ตัวชี้วัดของการอดทนยามเจ็บป่วยหรือประสบภัยพิบัติ

อิสลามสอนให้ผู้ป่วยหรือผู้ประสบภัยพิบัติให้ใช้ความอดทนอย่างแรงกล้า นบีได้แจ้งข่าวดีว่า อัลลอฮ์จะทรงยกโทษและลบล้างบาปของผู้เจ็บป่วยหรือผู้ประสบภัยพิบัติ ถึงแม้เขาจะโดนตอกหนามเพียงน้อยนิดก็ตาม ยกระดับของเขาและเพิ่มพูนผลบุญมากมาย และหากเสียชีวิตด้วยโรคบางชนิดเช่นโรคติดต่อ หรือโรคภายในท้อง(ตับ ไต หัวใจ ฯลฯ) เขาจะได้รับฐานะชะฮีด ณ อัลลอฮ์ทีเดียว

แต่ทั้งนี้ มีข้อแม้ว่า เขาจะต้องอดทน อดกลั้นกับบททดสอบนี้ด้วยหัวใจที่น้อมรับ และมองบวก ซึ่งสัญญานที่คนๆหนึ่งมีความอดทนยามเจ็บป่วยหรือประสบภัยพิบัติ มีดังนี้

                1.            บังคับความรู้สึกไม่ให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนทางใจ เช่น เครียดจนเกินเหตุ สับสนกระวนกระวาย ซึมเศร้าวิตกกังวล น้อยเนื้อต่ำใจ อารมณ์ฉุนเฉียว โกรธง่าย

                2.            บังคับลิ้นและวาจา ไม่ให้ดุด่า จู้จี้ขี้บ่น โวยวาย เล่าความเจ็บปวดของตนซ้ำซาก ชอบตัดพ้อจนกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย

3.            บังคับร่างกายไม่ให้แสดงกิริยาที่แสดงตัวตนว่าไม่มีน้ำอดน้ำทน อยู่ไม่สุข หงุดหงิดง่ายทั้งสายตา ใบหน้า และอวัยวะอื่นๆ

ความอดทนของผู้ป่วยมีระดับชั้นที่มากมาย และมีฐานะที่ลดหลั่นกันไป ซึ่งสามารถประเมินได้จาก 3 ตัวชี้วัดที่ได้กล่าวข้างต้น

บางคนได้คะแนนเต็มร้อย บางคนอยู่ในระดับดี บางคนผ่านแค่เฉียดฉิว บางคนคะแนนตกต้องแก้ใหม่ และบางคนไม่มีโอกาสแก้ตัวได้เลย

ผู้ป่วยที่มีความอดทนที่สุดยอดที่สุดคือนบีอัยยูบ عليه السلام ที่ป่วยด้วยโรคผิวหนังนานเกือบ 20 ปี  ท่านไม่เคยปริปากบ่นแม้แต่น้อย และเมื่อโรคร้ายลุกลามจนเกินทน ท่านจึงกล่าวว่า “โอ้อัลลอฮ์ แท้จริงฉันประสบกับความเดือดร้อน และพระองค์เป็นผู้เหนือยิ่งในบรรดาผู้กรุณา “ (ดูอัลกุรอานซูเราะห์อันบิยาอฺ/83)

เช่นเดียวกันกับนบีมูฮัมมัด صلى الله عليه وسلم ที่ท่านเคยพลาดทานเนื้อแพะอาบยาพิษที่สตรียิวนำมามอบให้ ความรุนแรงของพิษทำให้ท่านต้องทนความเจ็บปวด จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แต่ท่านไม่เคยบอกให้ใครทราบ นอกจากช่วงเวลาที่ท่านจะเสียชีวิตเพียงไม่กี่วันเท่านั้น اللهم صل على محمد وعلى آله وصحبه ومن تبعه إلى يوم الدين

ดังนั้น พึงรู้ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจธรรมชีวิตที่จะต้องเกิดขึ้นกับทุกคน แต่ผลบุญของ เกิด แก่ เจ็บ ตายของแต่ละคนนั้น มีไม่เท่ากัน

บางคน ใช้สัจธรรมดังกล่าว มาประยุกต์เป็นผลบุญมหาศาล

แต่บางคนกลับใช้เป็นยอดสะสมบาปที่มากมาย

ตัวแปรสำคัญอยู่ที่ ความมอดทนนั่นเอง

إِنَّمَا يُوَفَّى الصَّابِرُونَ أَجْرَهُم بِغَيْرِ حِسَابٍۗ

(الزمر /١٠)

ความว่า : แท้จริงบรรดาผู้อดทนนั้นจะได้รับการตอบแทนรางวัลของพวกเขาอย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องคำนวณ


โดย Mazlan Muhammad

ความลับที่ประเสริฐสุด

อิมามชาฟิอีย์ رحمه الله กล่าวว่า

 คุณภาพของคน พิสูจน์ได้จาก 3 ประการ       

1.             ปกปิดความยากจน จนกระทั่งผู้คนนึกว่า เขารวย          

2.             ปกปิดความโกรธเคือง จนกระทั่งผู้คนเข้าใจว่า เขาพอใจ           

3.             ปกปิดความลำบาก จนกระทั่งผู้คนเข้าใจว่าเขาสุขสบาย

*‏قال الإمام الشافعي :

[جوهر المرء في ثلاث :

كتمان الفقر؛ حتى يظن الناس من عفتك، أنك غني –

وكتمان الغضب؛ حتى يظن الناس أنك راض –

[ وكتمان الشدة؛ حتى يظن الناس أنك متنعم –

اللهم أنعم علينا برضاك


ที่มา fb : Dr. Tareq AlSuwaidan

วิธีเลี้ยงลูกของท่านนบี และการประยุกต์ใช้ของบรรพชนสะลัฟซอและห์ และข้อคิดของอุลามาอ์ผู้ทรงธรรม [ตอนที่ 2]

การเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดี

จะรอให้ลูกเติบใหญ่ก่อนไม่ได้

หรือแม้แต่จะรอให้ลูกอยู่ในครรภ์ก็ไม่ได้

แต่จะต้องเริ่มตั้งแค่การหาคู่ครอง

อิสลามสอนว่า การเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดี จะต้องเริ่มตั้งแต่การแสวงหาคู่ครองที่เป็นคนดี มีคุณธรรมประจำใจ

รอให้มีลูกก่อน… ก็อาจจะสายเกินไป

ทุกฝ่าย ทั้งชายหญิง ควรพิจารณาคุณสมบัติของคู่ชีวิตตรงที่”ความเป็นคนดีมีคุณธรรม” มากกว่าเหตุผลอื่นๆ

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

«إِذَا خَطَبَ إِلَيْكُمْ مَنْ تَرْضَوْنَ دِينَهُ وَخُلُقَهُ فَزَوِّجُوهُ، إِلَّا تَفْعَلُوا تَكُنْ فِتْنَةٌ فِي الْأَرْضِ وَفَسَادٌ عَرِيضٌ».  رواه الترمذي

 “เมื่อมีผู้ที่พวกท่านพอใจในศาสนาและมารยาทของเขามาสู่ขอบุตรสาวของท่าน พึงแต่งงานแก่เขาเถิด มิเช่นนั้นจะก่อให้เกิดฟิตนะฮฺบนหน้าแผ่นดินและเป็นการบ่อนทำลายอย่างถ้วนหน้า”  (หะดีษรายงานโดยอัตติรมิซีย์ )

تُنْكَحُ الْمَرْأَةُ لِأَرْبَعٍ : لِمَالِهَا ، وَلِحَسَبِهَا ، وَلِجَمَالِهَا ، وَلِدِينِهَا ، فَاظْفَرْ بِذَاتِ الدِّينِ تَرِبَتْ يَدَاكَ  . رواه البخاري

“สตรีจะถูกแต่งงาน ด้วยเหตุ 4 ประการ  เพราะทรัพย์ของนาง เพราะความดีของนาง เพราะความงามของนาง และเพราะศาสนาของนาง ดังนั้น ท่านจงเลือกสตรีที่มีศาสนาเถิด ท่านจะได้ดี ” (รายงานบุคอรีย์และมุสลิม)


ย่อยหนังสือ

منهج التربية النبوية للطفل مع نماذج تطبيقية من حياة السلف الصالح وأقوال العلماء العاملين

“ว่าด้วยวิธีเลี้ยงลูกของท่านนบี และการประยุกต์ใช้ของบรรพชนสะลัฟซอและห์และข้อคิดของอุลามาอ์ผู้ทรงธรรม”

แปลสรุปโดย Ghazali Benmad

วิธีเลี้ยงลูกของท่านนบี และการประยุกต์ใช้ของบรรพชนสะลัฟซอและห์และข้อคิดของอุลามาอ์ผู้ทรงธรรม [ตอนที่ 1 ]

منهج التربية النبوية للطفل مع نماذج تطبيقية من حياة السلف الصالح وأقوال العلماء العاملين

“ว่าด้วยวิธีเลี้ยงลูกของท่านนบี และการประยุกต์ใช้ของบรรพชนสะลัฟซอและห์และข้อคิดของอุลามาอ์ผู้ทรงธรรม”

หนังสือที่ซัยยิดอบุลหะซัน อัลนัดวีย์ แนะนำว่า ครอบครัวมุสลิมควรมีไว้ทุกบ้าน และควรจัดรายการเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ

อินชาอัลลอฮ์

ตอบโจทย์การแก้ปัญหาสังคมแบบยั่งยืนตามแนวทางของอัลลอฮ์ที่ให้แก้ปัญหาทุกอย่างด้วยการพัฒนาคน

إِنَّ اللّهَ لاَ يُغَيِّرُ مَا بِقَوْمٍ حَتَّى يُغَيِّرُواْ مَا بِأَنْفُسِهِمْ

“แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่เปลี่ยนแปลงประชาชาติใด จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง”

มาก้าวข้าม “อิสลามวาทกรรม” สู่ “อิสลามเชิงพฤติกรรมที่ตกผลึกเป็นเลือดเป็นเนื้อ”


สรุปโดย Ghazali benmad

บาปเงียบ : มหันตภัยยุคสื่อไร้พรมแดน

           หนุ่มสาวที่แสนเรียบร้อย แสดงออกถึงบุคลิกภาพที่ควรค่าแก่การยกย่อง เป็นผู้ที่ใฝ่เรียนรู้ศาสนาในสายตาของบุคคลทั่วไป ถ้าเป็นมุสลิมีนก็จะไว้เคราพองาม พิถีพิถันในเรื่องการแต่งกาย แลดูสะอาดสะอ้าน ถ้าเป็นมุสลิมะฮ์จะสวมใส่ฮิญาบอย่างมิดชิดเรียบร้อย บางคนปิดใบหน้าและฝ่ามือ เพื่อยึดมั่นตามแบบฉบับสุนนะฮ์  คบค้าสมาคมกับผู้รู้ทางศาสนา บรรดามิตรสหายอยู่ในหมู่ผู้ที่ใฝ่ศึกษาหาความรู้ ฯลฯ…..

          ปรากฏการณ์นี้ ถือเป็นภาพที่บ่งบอกถึงการยึดมั่นในศาสนาของกลุ่มเยาวชน แต่จะเป็นสิ่งดียิ่ง หากเบื้องหลังของพวกเขาจะใสสะอาดหมดจด ยิ่งกว่าเบื้องหน้าที่ปรากฏมาให้เห็น หรือยามที่พวกเขาสงบนิ่งในขณะเข้าเฝ้าต่อหน้าพระองค์อัลลอฮ์ นั้น จะสามารถรักษาความบริสุทธิ์ใจไว้ได้ มากกว่ายามที่พวกเขาแสดงออกมาต่อหน้าผู้คน

          ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะมีข้อมูลที่ทำให้ทราบว่า หนุ่มสาวหลายคนที่ดูแสนจะเรียบร้อย แต่เมื่ออยู่ในที่ลับตาผู้คนแล้ว พวกเขากลับกลายเป็นสาวกของชัยฎอน จมดิ่งอยู่ในห้วงทะเลแห่งตัณหาและอบายมุขชนิดโงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว

          พวกเขาและพวกเธอ มักบริโภคสื่อไร้พรมแดนที่ไร้สาระ  เสพติดเว็บไซต์ที่ไร้จริยธรรมอยู่เนืองนิจ ครุ่นคิดติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตที่มักใช้นามแฝงเพื่อกลบเกลื่อนชื่อจริง ใช้กลยุทธ์ลับ ลวง พราง เพื่อสนองตัณหาอารมณ์ใฝ่ต่ำ บางครั้งก็ใส่ร้ายป้ายสีบุคคลอื่นๆ หรือองค์กรต่างๆ ให้พลอยได้รับความเสื่อม และเสียชื่อเสียงไปด้วย

          เยาวชนที่รัก …. เจ้าอย่ามองข้ามการเพ่งพินิจและการตรวจสอบของอัลลอฮ์ อย่างเด็ดขาด โดยยอมลงทุนฝ่าฝืนพระองค์ และตอบรับการเรียกร้องของชัยฏอน

          ท่านซะห์นูน (รอฮิมะฮุลลอฮ์) ได้กล่าวไว้ ความว่า

“เจ้าจงอย่าริประกาศตัวเป็นศัตรูคู่อริกับชัยฏอนในที่เปิดเผย  แต่กลับเป็นสหายรักกับมันยามลับตาผู้คน”

          เพราะแท้จริง บาป ที่คนๆ หนึ่งกระทำไว้ ณ ที่ลับตาผู้คนนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชักนำเขาสู่ความวิบัติ และบ่อนทำลายความดีงามที่สะสมไว้

 นบีมุฮัมมัด  صلى الله عليه وسلمได้กล่าวไว้ว่า

جاء  عَنِ النَّبِىِّ صلى الله عليه وسلم أَنَّهُ قَالَ   لأَعْلَمَنَّ أَقْوَامًا مِنْ أُمَّتِى يَأْتُونَ يَوْمَ الْقِيَامَةِ بِحَسَنَاتٍ أَمْثَالِ جِبَالِ تِهَامَة بَيْضَاء فَيَجْعَلُهَا اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ هَبَاءً مَنْثُورًا  َقالَ ثَوْبَانُ : يَا رَسُولَ اللَّهِ صِفْهُمْ لَنَا جَلِّهِمْ لَنَا أَنْ لاَ نَكُونَ مِنْهُمْ وَنَحْنُ لاَ نَعْلَمُ . قَالَ : أَمَا إِنَّهُمْ إِخْوَانُكُمْ وَمِنْ جِلْدَتِكُمْ وَيَأْخُذُونَ مِنَ اللَّيْلِ كَمَا تَأْخُذُونَ وَلَكِنَّهُمْ أَقْوَامٌ إِذَا خَلَوْا بِمَحَارِمِ اللَّهِ انْتَهَكُوهَا   رواه ابن ماجه و صححه الألبانى

          ความว่า “แน่แท้ ฉันรู้ว่า มีชนกลุ่มหนึ่งในประชาชาติของฉัน ที่พกพาความดีงามและกุศลทานอันมากมายสะสมไว้ในวันกิยามะฮ์

เปรียบเสมือนเทือกเขาติฮามะฮ์ที่ขาวสะอาด

แต่อัลลอฮ์   ทรงทำให้ความดีงามอันมากมายเหล่านั้น กลายเป็นเศษฝุ่นที่ปลิวว่อนเท่านั้น (ไม่มีคุณค่าใดๆ ทั้งสิ้น)

ท่านเซาบาน จึงถามว่า โอ้ ศาสนทูตของอัลลอฮ์

ได้โปรดบอกคุณลักษณะของพวกเขาให้เรา

ทราบด้วย และโปรดอธิบายให้พวกเราทราบอย่างแจ้งชัด เผื่อว่าเราจะได้ระมัดระวังมิให้เป็นเช่นกลุ่มนั้น ในสภาพที่เราไม่รู้ตัว

นบีมุฮัมมัด صلى الله عليه وسلم   จึงตอบว่า พวกเขาคือพี่น้องของท่านนั่นแหละ มีสีผิวเช่นเดียวกับพวกท่าน พวกเขาดำรงตนในเวลากลางคืนด้วยการละหมาดกลางคืนเช่นเดียวกับพวกท่าน แต่ยามใดที่พวกเขาอยู่ในที่ลับตาผู้คนแล้ว พวกเขาจะละเมิดและฝ่าฝืนคำสั่งใช้ของอัลลอฮ์ ”

บันทึกโดยอิบนุมาญะฮฺ/4245,ดู อัซซิลซิละฮฺ อัศเศาะฮีหะฮฺ 2/18


โดย Mazlan Muhammad

ความต่างระหว่าง 2 ดุอา

ความต่างระหว่างสองดุอา

اللهم ارزقني

โอ้อัลลอฮ์ได้โปรดประทานริสกีให้ฉัน

กับ

اللهم بارك لي في رزقي

โอ้อัลลอฮ์โปรดประทานความบะรอกัตในริสกีของฉัน

ถามว่า มุอฺมินควรดุอาท่อนไหนดี

ตอบ

ท่อนที่สองดีที่สุด

เพราะ

อัลลอฮ์ทรงประกันว่าพระองค์จะประทานริสกีให้แก่ทุกคน แม้กระทั่งหนอนในซอกหิน

แต่พระองค์ไม่ประทานความบะรอกัต เว้นแต่ผู้ที่พระองค์รักเท่านั้น

บะรอกัตจึงเป็นขุนพลชั้นเอกของอัลลอฮ์

เมื่ออยู่กับทรัพย์สิน มันจะทำให้ทรัพย์สินนั้นงอกเงยและเพิ่มพูน

เมื่ออยู่กับลูกๆ มันจะทำให้กลายเป็นลูกศอลิห์

เมื่ออยู่กับความรู้ มันจะกลายเป็นความรู้ที่มีประโยชน์

เมื่ออยู่กับมิตรสหาย มันจะกลายเป็นมิตรสหายที่ประเสริฐ

เมื่ออยู่กับชีวิตเรา มันจะทำให้ชีวิตมีคุณค่าและเป็นที่พอใจ ณ พระองค์

จงขอความบะรอกัตจากพระองค์ แทนที่จะขอริสกี อายุยืน หรือลูกหลานมากมายเพียงอย่างเดียว

————

اللهم بارك لي في رزقي ومالي وأولادي وزوجي وعلمي وحياتي وجميع ما أعطيتني

وارزقني خير ما أعطيت السائلين

โอ้อัลลอฮ์ได้โปรดประทานความบะรอกัตในริสกีของฉัน ทรัพย์สมบัติของฉัน ลูกหลานและคู่ชีวิตของฉัน ความรู้ของฉัน ชีวิตของฉันและทุกอย่างที่พระองค์ประทานให้ฉัน และจงประทานริสกีให้ฉันสิ่งที่ดีทีสุดที่พระองค์ได้ประทานให้แก่ผู้ขอ


โดย Mazlan Muhammad

สายธารทางความคิดของชาติตะวันตก

ดาร์วินสอนมนุษย์ว่า คนวิวัฒนาการมาจากลิง
มาเคียเวลเลียน สอนให้ผู้แสวงหาอำนาจให้เป็นสุนัขจิ้งจอกและสิงโตในคนเดียวกัน

อารยธรรมชาติตะวันตยุคใหม่จึงเป็นอารยธรรมที่มาจากสายธารทางความคิดของความเป็นสัตว์ ที่ไร้ปัญญา ขาดสติ บูชาอารมณ์ ใช้กำลัง เล่ห์เหลี่ยมเพทุบาย โหดร้ายอำมหิต

หลังจากตะวันตกถูกครอบงำโดยนักการศาสนาที่อธรรม บีบบังคับให้ผู้คนดูถูกสติปัญญา ฉุดรั้งมนุษย์ตกอยู่ใน “ยุคมืด” อันปวดร้าวทรมาน ทำให้ชาติตะวันตก เข็ดหลาบกับความโหดร้ายของศาสนา พวกเขาจึงปฏิเสธศาสนาอย่างไม่มีเยื่อใย และอ้าแขนต้อนรับคุณค่าของความเป็นสัตว์เดรัจฉานแทน

พวกเขาจึงมองอิสลาม เหมือนศาสนาที่ตนเองเชื่อถือในยุคมืด กอปรด้วยวาทกรรมการใส่ร้ายและการโจมตีเชิงระบบต่ออิสลาม ทำให้ชาติตะวันตกจึงหวาดกลัวและชังอิสลามเข้ากระดูกดำ

ปัจจุบัน ท่ามกลางโลกยุคข้อมูลไร้พรมแดน ทำให้ความรู้อิสลามได้รับการถ่ายทอดอย่างกว้างขวาง ชาวยุโรปบางส่วนมีโอกาสศึกษาอิสลามอย่างใกล้ชิด ทำให้พวกเขาต้องพ่ายแพ้กับสัจธรรมอิสลาม

หลายคนที่เคยเป็นนักการเมืองขวาจัดที่เคยเคียดแค้นอิสลาม หลายคนที่เคยจมปลักในทะเลอารมณ์ทั้งดารา นักแสดง นักร้องหรือแม้กระทั่งแก๊งค์สตาร์ หลายคนที่เคยเป็นผู้มีชื่อเสียงในสาขาอาชีพต่างๆ หลายคนแม้กระทั่งนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชา สุดท้าย ต้องยอมศิโรราบกับสัจธรรมแห่งอิสลาม เพราะอิสลามไม่เคยปฏิเสธปัญญา และปัญญาที่บริสุทธิ์ต้องการการชี้นำจากอิสลาม


โดย Mazlan Muhammad

ไม่จำเป็นต้องพิชิตเส้นชัย เพียงแต่ให้อยู่ในลู่วิ่งที่ถูกต้อง ก็พอ

พี่น้องจำเป็นต้องรับรู้ว่า…

บรรดาบรรพชนยุคแรก อาทิ นางซุมัยะห์….ยาซิร…..มุศอับ…อะนัสบินนัฎร์ … ฮัมซะห์บินอับดุลมุฏฏอลิบ….อับดุลลอฮฺบินญะห์ชฺ….สะอัดบินรอเบียะ….และอัมรุบินยุมูฮฺ……

พวกเขาเหล่านี้ไม่มีโอกาสเห็นความรุ่งโรจน์และความยิ่งใหญ่แห่งอิสลาม  พวกเขาไม่ได้เป็นสักขีพยานการพิชิตของท่านอุมัรและชัยชนะอันมากมายของคอลิด บินวะลีด

พวกเขาไม่ได้อยู่ร่วมกับริบอีบินอามิร ที่ได้พิสูจน์ต่อหน้า “รุสตัมแม่ทัพแห่งเปอร์เซีย” ว่าอิสลามสูงส่งและมีศักดิ์ศรีเพียงใด

พวกเขาไม่ได้อยู่ร่วมกับ เคาะลีฟะฮ์ฮารูนอัรรอชีด ในครั้งที่ท่านได้กล่าวถึงก้อนเมฆว่า..

“เจ้าเมฆฝนเอย…จงตกลงมาเถิด ไม่ว่าจะไปตก ณ ที่ใดอันไกลโพ้นตามที่เจ้าปรารถนาก็ตาม  ผลผลิตและภาษีของเจ้า ก็จะกลับมายังข้า”

พวกเขาเหล่านั้นได้ริเริ่มบน”เส้นทางนี้” และได้สิ้นชีวิตในช่วงเริ่มต้นของเส้นทางเท่านั้น โดยไม่มีโอกาสไปถึงปลายทางเลย

พวกเขาไม่ได้เก็บเกี่ยวมรรคผลในสิ่งที่พวกเขาได้เริ่มต้น(ขออัลลอฮทรงพอพระทัยพวกเขาด้วยเถิด)

ดังนั้น

ท่านจงอย่าถามไถ่จุดสิ้นสุดของเส้นทางนี้ 

เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ ท่านยืนหยัดอยู่บนลู่ทางนี้หรือไม่

แม้ว่าท่านจะต้องตายจากไปตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นหรือระหว่างทางนี้ก็ตาม

ไม่มีอะไรเที่สร้างอันตรายให้แก่ท่านได้

ท่านไม่จำเป็นต้องพิชิตเส้นชัย

เพียงแต่ให้อยู่ในลู่วิ่งที่ถูกต้อง

ก็เป็นพอ

ท่านจงเป็นดั่งบุคคลที่พระองค์อัลลอฮฺทรงกล่าวถึงพวกเขาว่า

‎مِن الْمُؤْمِنِينَ رِجَالٌ صَدَقُوا مَا عَاهَدُوا اللَّهَ عَلَيْهِ ۖ فَمِنْهُم مَّن قَضَىٰ نَحْبَهُ وَمِنْهُم مَّن يَنتَظِرُ ۖ وَمَا بَدَّلُوا تَبْدِيلًا

“ในหมู่บรรดาผู้ศรัทธา มีบุรุษผู้มีสัจจริงต่อสิ่งที่พวกเขาได้สัญญาต่ออัลลอฮฺเอาไว้ ดังนั้นในหมู่พวกเขามีผู้ปฏิบัติตามสัญญาของเขา และในหมู่พวกเขามีผู้ที่ยังรอคอย (การตายชะฮีด) และพวกเขามิได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด”

เรากำลังอยู่บนเส้นทางนี้ เราหวังการตอบรับจากพระองค์อัลลอฮฺ ไม่ใช่สาระสำคัญว่าเราจะแตะเส้นชัยหรือไม่…แต่เป้าหมายคือการที่เราได้จบชีวิตอยู่บนเส้นทางนี้ต่างหาก พระองค์อัลลอฮทรงปกปักษ์รักษาศาสนาของพระองค์เอง

ดังนั้นขอให้เราจงตั้งเจตนาใหม่ในทุกเรื่อง ทุกชั่วโมงและทุกเสี้ยวเวลานาที เพราะเราไม่มีทางรู้ว่า

เราจะจากไปเมื่อไร …


ที่มา

แปลสรุปจากบทความในภาษาอาหรับ

من الضروري أن تعرف

بأن سمية .. وياسر .. ومصعب ..

وأنس بن النضر .. وحمزة بن عبدالمطلب ..وعبدالله بن جحش ..

سعد بن الربيع .. عمرو بن الجموح …..

هؤلاء لم يروا عزاً للإسلام ولا تمكينــــاً ..

ولم يشاهدوا فتوحات “عمر” وانتصارات “خالد”

ولم يشاهدوا ” ربعي بن عامر” وهو يستعلي بدينه أمام “رستم ملك الفرس”

ولم يشاهدوا “هارون الرشيد” وهو يقول مخاطبًا السحب :

“أمطري حيث شئتِ فسوف يأتيني خراجك”

هم بـــــدؤوا “الطــــريق”

وماتوا في أوله ولم يصلوا إلى آخره ولم يجنوا ثمار ما بدؤوا “رضي الله عنهم جميعا”

فلا تسأل عن نهاية الطريق

المهم أن تكون على الطريق

حتى إذا ما مت على أوله أو في منتصفه لم يضرك شيء

فتكون ممن قال الله فيهم :

مِنَ الْمُؤْمِنِينَ رِجَالٌ صَدَقُوا مَا عَاهَدُوا اللَّهَ عَلَيْهِ ۖ فَمِنْهُمْ مَنْ قَضَىٰ نَحْبَهُ وَمِنْهُمْ مَنْ يَنْتَظِرُ ۖ وَمَا بَدَّلُوا تَبْدِيلًا

إننا نسير على الطريق ونرجو الله القبول وليست الغاية أن نصل ؛ ولكن الغاية أن نموت على الطريق والله حافظ دينه

فلنجدد النية في كل أمر وفي كل ساعة بل في كل لحظة .. فلا نعلم متى الرحيل ..

اللهم اهدنا واهد بنا واجعلنا أسباباً لهداية خلقك

แปลสรุปโดย Ismail Rao

ระหว่างการใช้ชีวิตเพื่อตนเองกับการใช้ชีวิตเพื่ออุมมะฮ์

หากเราใช้ชีวิตเพื่อบำเรอความสุขของตนเอง เราจะมีอายุสั้นๆตามอายุขัย

หลังจากเสียชีวิตไป ไม่ค่อยมีใครพูดถึง แม้กระทั่งลูกหลานตนเอง

แต่หากใช้ชีวิตเพื่อสร้างคุณูปการแก่ประขาขาติ (อุมมะฮ์) เราจะมีชีวิตยั่งยืนจนข้ามโพ้นกาลเวลา

ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ์ครองโสด จนเสียชีวิต ท่านจึงไม่มีลูกสืบสกุล แต่ได้ทิ้งประชาชาติศอลิห์ที่คอยดุอาให้ท่านตลอด

อิมามนะวะวีย์ ครองโสดและไม่มีทายาทคอยดุอา  แต่เชื่อว่า ไม่มีมุสลิมใฝ่ศาสนาคนไหน ที่ไม่รู้จักตำรา 40 หะดีษอันนะวะวีย์และคอยดุอาให้ท่านตลอด

อิมามอิบนุญะรีรอัฏเฏาะบะรีย์ เสียชีวิตในสภาพโสดเช่นกัน ท่านจึงไม่มีลูกเป็นขวัญตา แต่ท่านได้ฝากคลังความรู้ด้านอรรถาธิบายอัลกุรอานที่ผู้รู้ทุกคนขาดไม่ได้ พร้อมดุอาให้ท่านประจำ

อิมามมาลิก ผู้ซึ่งอิมามอัซซะฮะบีย์เล่าว่า อิมามมาลิกถูกโบย ถูกทรมานจนกระทั่งสลบ อัซซะฮะบีย์กล่าวว่า ฉันหวังว่า ทุกครั้งที่อิมามมาลิกถูกโบย อัลลอฮ์จะยกระดับให้ท่าน 1 ชั้นในสวรรค์ ทุกวันนี้ เราแทบไม่สนใจว่าเหล่าก่อการร้ายที่ฟิตนะฮ์อิมามมาลิกเป็นใครกัน แต่มุสลิมทุกคนดุอาให้ท่านทุกครั้งที่เอ่ยชื่อท่าน

เช่นเดียวกันกับอิมามชาฟิอีย์ ที่มีคนใจโฉดปองร้ายท่าน จนต้องอพยพออกจากเยเมนสู่กรุงแบกแดดและใช้ชีวิตในบั้นปลายที่อิยิปต์จนกระทั่งเสียชีวิต เราต่างเป็นหนี้บุญคุณอิมามท่านนี้และดุอาให้ท่านตลอดเวลา โดยไม่เคยสนใจใยดีกับแก๊งค์โฉดกลุ่มนั้น

ไหนล่ะ คนที่จับและทรมานอิมามอะห์มัดเข้าคุก พวกเขาได้ตายจากไปแล้ว ทุกคนแทบไม่รู้จักบรรดาผู้อธรรมเหล่านั้น แต่ประวัติ คำสอนและมัซฮับของอิมามอะห์มัดยังเป็นที่กล่าวขานและเป็นบทเรียนจนกระทั่งปัจจุบัน

อิมามบุคอรีย์ถูกกลั่นแกล้งจากผู้ไม่หวังดี จนกระทั่งถูกเนรเทศออกจากบ้านเกิดเมืองนอน และเสียชีวิตในต่างแดน มีใครจดจำชีวประวัติของเหล่าทรชนกลุ่มนั้นบ้างไหม ในขณะที่ทั่วทุกมิมบัรและมัจลิสอิลมี ต่างก็ยกหะดีษที่รายงานโดยอิมามบุคอรีย์และขอดุอาให้ท่าน

ซัยยิด กุฏุบ โดนตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ท่านไม่เคยผ่านชีวิตคู่ ไม่มีทายาท ถึงแม้บางคนและบางกลุ่มพยายามใส่ไคล้ท่านด้วยฟิตนะฮ์มากมาย แต่เชื่อว่า คำฟิตนะฮ์เหล่านั้น คงไม่สามารถกลบฝังความดีงามของท่านอันมากมาย ผู้คนแทบไม่เอ่ยถึงจอมอธรรมที่ตัดสินประหารชะฮีดท่านนี้ (ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮ์)ในขณะที่ผู้ฟิตนะฮ์ท่าน ทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต ก็คงทำได้เพียงเพิ่มพูนความดีงามของท่านในวันแห่งการตัดสินเท่านั้น

คนบางคนได้ตายจากโลกนี้ แต่ความดีงามของเขาไม่เคยสาบสูญ แถมยังดุอาด้วยความดีงามอย่างต่อเนื่องในขณะที่บางคนยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ได้รับความสนใจจากผู้คนประหนึ่งคนที่ตายไปแล้ว แถมยังถูกโยนเข้าในกองขยะของประวัติศาสตร์อีกด้วย

 رَبَّنَا اغْفِرْ لَنَا وَلِإِخْوَانِنَا الَّذِينَ سَبَقُونَا بِالإِيمَانِ وَلا تَجْعَلْ فِي قُلُوبِنَا غِلاً لِّلَّذِينَ آمَنُوا رَبَّنَا إِنَّكَ رَؤُوفٌ رَّحِيمٌ


โดย Mazlan Muhammad

ปราชญ์สอนลูก

ลูกรัก  เจ้าอย่าละเลย 3 ประการในชีวิต

1. เจ้าจงทานอาหารที่ประเสริฐสุด

2. เจ้าจงหาที่นอนที่สบายสุดๆ

3. และเจ้าจงพักอาศัยในบ้านที่อบอุ่นที่สุด

ลูกตอบว่า เรายากจน จะทำอย่างไรเล่า

ปราชญ์ตอบว่า

หากเจ้าทานอาหารขณะหิว ก็จะเป็นมื้อที่อร่อยที่สุด

หากเจ้าทำงานหนัก เจ้าจะหลับสบายสุดๆ

หากเจ้าหมั่นทำความดีกับผู้คน เจ้าจะอยู่ในหัวใจผู้คนอย่างอบอุ่นที่สุด