โครงการปลุกให้ตื่น ระดมให้บริจาค (3) เพื่อภารกิจช่วยเหลือกาซ่า [3]

กิจกรรมที่ 3

ซื้อเสื้อต้อนรับวันอีด กลุ่มเป้าหมาย 300 คนๆละ730 บาท รวมเป็นเงิน 219,000 บาท สถานที่ดำเนินการ กาซ่า ปาเลสไตน์ ดำเนินการโดย AL-QUDS Foundation Malaysia ระยะเวลาดำเนินโครงการ 16-17 กรกฎาคม 2564


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

โครงการปลุกให้ตื่น ระดมให้บริจาค (3) เพื่อภารกิจช่วยเหลือกาซ่า [2]

กิจกรรมที่ 2

มอบถุงพืชผักสวนครัวจำนวน 1,050 ถุงๆละ 500 บาท คิดเป็นเงิน 525,000 บาท แจกให้กับ 1,050 ครอบครัว กลุ่มเป้าหมาย 5,000 -6,000 คน สถานที่ดำเนินการ กาซ่า ปาเลสไตน์ ดำเนินการโดย AL-QUDS Foundation Malaysia ระยะเวลาดำเนินโครงการ 13-14 กรกฎาคม 2564


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

โครงการปลุกให้ตื่น ระดมให้บริจาค (3) เพื่อภารกิจช่วยเหลือกาซ่า [ 1 ]

กิจกรรมที่ 1

มอบกล่องยังชีพจำนวน 400 กล่องๆ ละ 1,000 บาท คิดเป็นเงิน 400,000 บาท แจกให้กับ 400 ครอบครัว กลุ่มเป้าหมาย 2,500 คน สถานที่ดำเนินการ กาซ่า ปาเลสไตน์ ดำเนินการโดย AL-QUDS Foundation Malaysia ระยะเวลาดำเนินโครงการ 10-12 กรกฎาคม 2564


โดย ทีมต่างประเทศ

ความแตกต่าง

ภาพขณะนาย Mustafa Bulent Ecevit (เสียชีวิตปี 2006 ขณะอายุ 81 ปี) อดีตนายกรมต. ตุรกีไปเยี่ยมอดีตปธน. คลินตัน เขาได้รับการต้อนรับที่ห้องทำงานของนายคลินตันอย่างไร้เกียรติที่สุด

Ecivit คนนี้ คือคนเดียวกันที่ขับไล่นางมัรวะฮ์ สส. หญิงคนแรกที่ใส่ฮิญาบให้ออกจากรัฐสภา และหลังจากนั้นอีก 11 วัน นางถูกขับไล่ออกจากตุรกีพร้อมถอนสัญชาติ ไปเป็นพลเมืองของสหรัฐฯ

(ดูบรรยากาศในสภาตุรกีครั้นนางมัรวะฮ์ถูกขับไล่ออกจากสภา เมื่อปี 1999 เนื่องจากนางใส่ฮิญาบ )

อัลลอฮ์จึงตอบแทนเขาด้วยความต่ำต้อยและไร้ศักดิ์ศรี

ภาพขณะที่ปธน. แอร์โดอานนั่งประชุมสมาชิกนาโต้ล่าสุดที่เบลเยี่ยม อยู่ๆปธน.ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ได้เข้ามาทักทายอย่างเป็นมิตรและให้เกียรติ

ปธน. แอร์โดอาน ได้คืนสัญชาติตุรกีให้กับนางมัรวะฮ์และแต่งตั้งท่านเป็นทูตตุรกีประจำกัวลาลัมเปอร์เมื่อหลายปีก่อน

แอร์โดอานให้เกียรติฮิญาบอันเป็นสัญลักษณ์แห่งอิสลาม อัลลอฮ์จึงให้เกียรติท่านบนโลกนี้ก่อนที่จะได้รับเกียรติที่แท้จริงในอาคิเราะฮ์

แต่สำหรับผู้ที่ดูถูกศาสนาของพระองค์  ก็ลองพิจารณาภาพซ้ายมือให้ดีๆอีกครั้ง

#รึว่ามีคนเคลมว่าห้ามพูดสิ่งร้ายๆกับคนที่ตายแล้ว


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

ฝ่ามือแห่งศตวรรษ (Slapped of Century)

ก่อนหน้านี้ เขาหยามอิสลามว่า เป็นศาสนาที่ประสบกับวิกฤต เขาใช้วาจาจาบจ้วงนบีฯโดยอ้างเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

นึกไม่ถึงว่า ผู้ที่ประสบกับวิกฤต และคนที่กลายเป็นตัวตลกที่แท้จริง กลับเป็นตัวเขาเอง

————-

รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอังคารกล่าวว่า วิดีโอภาพเหตุการณ์ที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียและสถานีข่าว BFM เผยให้เห็นว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะผู้นำฝรั่งเศสวัย 43 ปี เดินเข้าไปทักทายประชาชนที่อยู่หลังแผงเหล็ก ระหว่างการเดินทางเยือนหมู่บ้าน Tain-l’Hermitage ในจังหวัดโดรม  ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ แต่ชายที่มาครงเข้าไปจับมือด้วยกลับสะบัดมือตบหน้าเขาเต็มแรง กลายเป็นกระแส “ ฝ่ามือแห่งศตวรรษ” ไปทั่วโลก เจ้าหน้าที่และหน่วยอารักขาปรี่เข้าไปรุมชายคนนั้น ส่วนมาครงรีบเดินหนีไป พร้อมมีเสียงด่าว่า  “ A bas la Macronie ! ลัทธิมาครงจงพินาศ”

————

สื่อฝรั่งเศสได้ออกมาประณามเหตุการณ์นี้ พร้อมระบุว่า การแสดงออกทางการเมืองในนามประชาธิปไตย ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่รุนแรง

————

ทำไมสื่อฝรั่งเศสไม่อ้างเสรีภาพในการแสดงออกความคิดเห็น เหมือนที่พวกเขาอ้างตอนที่จาบจ้วงนบีมูฮัมมัดและศาสนาอิสลาม

#ประชาธิปไตยคือเสรีภาพมิใช่หรือ

ขอบคุณ TRT عربي

ดูเพิ่มเติม

https://www.thaipost.net/main/detail/105710

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

เออร์โดกันระบุ อิสราเอลเป็น “รัฐก่อการร้าย” หลังจากการปะทะกันในเยรูซาเล็มและอัลอักซอ และจะได้รับผลตอบแทน

อังการา (รอยเตอร์ , ทีอาร์ที) – เมื่อวันเสาร์วานนี้ ประธานาธิบดีเออร์โดกัน กล่าวว่าอิสราเอลเป็น “รัฐก่อการร้าย” หลังจากตำรวจอิสราเอลยิงกระสุนยางและระเบิดเสียงใส่เยาวชนชาวปาเลสไตน์ที่ปาหินใส่  ที่มัสยิดอักซอในกรุงเยรูซาเล็มเมื่อวันศุกร์

เออร์โดกันเสริมว่า อังการาได้ริเริ่มโครงการเพื่อระดมสถาบันระหว่างประเทศ

การปะทะกันเกิดขึ้นในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับสามในศาสนาอิสลาม และในบริเวณใกล้เคียงกับเยรูซาเล็มตะวันออก  ซึ่งส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์ 205 คนและตำรวจ 17 คนได้รับบาดเจ็บ  ท่ามกลางความโกรธที่เพิ่มมากขึ้น จากที่มีความเป็นไปได้ที่จะมีการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากบ้านที่สร้างบนที่ดินที่ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวอ้างว่าเป็นเจ้าของ  โดยศาลฎีกาของอิสราเอลจะนัดพิจารณาคดีในวันจันทร์นี้

เออร์โดกันยังกล่าวอีกว่า  เราจะรอผลการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ แล้วจะดำเนินการทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อให้ผู้อธรรมได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม

เออร์โดกันซึ่งปราศรัยในอิสตันบูล เรียกร้องให้ประเทศอิสลามทั้งหมดและประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการตามขั้นตอนที่ มีผลต่ออิสราเอล  โดยเสริมว่าผู้ที่นิ่งเฉยเป็นส่วนหนึ่งของความโหดร้ายที่เกิดขึ้นที่นั่น

“อิสราเอลโหดร้ายอิสราเอลซึ่งเป็นรัฐก่อการร้ายโจมตีชาวมุสลิมในเยรูซาเล็มอย่างไร้ความปรานีและไร้จริยธรรม” เขากล่าว

เออร์โดกันเสริมว่า  ตุรกีจะดำเนินการที่จำเป็นทันที เพื่อผลักดันให้สหประชาชาติ  องค์การความร่วมมืออิสลาม  และสถาบันที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเคลื่อนไหว

พรรคฝ่ายค้านของตุรกีส่วนใหญ่ประณามอิสราเอลซึ่งเป็นสัญญาณแห่งเอกภาพที่หาได้ยาก

ในขณะที่มุฟตีย์มัสยิดอักซอ ออกมาแถลง ประเทศอิสลามไม่ต้องออกมาประนาม เราต้องการปฏิกริยาที่เห็นได้จริง


โดย Ghazali Benmad

ตุรกีบุกตะลุยเปลี่ยนสมดุลโลก

รายงานหนังสือพิมพ์สเปนเผยแพร่รายงานเดือด  : ตุรกีบุกตะลุยเปลี่ยนสมดุลโลก

เมื่อวันอังคารที่ 20 เมษายนผ่านมา หนังสือพิมพ์ “El Priodico” ของสเปนตีพิมพ์รายงานว่า “ตุรกีได้เปลี่ยนสมดุลของความขัดแย้งในภูมิภาค”

รายงานซึ่งมีชื่อว่า“ โดรนตุรกีบุกโลก” ระบุว่าโดรนเหล่านี้สามารถทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียได้หลายสิบระบบ”

“โดรนตุรกีสามารถหยุดกองกำลังของรัฐบาลซีเรียในอิดลิบได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน และทำลายรถถังและปืนใหญ่จำนวนมาก  รวมทั้งระบบต่อต้านอากาศยานของรัสเซียอีกหลายสิบระบบ” รายงานกล่าวเสริม

หนังสือพิมพ์สเปนเห็นว่า “ตุรกีมีความลับเบื้องหลังความสำเร็จ” โดยสังเกตว่า “โดรนของตุรกีเป็นความลับและเป็นอาวุธที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นกุญแจสำคัญในการชนะสงคราม”

รายงานกล่าวต่อว่า “โดรนขั้นสูงของตุรกีได้เปลี่ยนกฎของการทำสงคราม”

นอกจากความสำเร็จในซีเรียแล้ว หนังสือพิมพ์ยังกล่าวถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากโดรนของตุรกีในลิเบียโดยกล่าวว่า “โดรนเหล่านี้บังคับให้ฮาฟตาร์ต้องลงนามในข้อตกลงการยิงและหยุดยั้งเขาก่อนที่จะเข้าสู่ตริโปลี”

หนังสือพิมพ์เน้นย้ำว่าโดรน Bayraktar ของตุรกี “เป็นเครื่องมือสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางทหารของตุรกีอย่างรวดเร็วและไม่แพง”

หนังสือพิมพ์ไม่ได้ละเลยบทบาทที่โดดเด่นของการโดรนของตุรกีในภูมิภาคคาราบัคของอาเซอร์ไบจาน ซึ่งกองกำลังยึดครองอาร์เมเนียต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างหนัก

หนังสือพิมพ์กล่าวเพิ่มเติมว่า “บทบาทของโดรนของตุรกีมีผลอย่างมากในคาราบัคห์และฝ่ายอาเซอร์ไบจันเชื่อมั่นในโดรนเหล่านั้น จนถึงจุดที่ทหารหลายคนเชื่อว่าหน้าที่ของพวกเขาในสงครามคือรอการโจมตีของโดรนเหล่านั้น”

ในทางกลับกันหนังสือพิมพ์เปิดเผยว่า “โดรนของตุรกีมีบทบาทในการลดภัยคุกคามของรัสเซียที่มีอยู่บริเวณชายแดนยูเครน”

หนังสือพิมพ์อ้างถึงการเยือนยูเครนของประธานาธิบดี Volodymyr Zelensky ของยูเครนและการพบปะกับประธานาธิบดีแอร์โดฆานของตุรกีในอิสตันบูลเมื่อวันเสาร์ที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา

หนังสือพิมพ์เห็นว่า “เป้าหมายของการเยือนครั้งนี้ไม่มีอะไรนอกจากซื้อโดรนตุรกีให้มากขึ้น” โดยเน้นว่า “โดรนของ Bayraktar สามารถทำให้กองทัพยูเครนมีเครื่องมือป้องกันทางยุทธวิธีที่สามารถทำให้การรุกของกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียหนุนหลังอ่อนแอลง”

เมื่อวันที่ 6 เมษายนรายงานเชิงวิเคราะห์ของ Bloomberg News เกี่ยวกับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของตุรกีและผลกระทบต่อการตอกย้ำความกังวลของประเทศตะวันตก  หลังจากที่โดรนตุรกีเปลี่ยนกฎของเกมในนโยบายต่างประเทศและพันธมิตรระหว่างประเทศโดยสิ้นเชิง

รายงานชี้ให้เห็นว่า“ โดรนของตุรกีได้รับผลลัพธ์ที่เด็ดขาดในสงครามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากพวกเขาสามารถหยุดความก้าวหน้าครั้งใหญ่ของกองกำลังในระบอบซีเรียที่สนับสนุนโดยรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว  นอกเหนือจากบทบาทในลิเบีย สงครามและการต่อสู้เพื่อสนับสนุนอาเซอร์ไบจานในการกอบกู้คาราบัค”

ในช่วงต้นเดือนเมษายน นิตยสาร “foreign policy ” ของอเมริกา ยกย่องโดรนของตุรกีและความเหนือกว่าทางอากาศที่โดรนประสบความสำเร็จในสงครามระหว่างกองทัพอาเซอร์ไบจันและกองกำลังยึดครองอาร์เมเนีย โดยเน้นว่าเครื่องบินเหล่านี้จะทำให้ประเทศที่พัฒนาแล้วต้องจัดระเบียบยุทธวิธีการทำสงครามของตนใหม่

เป็นที่น่าสังเกตว่า โดรนของตุรกีมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างสถานะทางทหารของตุรกี หลังจากประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงในการปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีขั้นสูงที่ตุรกีเปลี่ยนสถานะจากประเทศผู้นำเข้าเพื่อความต้องการทางทหารไปเป็นประเทศผู้ส่งออก


โดย Ghazali Benmad

ตุรกีให้ยาเลิกบุหรี่ฟรี

ประธานาธิบดีแอร์โดอานประกาศให้ชาวตุรกีที่ต้องการเลิกบุหรี่สามารถรับยาเลิกบุหรี่ฟรี ซึ่งแจกโดยกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆระหว่างการรักษา โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนโดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรประกันสุขภาพ

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่แห่งตุรกีรายงานว่า ในช่วงปีหลังๆนี้ ชาวตุรกีสามารถเลิกบุหรี่ได้จำนวน 10 ล้านคน โดยก่อนหน้านี้ทั่วตุรกีมีผู้ติดบุหรี่จำนวน 30 ล้านคน ปัจจุบันมีสิงห์อมควัน 20 ล้านคน


อ้างอิง TRT عربي

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

บริษัทผลิตยาฝรั่งเศสโดนปรับ เกือบ 100 ล้านบาท

วันที่ 29 มี.ค. บีบีซี รายงานว่า เซอร์เวียร์ บริษัทเภสัชกรรมสัญชาติฝรั่งเศส ถูกพบมีความผิดในข้อหาฉ้อโกงร้ายแรง และฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา จากการผลิตยา มีเดียเตอร์ ยาลดน้ำหนักที่พัฒนาเพื่อใช้รักษาโรคเบาหวานน้ำหนักเกิน (overweight diabetics) และวางจำหน่ายในท้องตลาดนาน 33 ปี (2519-2552)

ผู้ป่วยราว 5 ล้านคน ได้รับการสั่งยาขนานนี้ แม้จะมีคำเตือนมากมายเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเป็นสาเหตุของปัญหาโรคหัวใจร้ายแรงได้ ก่อนถูกถอดออกจากท้องตลาดในปี 2552

การพิจารณาคดีเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2562 โดยโจทก์หลายพันคนยื่นฟ้องดำเนินคดีกับบริษัทเซอร์เวียร์ ซึ่งปฏิเสธไม่รู้ข้อมูลใดๆ ของผลข้างเคียงของยามีเดียเตอร์

อย่างไรก็ตาม วันนี้ศาลฝรั่งเศสพิพากษาปรับบริษัทเซอร์เวียร์เป็นเงิน 2.7 ล้านยูโร หรือราว 99 ล้านบาท และ นายฌอง-ฟิลิปป์ เซตา อดีตประธานบริษัทเซอร์เวียร์ ยังได้รับโทษจำคุก 4 ปี แต่รอลงอาญา

นอกจากนี้ องค์การกำกับดูแลยาของฝรั่งเศสถูกปรับเป็นเงินมากกว่า 300,000 ยูโร หรือราว 11 ล้านบาทด้วย ผู้พิพากษาพบว่า หน่วยงานนี้ล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่อย่างร้ายแรง

ทั้งนี้ หลายประเทศในยุโรป รวมถึงอิตาลีและสเปน ห้ามวางจำหน่ายยาลดน้ำหนักมีเดียเตอร์ ในช่วงต้นทศวรรษที่ 2000 อย่างไรก็ตาม ในฝรั่งเศส ยาตัวนี้ยังใช้รักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน และใช้เป็นยาระงับความอยากอาหารแก่ผู้ป่วยคนอื่นๆ

แต่การศึกษาชิ้นหนึ่งสรุปว่า ยามีเดียเตอร์อาจเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของผู้ป่วยมากถึง 500 ราย ระหว่างปี 2519-2552 ส่วนการศึกษาอีกชิ้นระบุว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตมากกว่าถึง 2,000 ราย


อ้างอิง

https://today.line.me/th/v2/article/lxpNMe?fbclid=IwAR1Hx9k4E4HlLPYxIgrgHCMyLEcND5qBKvxhUog21kyAThOggiuZmcuIH5k

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

เลือดเติร์กเข้มข้นกว่าสนธิสัญญาแซกส์-ปิโกต์/โลซานน์

ตุรกี-อาเซอร์ไบจาน ยกเลิกหนังสือเดินทางระหว่างกันและกัน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 29/3/2564 กระทรวงการต่างประเทศตุรกียืนยันว่าการเดินทางระหว่างตุรกีและอาเซอร์ไบจานโดยใช้บัตรประจำตัวจะมีผลภายในไม่กี่วัน

กระทรวงระบุในแถลงการณ์ว่า “กระบวนการลงนามในพิธีสารระหว่างสองประเทศในเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว”

แถลงการณ์ของกระทรวงกล่าวเสริมว่า “พิธีสารนี้จะอนุญาตให้ชาวตุรกีและชาวอาเซอร์เดินทางระหว่างสองประเทศโดยใช้บัตรประจำตัวโดยไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน”

กระทรวงระบุว่า “การมีผลบังคับใช้ของพิธีสารจะเสริมสร้างความสัมพันธ์อันมั่นคงของภราดรภาพระหว่างสองประเทศ”

เป็นที่น่าสังเกตว่าตุรกีและอาเซอร์ไบจานได้ลงนามในพิธีสารดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2020 ในบากู  เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจัน

สังเกตว่า ตุรกีมีข้อตกลงที่คล้ายคลึงกันสำหรับเสรีภาพในการเดินทางด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับสาธารณรัฐไซปรัสเหนือ  ยูเครน  มอลโดวา และจอร์เจีย

ในช่วงกลางเดือนมีนาคม  คณะอำนวยการด้านความมั่นคงของกระทรวงกล่าวในแถลงการณ์ว่า “พลเมืองของตุรกีและอาเซอร์ไบจานจะสามารถเยี่ยมเยียนกันและกันได้โดยไม่ต้องใช้หนังสือเดินทาง ในวันที่ 1 เมษายนนี้”

แถลงการณ์ชี้ให้เห็นว่า “ขั้นตอนนี้มาพร้อมกับการเพิ่มระยะเวลาพำนักในทั้งสองประเทศด้วยบัตรประจำตัวประชาชน (ในการเดินทางแต่ละครั้ง) จาก 30 เป็น 90 วัน”

และในตอนท้ายของปี 2020 เมาลูด จาวิชอูฆโลรัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีประกาศว่า ไม่จำเป็นต้องใช้หนังสือเดินทางและวีซ่าระหว่างตุรกีและอาเซอร์ไบจานอีกต่อไป  โดยระบุว่าการเดินทางจะต้องใช้บัตรส่วนตัวเท่านั้น

การลงนามในพิธีสารร่วมระหว่างทั้งสองประเทศเกิดขึ้นในระหว่างการเยือนตุรกีของประธานาธิบดี ตุรกีที่เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจัน ซึ่งมีรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่หลายคน  รวมถึงรัฐมนตรีเมาลูด  จาวิช อูฆโล เพื่อเข้าร่วมในการเฉลิมฉลองชัยชนะเพื่อการปลดปล่อยภูมิภาคคาราบัค จากกองกำลังที่ยึดครองอาร์เมเนีย

เมาลูด  จาวิช อูฆโล แสดงความยินดีกับพลเมืองของตุรกีและอาเซอร์ไบจานในโอกาสนี้ โดยกล่าวว่า “สิ่งนี้สอดคล้องกับแนวคิด”หนึ่งคนสองประเทศ”

ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาฟูอาด ออกเตย์  รองประธานาธิบดีตุรกี  ได้ประกาศการลงนามในแผนปฏิบัติการร่วมกับอาเซอร์ไบจานที่มีข้อตกลง 138 ข้อ  เพื่อเร่งความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

ตุรกีและอาเซอร์ไบจานมีความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ที่แน่นแฟ้นและมั่นคงในหลายระดับ ทั้งการเมือง  การทหาร การค้าและเศรษฐกิจ


โดย Ghazali Benmad