โครงการปลุกให้ตื่น ระดมให้บริจาค (3) เพื่อภารกิจช่วยเหลือกาซ่า [5]

โครงการปลุกให้ตื่น ระดมให้บริจาค (3) เพื่อภารกิจช่วยเหลือกาซ่า

กิจกรรมที่ 5

“กุรบาน ณ แผ่นดินชาม”

– เป้าหมาย วัว 4 ตัว แกะ 10 ตัว รวมเป็นเงิน 181,789 บาท (อีก 200,000 บาทจัดโดยองค์กรอามัล แห่งเลบานอน)

– สถานที่ดำเนินการ กาซ่า ปาเลสไตน์

– ดำเนินการโดย AL-QUDS Foundation Malaysia ซึ่งได้แจกจ่ายเนื้อกุรบานไปยังคนเดือดร้อนจำนวน 500 คนระยะเวลาดำเนินโครงการ 21-22 กรกฎาคม 2564


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

โครงการปลุกให้ตื่น ระดมให้บริจาค (3) เพื่อภารกิจช่วยเหลือกาซ่า [4]

โครงการปลุกให้ตื่น ระดมให้บริจาค (3) เพื่อภารกิจช่วยเหลือกาซ่า

กิจกรรมที่ 4

“ซื้อยาเวชภัณฑ์”

– กลุ่มเป้าหมาย ผู้ป่วยจำนวน 60 ราย รวมเป็นเงิน 4,650 ดอลล่าร์

– สถานที่ดำเนินการ กาซ่า ปาเลสไตน์- ดำเนินการโดย AL-QUDS Foundation Malaysia

– ระยะเวลาดำเนินโครงการ 17-18 กรกฎาคม 2564


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

โครงการปลุกให้ตื่น ระดมให้บริจาค (3) เพื่อภารกิจช่วยเหลือกาซ่า [3]

กิจกรรมที่ 3

ซื้อเสื้อต้อนรับวันอีด กลุ่มเป้าหมาย 300 คนๆละ730 บาท รวมเป็นเงิน 219,000 บาท สถานที่ดำเนินการ กาซ่า ปาเลสไตน์ ดำเนินการโดย AL-QUDS Foundation Malaysia ระยะเวลาดำเนินโครงการ 16-17 กรกฎาคม 2564


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

โครงการปลุกให้ตื่น ระดมให้บริจาค (3) เพื่อภารกิจช่วยเหลือกาซ่า [2]

กิจกรรมที่ 2

มอบถุงพืชผักสวนครัวจำนวน 1,050 ถุงๆละ 500 บาท คิดเป็นเงิน 525,000 บาท แจกให้กับ 1,050 ครอบครัว กลุ่มเป้าหมาย 5,000 -6,000 คน สถานที่ดำเนินการ กาซ่า ปาเลสไตน์ ดำเนินการโดย AL-QUDS Foundation Malaysia ระยะเวลาดำเนินโครงการ 13-14 กรกฎาคม 2564


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

โครงการปลุกให้ตื่น ระดมให้บริจาค (3) เพื่อภารกิจช่วยเหลือกาซ่า [ 1 ]

กิจกรรมที่ 1

มอบกล่องยังชีพจำนวน 400 กล่องๆ ละ 1,000 บาท คิดเป็นเงิน 400,000 บาท แจกให้กับ 400 ครอบครัว กลุ่มเป้าหมาย 2,500 คน สถานที่ดำเนินการ กาซ่า ปาเลสไตน์ ดำเนินการโดย AL-QUDS Foundation Malaysia ระยะเวลาดำเนินโครงการ 10-12 กรกฎาคม 2564


โดย ทีมต่างประเทศ

ความแตกต่าง

ภาพขณะนาย Mustafa Bulent Ecevit (เสียชีวิตปี 2006 ขณะอายุ 81 ปี) อดีตนายกรมต. ตุรกีไปเยี่ยมอดีตปธน. คลินตัน เขาได้รับการต้อนรับที่ห้องทำงานของนายคลินตันอย่างไร้เกียรติที่สุด

Ecivit คนนี้ คือคนเดียวกันที่ขับไล่นางมัรวะฮ์ สส. หญิงคนแรกที่ใส่ฮิญาบให้ออกจากรัฐสภา และหลังจากนั้นอีก 11 วัน นางถูกขับไล่ออกจากตุรกีพร้อมถอนสัญชาติ ไปเป็นพลเมืองของสหรัฐฯ

(ดูบรรยากาศในสภาตุรกีครั้นนางมัรวะฮ์ถูกขับไล่ออกจากสภา เมื่อปี 1999 เนื่องจากนางใส่ฮิญาบ )

อัลลอฮ์จึงตอบแทนเขาด้วยความต่ำต้อยและไร้ศักดิ์ศรี

ภาพขณะที่ปธน. แอร์โดอานนั่งประชุมสมาชิกนาโต้ล่าสุดที่เบลเยี่ยม อยู่ๆปธน.ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ได้เข้ามาทักทายอย่างเป็นมิตรและให้เกียรติ

ปธน. แอร์โดอาน ได้คืนสัญชาติตุรกีให้กับนางมัรวะฮ์และแต่งตั้งท่านเป็นทูตตุรกีประจำกัวลาลัมเปอร์เมื่อหลายปีก่อน

แอร์โดอานให้เกียรติฮิญาบอันเป็นสัญลักษณ์แห่งอิสลาม อัลลอฮ์จึงให้เกียรติท่านบนโลกนี้ก่อนที่จะได้รับเกียรติที่แท้จริงในอาคิเราะฮ์

แต่สำหรับผู้ที่ดูถูกศาสนาของพระองค์  ก็ลองพิจารณาภาพซ้ายมือให้ดีๆอีกครั้ง

#รึว่ามีคนเคลมว่าห้ามพูดสิ่งร้ายๆกับคนที่ตายแล้ว


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

ฝ่ามือแห่งศตวรรษ (Slapped of Century)

ก่อนหน้านี้ เขาหยามอิสลามว่า เป็นศาสนาที่ประสบกับวิกฤต เขาใช้วาจาจาบจ้วงนบีฯโดยอ้างเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

นึกไม่ถึงว่า ผู้ที่ประสบกับวิกฤต และคนที่กลายเป็นตัวตลกที่แท้จริง กลับเป็นตัวเขาเอง

————-

รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอังคารกล่าวว่า วิดีโอภาพเหตุการณ์ที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียและสถานีข่าว BFM เผยให้เห็นว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะผู้นำฝรั่งเศสวัย 43 ปี เดินเข้าไปทักทายประชาชนที่อยู่หลังแผงเหล็ก ระหว่างการเดินทางเยือนหมู่บ้าน Tain-l’Hermitage ในจังหวัดโดรม  ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ แต่ชายที่มาครงเข้าไปจับมือด้วยกลับสะบัดมือตบหน้าเขาเต็มแรง กลายเป็นกระแส “ ฝ่ามือแห่งศตวรรษ” ไปทั่วโลก เจ้าหน้าที่และหน่วยอารักขาปรี่เข้าไปรุมชายคนนั้น ส่วนมาครงรีบเดินหนีไป พร้อมมีเสียงด่าว่า  “ A bas la Macronie ! ลัทธิมาครงจงพินาศ”

————

สื่อฝรั่งเศสได้ออกมาประณามเหตุการณ์นี้ พร้อมระบุว่า การแสดงออกทางการเมืองในนามประชาธิปไตย ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่รุนแรง

————

ทำไมสื่อฝรั่งเศสไม่อ้างเสรีภาพในการแสดงออกความคิดเห็น เหมือนที่พวกเขาอ้างตอนที่จาบจ้วงนบีมูฮัมมัดและศาสนาอิสลาม

#ประชาธิปไตยคือเสรีภาพมิใช่หรือ

ขอบคุณ TRT عربي

ดูเพิ่มเติม

https://www.thaipost.net/main/detail/105710

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

เออร์โดกันระบุ อิสราเอลเป็น “รัฐก่อการร้าย” หลังจากการปะทะกันในเยรูซาเล็มและอัลอักซอ และจะได้รับผลตอบแทน

อังการา (รอยเตอร์ , ทีอาร์ที) – เมื่อวันเสาร์วานนี้ ประธานาธิบดีเออร์โดกัน กล่าวว่าอิสราเอลเป็น “รัฐก่อการร้าย” หลังจากตำรวจอิสราเอลยิงกระสุนยางและระเบิดเสียงใส่เยาวชนชาวปาเลสไตน์ที่ปาหินใส่  ที่มัสยิดอักซอในกรุงเยรูซาเล็มเมื่อวันศุกร์

เออร์โดกันเสริมว่า อังการาได้ริเริ่มโครงการเพื่อระดมสถาบันระหว่างประเทศ

การปะทะกันเกิดขึ้นในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับสามในศาสนาอิสลาม และในบริเวณใกล้เคียงกับเยรูซาเล็มตะวันออก  ซึ่งส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์ 205 คนและตำรวจ 17 คนได้รับบาดเจ็บ  ท่ามกลางความโกรธที่เพิ่มมากขึ้น จากที่มีความเป็นไปได้ที่จะมีการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากบ้านที่สร้างบนที่ดินที่ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวอ้างว่าเป็นเจ้าของ  โดยศาลฎีกาของอิสราเอลจะนัดพิจารณาคดีในวันจันทร์นี้

เออร์โดกันยังกล่าวอีกว่า  เราจะรอผลการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ แล้วจะดำเนินการทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อให้ผู้อธรรมได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม

เออร์โดกันซึ่งปราศรัยในอิสตันบูล เรียกร้องให้ประเทศอิสลามทั้งหมดและประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการตามขั้นตอนที่ มีผลต่ออิสราเอล  โดยเสริมว่าผู้ที่นิ่งเฉยเป็นส่วนหนึ่งของความโหดร้ายที่เกิดขึ้นที่นั่น

“อิสราเอลโหดร้ายอิสราเอลซึ่งเป็นรัฐก่อการร้ายโจมตีชาวมุสลิมในเยรูซาเล็มอย่างไร้ความปรานีและไร้จริยธรรม” เขากล่าว

เออร์โดกันเสริมว่า  ตุรกีจะดำเนินการที่จำเป็นทันที เพื่อผลักดันให้สหประชาชาติ  องค์การความร่วมมืออิสลาม  และสถาบันที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเคลื่อนไหว

พรรคฝ่ายค้านของตุรกีส่วนใหญ่ประณามอิสราเอลซึ่งเป็นสัญญาณแห่งเอกภาพที่หาได้ยาก

ในขณะที่มุฟตีย์มัสยิดอักซอ ออกมาแถลง ประเทศอิสลามไม่ต้องออกมาประนาม เราต้องการปฏิกริยาที่เห็นได้จริง


โดย Ghazali Benmad

ตุรกีบุกตะลุยเปลี่ยนสมดุลโลก

รายงานหนังสือพิมพ์สเปนเผยแพร่รายงานเดือด  : ตุรกีบุกตะลุยเปลี่ยนสมดุลโลก

เมื่อวันอังคารที่ 20 เมษายนผ่านมา หนังสือพิมพ์ “El Priodico” ของสเปนตีพิมพ์รายงานว่า “ตุรกีได้เปลี่ยนสมดุลของความขัดแย้งในภูมิภาค”

รายงานซึ่งมีชื่อว่า“ โดรนตุรกีบุกโลก” ระบุว่าโดรนเหล่านี้สามารถทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียได้หลายสิบระบบ”

“โดรนตุรกีสามารถหยุดกองกำลังของรัฐบาลซีเรียในอิดลิบได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน และทำลายรถถังและปืนใหญ่จำนวนมาก  รวมทั้งระบบต่อต้านอากาศยานของรัสเซียอีกหลายสิบระบบ” รายงานกล่าวเสริม

หนังสือพิมพ์สเปนเห็นว่า “ตุรกีมีความลับเบื้องหลังความสำเร็จ” โดยสังเกตว่า “โดรนของตุรกีเป็นความลับและเป็นอาวุธที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นกุญแจสำคัญในการชนะสงคราม”

รายงานกล่าวต่อว่า “โดรนขั้นสูงของตุรกีได้เปลี่ยนกฎของการทำสงคราม”

นอกจากความสำเร็จในซีเรียแล้ว หนังสือพิมพ์ยังกล่าวถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากโดรนของตุรกีในลิเบียโดยกล่าวว่า “โดรนเหล่านี้บังคับให้ฮาฟตาร์ต้องลงนามในข้อตกลงการยิงและหยุดยั้งเขาก่อนที่จะเข้าสู่ตริโปลี”

หนังสือพิมพ์เน้นย้ำว่าโดรน Bayraktar ของตุรกี “เป็นเครื่องมือสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางทหารของตุรกีอย่างรวดเร็วและไม่แพง”

หนังสือพิมพ์ไม่ได้ละเลยบทบาทที่โดดเด่นของการโดรนของตุรกีในภูมิภาคคาราบัคของอาเซอร์ไบจาน ซึ่งกองกำลังยึดครองอาร์เมเนียต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างหนัก

หนังสือพิมพ์กล่าวเพิ่มเติมว่า “บทบาทของโดรนของตุรกีมีผลอย่างมากในคาราบัคห์และฝ่ายอาเซอร์ไบจันเชื่อมั่นในโดรนเหล่านั้น จนถึงจุดที่ทหารหลายคนเชื่อว่าหน้าที่ของพวกเขาในสงครามคือรอการโจมตีของโดรนเหล่านั้น”

ในทางกลับกันหนังสือพิมพ์เปิดเผยว่า “โดรนของตุรกีมีบทบาทในการลดภัยคุกคามของรัสเซียที่มีอยู่บริเวณชายแดนยูเครน”

หนังสือพิมพ์อ้างถึงการเยือนยูเครนของประธานาธิบดี Volodymyr Zelensky ของยูเครนและการพบปะกับประธานาธิบดีแอร์โดฆานของตุรกีในอิสตันบูลเมื่อวันเสาร์ที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา

หนังสือพิมพ์เห็นว่า “เป้าหมายของการเยือนครั้งนี้ไม่มีอะไรนอกจากซื้อโดรนตุรกีให้มากขึ้น” โดยเน้นว่า “โดรนของ Bayraktar สามารถทำให้กองทัพยูเครนมีเครื่องมือป้องกันทางยุทธวิธีที่สามารถทำให้การรุกของกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียหนุนหลังอ่อนแอลง”

เมื่อวันที่ 6 เมษายนรายงานเชิงวิเคราะห์ของ Bloomberg News เกี่ยวกับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของตุรกีและผลกระทบต่อการตอกย้ำความกังวลของประเทศตะวันตก  หลังจากที่โดรนตุรกีเปลี่ยนกฎของเกมในนโยบายต่างประเทศและพันธมิตรระหว่างประเทศโดยสิ้นเชิง

รายงานชี้ให้เห็นว่า“ โดรนของตุรกีได้รับผลลัพธ์ที่เด็ดขาดในสงครามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากพวกเขาสามารถหยุดความก้าวหน้าครั้งใหญ่ของกองกำลังในระบอบซีเรียที่สนับสนุนโดยรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว  นอกเหนือจากบทบาทในลิเบีย สงครามและการต่อสู้เพื่อสนับสนุนอาเซอร์ไบจานในการกอบกู้คาราบัค”

ในช่วงต้นเดือนเมษายน นิตยสาร “foreign policy ” ของอเมริกา ยกย่องโดรนของตุรกีและความเหนือกว่าทางอากาศที่โดรนประสบความสำเร็จในสงครามระหว่างกองทัพอาเซอร์ไบจันและกองกำลังยึดครองอาร์เมเนีย โดยเน้นว่าเครื่องบินเหล่านี้จะทำให้ประเทศที่พัฒนาแล้วต้องจัดระเบียบยุทธวิธีการทำสงครามของตนใหม่

เป็นที่น่าสังเกตว่า โดรนของตุรกีมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างสถานะทางทหารของตุรกี หลังจากประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงในการปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีขั้นสูงที่ตุรกีเปลี่ยนสถานะจากประเทศผู้นำเข้าเพื่อความต้องการทางทหารไปเป็นประเทศผู้ส่งออก


โดย Ghazali Benmad

ตุรกีให้ยาเลิกบุหรี่ฟรี

ประธานาธิบดีแอร์โดอานประกาศให้ชาวตุรกีที่ต้องการเลิกบุหรี่สามารถรับยาเลิกบุหรี่ฟรี ซึ่งแจกโดยกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆระหว่างการรักษา โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนโดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรประกันสุขภาพ

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่แห่งตุรกีรายงานว่า ในช่วงปีหลังๆนี้ ชาวตุรกีสามารถเลิกบุหรี่ได้จำนวน 10 ล้านคน โดยก่อนหน้านี้ทั่วตุรกีมีผู้ติดบุหรี่จำนวน 30 ล้านคน ปัจจุบันมีสิงห์อมควัน 20 ล้านคน


อ้างอิง TRT عربي

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ