ในมุสลิมคนเดียวกัน เป็นได้ทั้งนักพรต นักธุรกิจ นักบริหาร นักปกครอง หัวหน้าครอบครัว นักรบ นักเผยแผ่ศาสนา นักการเมือง ผู้นำองค์กร แม้กระทั่งผู้นำประเทศ
มุสลิมจึงเป็นคนที่สามารถครองตน ครองคน ครองงาน ครองเรือนและครองธรรมในตัวคนเดียวกัน ความเป็นมุสลิมจึงสามารถบูรณาการสีสันชีวิตเหล่านี้ให้เป็นเนื้อเดียวกันอย่างผสมผสานจนแยกไม่ออก เหมือนสายน้ำฝนที่ตกลงจากฟากฟ้า ที่ไม่สามารถแยกแยะว่าเม็ดไหนที่ให้ประโยชน์มากกว่ากัน เพราะในทุกอิริยาบถและสถานะของมุสลิม เขาจะต้องศิโรราบกับพระเจ้าองค์เดียวกัน มีต้นแบบจากนบีคนเดียวกัน และมีหลักปฏิบัติและบทสวดทางศาสนธรรมที่ต้องยึดถือกับเนื้อหาสาระฉบับเดียวกัน
มุสลิมจึงเป็นนักพรตยามค่ำคืน และอัศวินในกลางวันได้อย่างไม่เคอะเขินและปิดบัง เขาสามารถร่วมหลับนอนเสพสุขกับภรรยา แล้วตื่นขึ้นมาขอสารภาพผิดต่ออัลลอฮ์จากความผิดพลาดและความเผลอเรอของเขาด้วยหัวใจที่สำรวมและยำเกรง หลังจากชำระร่างกายอย่างถูกต้อง เพราะอิสลามถือว่า อารมณ์กิเลสเป็นสิ่งที่ถูกประดับประดามาควบคู่กับมนุษย์มาแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ย่อมตัดกิเลสไม่พ้น ไม่ว่ากิเลสทางอารมณ์ใคร่ กิเลสในการครอบครองทรัพย์สิน กิเลสในการมีลูกหลานและเหล่าบริวาร กิเลสในอำนาจลาภยศ เป็นต้น ดังนั้นอิสลามจึงไม่มีคำสอนที่ให้มนุษย์ดับกิเลส หรือสอนให้ปล่อยวางกับสิ่งเย้ายวนเหล่านั้น แต่อิสลามเสนอคำสอนให้มีการควบคุมกิเลสพร้อมสอนให้จับต้องสิ่งเหล่านี้อย่างมีสติและไม่ติดยึด พร้อมกำหนดพื้นที่และขอบเขตให้เล่นตามกติกาที่ได้วางไว้ มุสลิมจึงสามารถแต่งงานมีภรรยาได้ถึง 4 คนหากมีเงื่อนไขเพียบพร้อม สามารถเก็บออมและเป็นเจ้าของธุรกิจพันล้านและทรัพย์สินอันมากมาย ตราบใดที่อยู่ในครรลองคลองธรรม สามารถทำหน้าที่เป็นผู้นำสังคมแม้กระทั่งผู้นำประเทศ ตราบใดมีคุณสมบัติอันพึงประสงค์และปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ
มุสลิมจึงไม่มีด้านมืดและด้านสว่าง ด้านที่ปกปิดและด้านที่เปิดเผยในเวลาเดียวกัน เขาจึงไม่มีอะไรจะปิดบัง เพราะเขามั่นใจว่า วันหนึ่งเขาจะต้องผ่านการตรวจสอบจากพระองค์อัลลอฮ์ ผู้ทรงรอบรู้เท่านั้น
มุสลิมจึงไม่มีอาการเก็บกดหรือเกิดอาการปฏิกิริยาโต้กลับ ประหนึ่งกลับจากเป็นผู้ทรงศีลที่ตบะแตก เนื่องจากทนกับสิ่งเย้ายวนไม่ไหว เพราะกิจวัตรประจำวันของมุสลิมคือวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ ที่มีทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ความต้องการและจิตวิญญาณ โดยที่อิสลามได้ให้คำสอนที่สามารถตอบสนองความเป็นมนุษย์ได้อย่างครบครันและสมบูรณ์อยู่แล้ว ไม่ใช่ไปเน้นส่วนใดส่วนหนึ่ง แล้วละเลยอีกส่วนหนึ่ง
ทั้งหลายทั้งปวง เนื่องจากอิสลามเป็นศาสนาของอัลลอฮ์ ผู้สร้างมนุษย์และสรรพสิ่ง ดังนั้นพระองค์เท่านั้นที่ทรงรอบรู้ความต้องการที่แท้จริงของมนุษย์ และพระองค์ทรงรอบรู้ว่า คำสอนที่สอดคล้องกับธรรมชาติของความเป็นมนุษย์นั้นจะต้องเป็นคำสอนอย่างไร
“แท้จริง ศาสนา ณ อัลลอฮ์คืออิสลาม”
โดย Mazlan Muhammad