้าคือคนที่ “พูดจาภาษาเดียวกัน” แต่บางคน อยู่กินกันก็หลายปีดีดัก ความเข้าใจคืออะไรยังต้องเปิดพจนานุกรม เพราะไม่เคยได้รับได้รู้จักจากอีกฝ่ายเค้าเลย

จะดีแค่ไหนหากคนใกล้ตัวในชีวิต คู่สมรส ลูกๆ รู้สึกว่าเราเป็นคนที่เข้าใจเค้าที่สุด รู้ใจสุดๆ ที่เค้าไม่ต้องไปหาเศษหาเลยจากที่ไหนแล้ว เพราะที่มีอยู่ที่บ้านก็เติมเต็ม love tank ที่เค้ามีได้พอดีอยู่แล้ว

ดร.แกรี่ แช้ปแมนนักจิตวิทยาชื่อดังบอกไว้ว่า มนุษย์เราสื่อภาษารักด้วยกัน 5 แบบภาษา จะมนุษย์หน้าไหน ก็ย่อมต้องการความรักที่ไม่หนีไปจาก 5 รูปแบบภาษานี้ ไหนลองมาเช็คของตัวเองกันซิ
1 สัมผัสกาย ได้โอบกอดหอมแก้มแล้วรู้สึกดีๆ (physical touch)
2 คำพูดดีๆ ที่ฟังแล้วรู้สึกดีๆ (words of affirmation)
3 เวลาดีๆ ที่ได้อยู่ด้วยกัน ทำอะไรด้วยกันแล้วรู้สึกดีๆ (quality time)
4 ของขวัญ ทำเซอร์ไพร้สด้วยอะไรที่ทำให้รู้สึกดีๆ (gifts)
5 การให้ความช่วยเหลือ เสนอตัวออกแรงทำนั่นโน่นนี่แล้วรู้สึกดีๆ (act of service)

ในห้าภาษารักนี้เราทุกคนไฝ่หามันทั้งหมดนั่นแหละ บ้างก็ต้องการสองข้อ สามรึสี่ข้อแตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดทั้งปวง จะมีอยู่ภาษาหนึ่งที่ทำให้คนๆหนึ่งรู้สึก “คลิ้กเป็นพิเศษ” ที่ประมาณว่าหากได้ยินภาษารักข้อนั้นแล้วรู้สึก “ตอบโจทย์” ที่สุด รู้สึกว่าเค้าคนนั้น “เข้าใจ” ฉันเป็นที่สุด that’s why I love to be with her/him …ประมาณนั้น …

ยกตัวอย่างเช่น กรณีของฉันเองนะ
ลูกสาวคนโตของฉัน ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจว่าเค้าเป็นคนเข้าใจยากคนหนึ่ง จนกระทั่งได้ลองศึกษาเค้าตามภาษารักที่หนังสือแนะนำมาและลองมาชั่งตวงดูจึงได้รู้ เค้าไม่ค่อยชอบให้กอดเท่าไหร่นะ หรือถ้าได้ถูกกอดเค้าจะเฉยๆ อ่านไม่ออกว่านั่นคือการแสดงความรัก คำพูดดีๆก็ไม่ค่อยจะเวิอร์คสำหรับเค้านักในบางครั้ง บางทีเราช่วยอะไรเค้า เค้าก็ชอบนั่นแหละ แต่เค้าก็ไม่ได้เห็นว่ามันเป็นอะไรที่ต้องซาบซึ้งนัก แต่.. เมื่อใดที่ฉันมีอะไรเซอร์ไพร้สให้เค้า เค้าจะหัวใจพองโตขึ้นมาทันที เค้าจะอมยิ้มแฮปปี้ และว่านอนสอนง่ายขึ้น เป็นเด็กดีที่ทำเอาแม่คนนี้ใจละลายไปทันทีทันใด

…นั่นแสดงว่าภาษารักที่ตอบโจทย์เค้ามากที่สุดคือ gifts …
ตรงกันข้ามกับลูกสาวคนเล็ก ที่เป็นคนชอบนัวเนีย ถ้าจะชนะใจเค้าคนนี้ไม่ยากนัก เค้าชอบให้ฉันกอด บอกรักเค้า และเค้าก็ชอบกอดฉันทุกครั้งที่เค้ารู้สึกดี นั่นแสดงว่า physical touch สัมผัสกายคือภาษารักของเค้า เด็กคนนี้จะไม่เชื่อฟังถ้าใช้คำพูดที่แทงใจดำ แต่หากเปลี่ยนเป็นคำชมแล้วบอกว่าเรารู้สึกดีกับเค้ายังไง เค้าจะกลายเป็นเด็กน่ารักคนหนึ่งที่พ่อแม่ร๊ากเค้าจนไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว

…นั่นแสดงว่า words of affirmation คือภาษารักที่เค้าเข้าใจมากที่สุด…

ไม่เฉพาะกับลูกๆนะ ภาษารักทั้งห้านี้สามารถใช้วัดใจใครก็ได้ในวงจรความรักของเรา รวมไปถึงสามีภรรยาและคนใกล้ตัวที่เราอยากดูแลและรู้สึกดี

คู่รักบางคู่ ดอกไม้มันไม่เวิอร์คอ่ะ ผู้ชายบางคนก็พยาย๊าม พยายามจะเข้าใจความเป็นผู้หญิงของภรรยาตัวเอง เข้าใจว่าผู้หญิงทั้งโลกจะใจอ่อนด้วยดอกไม้และของขวัญทำเซอร์ไพร้ส์ แต่เปล่า พอเราคุยกับภรรยาของเค้า กลับได้คำตอบว่าฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเค้าเลย แค่ให้เค้ารู้สึกอยากจะช่วยฉันทำงานบ้านมันก็วิเศษเหลือคณาแล้ว ผู้หญิงแบบนี้ต้องการ act of service เป็นการบอกภาษารัก (เห็นไหม ศึกษากันสักนิดตั้งแต่แรกก็คงดี แค่ช่วยล้างจานก็ชนะใจเหลือเฟือแล้ว)

ผู้หญิงบางคนได้สามีมั่งคั่ง ขนาดได้รถได้บ้านใหญ่โตอย่างที่หลายคนเค้าปรารถนา ก็ยังเรียกร้องและตัดพ้อว่าสามีตัวเองไม่เข้าใจ เพราะจริงๆแล้วภาษารักที่ตอบโจทย์เธอไม่ใช่ของนอกกาย แต่เป็นเวลาต่างหากที่เธอโหยหาและรู้สึก “คลิ้ก” ทุกครั้งเมื่อสามีมีเวลาให้กัน (รู้งี้คงไม่ต้องลงทุนไปซะเยอะ แค่มีเวลาทำอะไรด้วยกันกับเค้าก็เหลือเฟือแล้ว)

ผู้ชายบางคน เค้าไม่ได้ต้องการให้ภรรยาช่วยงานอะไรเค้าเลยนะ แต่ภรรยาไม่เข้าใจ คิดว่าการที่เธอลงทุนออกไปทำงานนอกบ้านช่วยหาเงินกับเค้า ลงทุนเป็นแม่บ้านทำทุกอย่างให้ดูดีมันพอจะชนะใจเค้าได้ แต่พอได้ฟังสามีมาระบายจึงได้รู้ว่าการทำนั่นนี่ให้น่ะ มันไม่ได้ตอบโจทย์เค้าเลย เค้ากลับบอกว่า “บ้านน่ะ ให้ผมจ้างใครมาทำความสะอาดให้ก็ได้ เค้าจะได้เลิกบ่นให้ผมฟังซะทีว่าเหนื่อยนั่นนี่ งานนอกบ้านผมทำคนเดียวก็พอเพียงจะเลี้ยงปากท้องทั้งครอบครัวได้ แต่สิ่งที่ผมอยากได้จากเค้า คือกำลังใจมากกว่า ถามผมซักคำว่าเหนื่อยไหม มีคำพูดดีๆให้กันบ้าง รู้สึกดีนะที่มีผมในชีวิต นี่แหละที่ผมไม่เคยได้ยินจากเค้าเลย”

…บางครั้ง แค่ words of affirmation ก็ชนะใจผู้ชายประเภทนี้แล้ว…ถามว่าทำยากไหมล่ะ? ก็น่าจะไม่นะ แค่ภรรยาเอ่ยปากบอกความรู้สึกตัวเองบ้างไรบ้าง จับให้ถูกจุดว่าสามีตัวเองชอบอะไรแบบไหน แค่นี้ความสัมพันธ์มันก็ชุ่มชื่นขึ้นเยอะแล้ว เหตุทั้งหมด เพราะเธอไม่เข้าใจภาษารักของสามีตัวเองใช่ไหม?

ดังนั้น การตอบสนองให้ความรักแก่คนที่เรารักจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น หากเรารู้ “กึ๋น” ว่าเค้ารู้สึกดีกับภาษาใดเป็นที่สุด ภาษารักข้อใดที่ตอบโจทย์ความเป็นเค้ามากที่สุด จะรู้ได้อย่างไรนั้นหรอ? อันนี้ต้องใช้เวลาศึกษาและใช้หัวใจสังเกตแล้วล่ะ ลองทำทุกข้อทั้งหมดให้เค้าได้สัมผัส (ไม่ต้องทำทีเดียวกันทุกข้อนะ) แล้วค่อยๆดูว่าวิธีไหนที่ชนะใจเค้ามากที่สุด ที่เค้ารู้สึกดีและแฮปปี้มากที่สุด หากเราเจอข้อนั้นแล้ว นั่นแหละคือภาษารักที่เค้าเข้าใจมากที่สุด แล้วคนใกล้ตัวอย่างเราก็จะเป็นคนๆหนึ่งที่เค้ารักมาก รู้ใจเค้ามาก ที่สำคัญ เค้าจะเห็นความรักจากเราได้ง่ายขึ้น ความสัมพันธ์ของสองเราก็ไม่ต้องมาเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่มันไม่ใช่ หรือเสียเวลากับการเติมเต็มแต่ไม่ตอบโจทย์ซะที

แค่เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ “เข้าใจ”เค้า ก็เพียงพอแล้ว เค้าคงไม่ขออะไรมากมาย เพราะที่สุดแล้ว มนุษย์เราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าความเข้าใจ ไม่ใช่หรือ?

..ลองเอาไปใช้และ “ศึกษา” คนที่เรารักดูนะ 🙂


(ใจบันดาลแรง จากหนังสือ five love languages of children ที่ได้คุยกันใน mother circle ที่โรงเรียนลูก เอามาผสมด้วยรักและประสบการณ์ของตัวเองในฐานะ “ศิราณี” ของใครหลายๆคน) ^_<

เขียนโดย ครูฟาร์ Andalas Farr

ความตายทำให้ทุกอย่างดับสูญจริงหรือ

โลกนี้มีเวลาสิ้นสุด

ไม่ว่าคุณจะร่ำรวยหรือยากจน

ความตายจะตัดขาดความร่ำรวยของมหาเศรษฐีและความยากจนของยาจก

ไม่ว่าคุณจะมีอำนาจล้นฟ้า

ไม่ว่าคุณจะมีความสุขมากมายเพียงใด

ความตายจะทำให้ความเกรียงไกรของคนๆหนึ่งกลายเป็นตำนานเล่าขาน

ความตายทำให้ความรันทดหดหู่ของผู้อ่อนแอสิ้นสุดลง

ความตายทำให้ความหล่อเหลาของชายหนุ่ม ต้องหายวับ

ความตายทำให้ความสวยงามของสตรีต้องจบสิ้น

ไม่ว่าคุณจะเสวยสุขหรือระทมทุกข์

ความตายจะทำให้ทุกอย่างดับสูญ

แต่มันจะจบจริงหรือ

ตายแล้วจบจริงหรือไม่

หากเป็นเช่นนี้จริง

จะเหมาะสมกับความเมตตาที่ไม่สิ้นสุดของอัลลอฮ์ได้อย่างไร

เป็นไปได้หรือ ที่ความเมตตาของพระองค์จะสิ้นสุดกับความตายของคนๆหนึ่ง

เพราะความกรุณาปรานีที่สิ้นสุดด้วยความตาย จึงไม่ใช่ความกรุณาปรานีที่เหมาะสมกับความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ด้วยประการทั้งปวง

ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงประทานสิ่งต่างๆบนโลกนี้ให้แก่คนที่พระองค์รักและไม่รัก

พระองค์ประทานความร่ำรวยแก่กอรูน ทั้งๆที่พระองค์ไม่รักเขา

พระองค์ประทานความร่ำรวยแก่ท่านอับดุลเราะห์มานบินเอาฟ ในขณะที่พระองค์รักเขา

พระองค์มอบอำนาจ อันล้นฟ้าแก่ฟาโรห์ ทั้งๆที่พระองค์ไม่รักเขา

และพระองค์มอบอำนาจอันยิ่งใหญ่แก่นบีสุไลมาน ในขณะที่พระองค์รักเขา

โลกนี้จึงไม่ใช่ตัวชี้วัดของความรักของพระองค์อย่างแท้จริง

หากโลกนี้มีค่า ณ อัลลอฮ์เท่าปีกแมลงวัน บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะไม่มีทางดื่มน้ำได้แม้แต่อึกเดียว

จงตอบฉันว่า ขณะนี้คุณมีความสุขกับอะไร

ฉันจะรู้ทันทีว่า คุณคือใคร

คุณคุยเรื่องอะไรในไลน์ คุยแชทกับใคร เรื่องอะไรบ้าง นั่นแหละคือตัวตนของคุณ

หากมีคนเสนอให้คุณเลือกระหว่างมอเตอร์ไซค์ราคา 5 หมื่นบาท ที่มีคนมอบให้คุณถือกรรมสิทธิ์อย่างถาวร

กับอีกคนที่มอบรถเบนซ์ราคา 5 ล้านบาทให้คุณขับขี่ชั่วคราวเพียง 1 ชั่วโมง แล้วต้องคืนให้เจ้าของกลับ

คุณจะเลือกอะไร

คนฉลาดย่อมเลือกมอเตอร์ไซค์ ถึงแม้มีราคาที่น้อยกว่า และสักวันก็จะเป็นมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่ไร้ค่าก็ตาม

แต่สิ่งที่อัลลอฮ์เตรียมไว้ให้คุณนั้น ย่อมดีกว่าและถาวรนิรันดร์

แล้วคุณไปยื้อแย่งสิ่งไร้ค่า ด้วยเหตุผลอันใดเล่า

มนุษย์มักจะแย่งชิงกอบโกยสิ่งไร้ค่า ณ อัลลอฮ์ ยิ่งกว่าปีกแมลงวัน

แต่กลับหันหลังความดีงามอันจีรังมหาศาลจากอัลลอฮ์ที่เตรียมไว้ในสวนสวรรค์ของพระองค์ โอ้อัลลอฮ์

ขอได้โปรดให้เราทั้งหลายมั่นคงในทางนำของพระองค์

และสิ้นชีวิตด้วยการสิ้นสุดที่ดีด้วยเถิด

เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ
อ้างอิง แปลสรุปจากคำบรรยายของเชคมูฮัมมัด รอติบ อันนาบุลซีย์ ดาอีย์อาวุโสชาวซีเรีย

อะมัลทางจิตใจ

อะมัลทางจิตใจมีความสำคัญมาก เพราะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้อะมัลทางกายมีความถูกต้องและได้รับการยอมรับ อะมัลทางจิตใจมีมากมายหลายชนิด เช่น อีมาน อิคลาศ ตักวา ตะวักกัล ความหวัง(الرجاء) ความกลัว (الخوف) ความรู้สึกคล้อยตาม (الانقياد) ความรู้สึกเกรงขาม (الرهبة) โกรธ (البغض) รัก (المحبة) ฯลฯ

หากอะมัลทางใจมีความถูกต้องเพียงใด อะมัลทางกายก็ยิ่งมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น แต่หากอะมัลทางจิตใจบกพร่องหรือเสียศูนย์ อะมัลทางกายก็จะบกพร่องและเสียศูนย์ตามไปด้วย ถึงแม้จะมีจำนวนมากมายเพียงใดก็ตาม “และเรามุ่งสู่ส่วนหนึ่งของการงานที่พวกเขาได้ปฏิบัติไป แล้วเราจะทำให้มันไร้คุณค่ากลายเป็นละอองฝุ่นที่ปลิวว่อน”(อัลฟุรกอน:23)


อะมัลทางจิตใจมีเงื่อนไข 2 ประการ คือ ความรัก (المحبة)และความสัจจริง (الصدق) ความรักทำให้เราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย หรือเกียจคร้าน ความสัจจริงทำให้เรามีความจริงใจ ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ คนที่เกียจคร้านกระทำสิ่งใดแสดงว่าเขายังไม่รักสิ่งนั้นจริง และคนที่หวังการตอบแทนแสดงว่ายังไม่มีความจริงใจพอ ดังกรณีคนนอนหลับหลังจากตรากตรำกับงานหนัก ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนเพลียเพียงใด แต่เมื่อมีคนที่เขารักมาปลุกถึงบ้าน เขาจะต้องรีบลุกมาต้อนรับอย่างแน่นอน ยามนั้น ความเกียจคร้านจะหายไปเหมือนปลิดทิ้ง ความสุขและความจริงใจจะเข้ามาแทนที่


เช่นเดียวกันกับความรักในอัลลอฮฺและเราะซูลของบรรดาเศาะฮาบะฮฺ ซึ่งพวกเขามีความรักและสัจจริงต่ออัลลอฮฺและเราะซูล ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถสร้างสิ่งอัศจรรย์มากมายที่แสดงถึงความรักที่แท้จริงและความสัจจริงที่เที่ยงแท้

(สรุปจาก http://www.alhawali.com/index.cfm?method=home.SubContent&ContentId=5034)

ชีวิตคือการสะสมกระดาษ

ตะกอนความคิด
(แปลสรุปข้อความอาหรับจากไลน์)

ชีวิตคือการสะสมกระดาษ

  • ใบแจ้งเกิด
  • ใบฉีดวัดซีน
  • สมุดพก
  • ประกาศนียบัตร
    ล้วนแล้วแต่กระดาษ
  • ใบสมรส
  • หนังสือเดินทาง
  • เอกสารสิทธิ์ต่างๆ
  • หนังสือรับรองความประพฤติ
  • ใบรับรองแพทย์
  • ใบแจ้งผลการรักษาสุขภาพ
  • บัตรเชิญในโอกาสต่างๆ
    ล้วนแล้วแต่กระดาษทั้งสิ้น

เมื่อเวลาผ่านไป
คุณอาจฉีกและทิ้งขว้างมัน
โลกนี้จึงเต็มไปด้วยกระดาษ

บางคนเศร้าอกเสียใจเพราะกระดาษใบเดียว
บางคนกระโดดโลดเต้นเพราะกระดาษใบเดียวเช่นกัน
หลายคนยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งกระดาษที่เรียกว่า “เงิน”

กระดาษใบเดียวที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้คือใบมรณบัตร

ทั้งๆที่เป็นกระดาษที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
เพราะหลังจากนั้นคุณจะได้พบกับการตอบแทนล้วนๆ
มันคือสัญญาณว่าต่อจากนี้ไปคุณจะพบกับความสุขอันนิรันดร์หรือการทรมานอันยาวนานที่แสนสาหัส

************

ท่านอาลี บินอะบีฏอลิบกล่าวว่าสองสิ่งที่ไม่จีรัง คือวัยหนุ่มและพละกำลัง

สองสิ่งที่ยังประโยชน์ คือมารยาทงามและใจกว้าง

สองสิ่งที่ทำให้มีเกียรติ คือการนอบน้อมและช่วยเหลือผู้เดือดร้อน

สองสิ่งที่ปัดป้องภัยพิบัติ คือการบริจาคทานและสานสัมพันธ์ญาติพี่น้อง

************

มีคนกล่าวว่า
ตอนวัยรุ่น
เรามีเวลาและมีพละกำลัง
แต่ไม่มีเงิน

วัยทำงาน
เรามีเงิน มีพละกำลัง แต่ไม่มีเวลา

ยามแก่เฒ่า เรามีเงิน มีเวลาแต่ไม่มีกำลัง

นี่คือสัจธรรมชีวิต
ได้อย่างเสียอย่าง
เรามักคิดว่าคนอื่นดีกว่าเราเสมอ
ในขณะที่คนอื่นมองว่าเราดีกว่าเขา

เพราะเราขาดสิ่งสำคัญ 2 ประการคือ “ความพอเพียง” และ “การคิดดีต่ออัลลอฮ์” القناعة وحسن الظن بالله

**************

หากท่านจะรู้คุณค่าของท่าน ณ อัลลอฮ์ก็จงไตร่ตรองดูว่า คุณค่าของอัลลอฮ์ ณ จิตใจของท่านมีมากน้อยเพียงใด

ขาวไม่ได้สื่อถึงความสวยงามเสมอไป ดำก็ไม่ใช่ขี้เหร่ไปตลอด
ผ้าห่อศพสีขาวบริสุทธิ์…แต่ดูน่ากลัว
กะบะฮ์สีดำสนิท…แต่ก็สวยสง่า

Kaaba in Mecca Saudi Arabia

ความสวยงามของคน อยู่ที่กิริยามารยาท หาใช่รูปลักษณ์ภายนอก

**************

หากความเป็นวีรบุรุษวัดกันที่เสียงดัง สุนัข คือผู้นำแห่งวีรบุรุษ

หากความสวยงามของสตรี วัดกันที่การปลดเปลื้องเสื้อผ้า ฝูงลิงก็จะดูสวยสดงดงาม

********* แปลสรุปข้อความอาหรับ โดย ผศ. มัสลัน มาหะมะ

การเอื้ออาทรที่ชั่วร้ายที่สุด… โดย อิบนุตัยมียะฮ์ฯ

อิบนุตัยมียะฮ์ เราะฮิมะฮุลลอฮ์กล่าวว่า
การเอื้ออาทรที่ชั่วร้ายที่สุดคือ การเอื้อเฟื้อที่ท่านได้มอบผลบุญความดีงามของท่านให้แก่คนอื่นในวันกิยามะฮ์ ด้วยการนินทา ใส่ไคล้ จาบจ้วง ให้ร้าย ด่าทอ สาปแช่งคนอื่น หรือพูดง่ายๆคือ อันธพาล
——————
จงระวังการเอื้อเฟื้อประเภทนี้
แอดมินจำได้ว่า เริ่มแรกที่เป็นครูโรงเรียนประถมที่ Sekolah Rendah Hira’, Klang, Selangor เมื่อ 25 ปีที่แล้ว นักเรียนชอบมาฟ้องว่าตนถูกเพื่อน Bully หรือบอกว่าคนนั้นชอบ Bully เพื่อน อาศัยที่เป็นคนบ้านนอกเข้ากรุงใหม่ๆ จึงไม่เข้าใจคำนี้ เลยถามเพื่อนครูแบบเขินๆว่า Bully คืออะไร ซึ่งเพื่อนก็อธิบายด้วยดี
หลังจากนั้น ก็ไม่เคยได้ยินคำนี้อีกเลย จนกระทั่งมีกระแสในโลกโชเชี่ยลปัจจุบัน
—————
นบีได้พูดถึงคนที่ชอบระรานและใส่ร้ายคนอื่นว่าเป็นคนที่ล้มละลายตัวจริง เพราะในวันอาคิเราะฮ์ ความดีของเขาที่สะสมมาทั้งชีวิต จะถูกถ่ายโอนไปยังคนที่เขาเคยทำร้ายด้วยวาจาและการกระทำเพื่อไถ่บาป หากยังไม่เพียงพอ อัลลอฮ์จะถ่ายโอนบาปของคนที่เขาเคยทำร้ายมาให้เขา จนกระทั่งจากที่เขาเคยเป็นคนที่มีความดีมากมาย กลับกลายเป็นคนที่เต็มไปด้วยบาป จนกระทั่งเขาถูกตัดสินให้เข้านรก نعوذ بالله من ذلك
นี่คืออันตรายของ Bully

ยิ่งในตอนนี้ เราสามารถ Bully ผู้คน โดยที่เหยื่อแทบไม่มีโอกาสรู้จักเราด้วยซ้ำ
ยุคโซเชี่ยล ทำให้คนๆหนึ่งกร่างเมื่ออยู่คนเดียวหน้าจอ แต่ดูสุขุมคัมภีรภาพเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน
————
บางคนหาญกล้า Bully อุละมาอฺที่เสียชีวิตไปแล้วร้อยๆปีด้วยผลงานอันมากมาย แต่เรากลับ Bully พวกเขาด้วยความญาฮิลของเรา
เรา Bully คนเดียวหน้าจอก็จริง
แต่คิดว่า จะรอดหรือ

ชมคลิปการบรรยาย โดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ ด้านล่างนี้