นักสู้ผู้ทรหดได้เวลาพักผ่อน ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี

ประวัติชีวิตชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี ตอน…นักสู้ผู้ทรหดได้เวลาพักผ่อน

“วันหนึ่ง ขณะที่กำลังทำงานอยู่ที่มัสยิดอะตาบะฮ์ในกรุงไคโร และที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มอิควานที่หิลมียะฮ์ ข้าพเจ้าได้รับโทรเลขฉบับหนึ่งขอให้กลับบ้านด่วน
ข้าพเจ้าทราบดีว่าบิดาป่วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะป่วยหนัก

เมื่อข้าพเจ้าถึงไปยังหมู่บ้าน ด้วยความรู้สึกสงสัย จึงสังเกตดูใบหน้าของทุกคนเพื่อหาคำตอบ

ข้าพเจ้าเห็นร้านของเราแต่ไกล
เห็นน้องชายยืนอยู่ที่หน้าประตู ก็รู้ดีว่าบิดาไม่สบาย จึงรีบตรงดิ่งไปที่บ้านในทันที

ที่บ้าน ข้าพเจ้าเห็นคุณแม่กำลังร้องไห้ ในขณะที่บิดานอนอยู่บนเตียงใกล้ๆ กับนาง

ข้าพเจ้าจับมือบิดาแล้วบรรจงจูบด้วยความรัก

พอเห็นหน้าข้าพเจ้า บิดาก็แสดงออกถึงความดีอกดีใจ

ข้าพเจ้าเห็นขวดยาวางอยู่ข้างๆ ก็รู้ว่า หมอมาแล้วและเขียนใบสั่งยาให้ แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้อาการของบิดาดีขึ้นก็ตาม

ข้าพเจ้าไปตามหมอมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะอาการของบิดาทรุดลงอีก เมื่อหมอมาถึงก็ไม่ได้พยายามปิดบังอะไรอีก ข้าพเจ้าจึงทราบว่าบิดาเป็นโรคทางเดินปัสสาวะหลายโรค จนถึงขั้นไม่อาจจะรักษาเยียวยาได้อีก รวมทั้งเป็นโรคนิ่วจนไม่อาจปัสสาวะได้ อีกทั้งร่างกายก็ไม่พร้อมที่จะผ่าตัดได้

เราได้ผลัดเปลี่ยนกันดูแลบิดา
ในขณะที่คุณแม่ได้แต่พยายามรบเร้าให้เราไปหาหมอ เพื่อรักษาอาการบิดาที่ทรุดลงอย่างต่อเนื่อง แต่คุณหมอปฏิเสธไม่ยอมมา เพราะเขาหมดหวังที่จะรักษา

หลังจากเที่ยงวัน ข้าพเจ้านอนหลับยาว เนื่องจากเมื่อคืนไม่ได้นอนหลับ และเฝ้าบิดาทั้งคืน

ข้าพเจ้าไปนั่งข้างๆบิดา และละหมาดอยู่ใกล้ๆ

หลังจากละหมาดอีชา
ข้าพเจ้าได้เฝ้าสังเกต
คืนนี้เป็นคืนที่เงียบสงบ
ทุกคนในบ้านล้วนนอนหลับสนิทเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย

คงเหลือเพียงข้าพเจ้าคนเดียวที่ยังตื่นอยู่

บิดากล่าวเบาๆ กับข้าพเจ้าว่า “พ่อกำลังจะตายแล้วนะ”

ข้าพเจ้าพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นิ่งเงียบ

ตะเกียงน้ำมันถูกวางไว้ที่ข้างผนังบ้าน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเปลวตะเกียงกำลังสั่นไหว
ข้าพเจ้าพูดกับตัวเอง “ยมทูตได้เข้ามาแล้วกระพือปีก จนกระทั่งเปลวตะเกียงสั่นไหว”

ข้าพเจ้าเงี่ยหูฟัง ได้ยินบิดากำลังขอดุอาให้แก่ข้าพเจ้า ก่อนที่็จะเงียบหายไป อย่างถาวร

ในตอนเช้า ผู้ชายหลายคนได้หามศพของบิดา ข้าพเจ้าเห็นคุณแม่จับเกาะอยู่กับเท้าของบิดาผู้จากไป นางจูบแล้วฝังใบหน้าลงในฝ่าเท้าของท่าน เหมือนกับคนใกล้สิ้นสติ

กว่าจะเอาศพบิดาให้พ้นไปจากการเกาะเกี่ยวของนาง ช่างแสนยากลำบาก

ข้าพเจ้าก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ อย่างที่สุด แต่ข้าพเจ้าทำไม่ได้ ข้าพเจ้าจะต้องอดทน

วันนี้ ข้าพเจ้ากลายเป็นผู้อาวุโสที่สุดในครอบครัว หากข้าพเจ้าล้มครืน พวกเขาย่อมล้มตาม

ข้าพเจ้าจะต้องทำตัวให้เหมือนกับพ่อ ที่ต้องฝืนแสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ไม่มีสิ่งใดนอกจากความหวังในความมตตาของอัลเลาะห์เท่านั้น

สายใยผูกพันของสมาชิกในครอบครัวช่างยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้ากล่าวกับคุณแม่และพี่น้องทุกคน ในขณะที่กำลังจะเดินทางไปยังกรุงไคโรเพื่อเริ่มต้นทำงานอีกครั้งหนึ่งว่า บิดายังไม่ตาย พี่จะดูแลทุกคนด้วยกรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ จนกว่าน้องชายทุกคนจะสำเร็จการศึกษา และน้องสาวทุกคนได้แต่งงานออกเรือนไป

อัลเลาะห์ได้เมตตาแก่ข้าพเจ้า ทำให้ทุกคำพูดของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผลทุกคำ ตัวอักษร”

ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี
ในหนังสือ ประวัติชีวิต
«قصة حياة/مذكرات الشيخ محمد الغزالي»

«قصة حياة/مذكرات الشيخ محمد الغزالي»

เขียนโดย Ghazali Benmad

ความตายทำให้ทุกอย่างดับสูญจริงหรือ

โลกนี้มีเวลาสิ้นสุด

ไม่ว่าคุณจะร่ำรวยหรือยากจน

ความตายจะตัดขาดความร่ำรวยของมหาเศรษฐีและความยากจนของยาจก

ไม่ว่าคุณจะมีอำนาจล้นฟ้า

ไม่ว่าคุณจะมีความสุขมากมายเพียงใด

ความตายจะทำให้ความเกรียงไกรของคนๆหนึ่งกลายเป็นตำนานเล่าขาน

ความตายทำให้ความรันทดหดหู่ของผู้อ่อนแอสิ้นสุดลง

ความตายทำให้ความหล่อเหลาของชายหนุ่ม ต้องหายวับ

ความตายทำให้ความสวยงามของสตรีต้องจบสิ้น

ไม่ว่าคุณจะเสวยสุขหรือระทมทุกข์

ความตายจะทำให้ทุกอย่างดับสูญ

แต่มันจะจบจริงหรือ

ตายแล้วจบจริงหรือไม่

หากเป็นเช่นนี้จริง

จะเหมาะสมกับความเมตตาที่ไม่สิ้นสุดของอัลลอฮ์ได้อย่างไร

เป็นไปได้หรือ ที่ความเมตตาของพระองค์จะสิ้นสุดกับความตายของคนๆหนึ่ง

เพราะความกรุณาปรานีที่สิ้นสุดด้วยความตาย จึงไม่ใช่ความกรุณาปรานีที่เหมาะสมกับความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ด้วยประการทั้งปวง

ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงประทานสิ่งต่างๆบนโลกนี้ให้แก่คนที่พระองค์รักและไม่รัก

พระองค์ประทานความร่ำรวยแก่กอรูน ทั้งๆที่พระองค์ไม่รักเขา

พระองค์ประทานความร่ำรวยแก่ท่านอับดุลเราะห์มานบินเอาฟ ในขณะที่พระองค์รักเขา

พระองค์มอบอำนาจ อันล้นฟ้าแก่ฟาโรห์ ทั้งๆที่พระองค์ไม่รักเขา

และพระองค์มอบอำนาจอันยิ่งใหญ่แก่นบีสุไลมาน ในขณะที่พระองค์รักเขา

โลกนี้จึงไม่ใช่ตัวชี้วัดของความรักของพระองค์อย่างแท้จริง

หากโลกนี้มีค่า ณ อัลลอฮ์เท่าปีกแมลงวัน บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะไม่มีทางดื่มน้ำได้แม้แต่อึกเดียว

จงตอบฉันว่า ขณะนี้คุณมีความสุขกับอะไร

ฉันจะรู้ทันทีว่า คุณคือใคร

คุณคุยเรื่องอะไรในไลน์ คุยแชทกับใคร เรื่องอะไรบ้าง นั่นแหละคือตัวตนของคุณ

หากมีคนเสนอให้คุณเลือกระหว่างมอเตอร์ไซค์ราคา 5 หมื่นบาท ที่มีคนมอบให้คุณถือกรรมสิทธิ์อย่างถาวร

กับอีกคนที่มอบรถเบนซ์ราคา 5 ล้านบาทให้คุณขับขี่ชั่วคราวเพียง 1 ชั่วโมง แล้วต้องคืนให้เจ้าของกลับ

คุณจะเลือกอะไร

คนฉลาดย่อมเลือกมอเตอร์ไซค์ ถึงแม้มีราคาที่น้อยกว่า และสักวันก็จะเป็นมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่ไร้ค่าก็ตาม

แต่สิ่งที่อัลลอฮ์เตรียมไว้ให้คุณนั้น ย่อมดีกว่าและถาวรนิรันดร์

แล้วคุณไปยื้อแย่งสิ่งไร้ค่า ด้วยเหตุผลอันใดเล่า

มนุษย์มักจะแย่งชิงกอบโกยสิ่งไร้ค่า ณ อัลลอฮ์ ยิ่งกว่าปีกแมลงวัน

แต่กลับหันหลังความดีงามอันจีรังมหาศาลจากอัลลอฮ์ที่เตรียมไว้ในสวนสวรรค์ของพระองค์ โอ้อัลลอฮ์

ขอได้โปรดให้เราทั้งหลายมั่นคงในทางนำของพระองค์

และสิ้นชีวิตด้วยการสิ้นสุดที่ดีด้วยเถิด

เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ
อ้างอิง แปลสรุปจากคำบรรยายของเชคมูฮัมมัด รอติบ อันนาบุลซีย์ ดาอีย์อาวุโสชาวซีเรีย

Keluhan dan Harapan

Hitam – putih
Gelap – terang
Bengkok – lurus
Miskin – kaya
Lemah – gagah
Adalah realiti hidup serba kontradiksi.
Demikianlah lumrah hidup.

Tapi…
Jika hitam bertambah kelam.
Jika gelap diselubungi gelita.
Jika bengkok berkekal kekok.
Jika miskin dilanda kedana.
Jika sedih diamuk resah.
Jika derita ditimbun sengsara.
Jika luka bertambah duka.
Ianya petanda kebekuan sebuah generasi
Yang pernah berpotensi.

Bumiku tercinta.
Sampai bila kau menghiasi jasadmu dengan darah dan malapetaka.
Sampai bila aku dibuai mimpi ngeri dan nostalgia luka.
Sampai bila peristiwa misteri merajalela.
Air mata duka mengalir dalam sungai riwayat.
Yang sering terusik oleh kerakusan zaman.
Musuh merusuh dalam rumah sendiri.
Saudara kandung menjadi saudara tiri.

Sampai aku terfikir.
Apakah hidup ini hanya untuk menikmati sebuah peperangan.
Yang tidak berdalang.
Apakah hidup ini hanya untuk menyapu air mata duka.
Hanya untuk mendengar dodoian peluru tembakan.
Dan hanya menyaksi mayat-mayat yang bergelimpangan.

Dalam gelora hidup yang dilanda ribut taufan.
Ku lihat sebarisan remaja sedang berfoya-foya.
Tenggelam dalam lautan maksiat.
Dan gejala dadah durjana.
Kaum bapa asyik berjenaka di warong kopi.
Bersama sang ciak jambul dibawa sana sini.
Semua gelanggang pertandingan telah sertai.
Namun masih setia menadah tangan kepada isteri.
Mencari semangat tuah dan keramat tok wali.
Berbuahlah pisang tiga kali

Dalam gelora hidup yang dilanda ribut taufan.
Ku lihat manusia alpa pada Maha Pencipta.
Barisan pemimpin asyik berpesta.
Para ilmuan membisu seribu bahasa.
Memenuhi hidup yang tersisa.
Melihat anak didik yang jauh tersimpang jalan.

Umatku harus tenang.
Mengekang pesta laknat ini.
Merculah al-quran dan Sunnah nabi.
Terbanglah,
Walau ke pohon yang terbelit onak dan duri.
Kendati ke rumput yang tersembunyi ular dan semut api.
Terbanglah.
Kerana maruah dan harga diri.
Kerana ilmu dan jati diri.
Kerana taqwa dan iman murni.
Akan menghantarmu ke destinasi unggul dan ternama.
Tunduklah kepala .
Angkatlah kedua telapak kita.
Dan panjatkan doa bersama.
—————
Nukilan : Ibnu Desa
Nad Kubur, Patani
18 Jamadussani 1430
1 Mei 2010

#pray_for_Patani

อะมัลทางจิตใจ

อะมัลทางจิตใจมีความสำคัญมาก เพราะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้อะมัลทางกายมีความถูกต้องและได้รับการยอมรับ อะมัลทางจิตใจมีมากมายหลายชนิด เช่น อีมาน อิคลาศ ตักวา ตะวักกัล ความหวัง(الرجاء) ความกลัว (الخوف) ความรู้สึกคล้อยตาม (الانقياد) ความรู้สึกเกรงขาม (الرهبة) โกรธ (البغض) รัก (المحبة) ฯลฯ

หากอะมัลทางใจมีความถูกต้องเพียงใด อะมัลทางกายก็ยิ่งมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น แต่หากอะมัลทางจิตใจบกพร่องหรือเสียศูนย์ อะมัลทางกายก็จะบกพร่องและเสียศูนย์ตามไปด้วย ถึงแม้จะมีจำนวนมากมายเพียงใดก็ตาม “และเรามุ่งสู่ส่วนหนึ่งของการงานที่พวกเขาได้ปฏิบัติไป แล้วเราจะทำให้มันไร้คุณค่ากลายเป็นละอองฝุ่นที่ปลิวว่อน”(อัลฟุรกอน:23)


อะมัลทางจิตใจมีเงื่อนไข 2 ประการ คือ ความรัก (المحبة)และความสัจจริง (الصدق) ความรักทำให้เราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย หรือเกียจคร้าน ความสัจจริงทำให้เรามีความจริงใจ ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ คนที่เกียจคร้านกระทำสิ่งใดแสดงว่าเขายังไม่รักสิ่งนั้นจริง และคนที่หวังการตอบแทนแสดงว่ายังไม่มีความจริงใจพอ ดังกรณีคนนอนหลับหลังจากตรากตรำกับงานหนัก ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนเพลียเพียงใด แต่เมื่อมีคนที่เขารักมาปลุกถึงบ้าน เขาจะต้องรีบลุกมาต้อนรับอย่างแน่นอน ยามนั้น ความเกียจคร้านจะหายไปเหมือนปลิดทิ้ง ความสุขและความจริงใจจะเข้ามาแทนที่


เช่นเดียวกันกับความรักในอัลลอฮฺและเราะซูลของบรรดาเศาะฮาบะฮฺ ซึ่งพวกเขามีความรักและสัจจริงต่ออัลลอฮฺและเราะซูล ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถสร้างสิ่งอัศจรรย์มากมายที่แสดงถึงความรักที่แท้จริงและความสัจจริงที่เที่ยงแท้

(สรุปจาก http://www.alhawali.com/index.cfm?method=home.SubContent&ContentId=5034)

Syria berdarah

Syria berdarah pernahkah kau rasa
deritanya perihatinkah kau berita ngerinya
dengarkah kau jerit tangisnya
selamikah kau lautan darahnya

Kini Syria menangis
tapi tak seorang pun mendengar tangisannya
kini Syria merayu syahdu
namun tak seorang pun menghulur bantuan

Cuba lihat ….
Anak – anak kecil dibunuh
sekiranya dia adalah anakmu
seorang gadis diperkosa
seandainya dia saudarimu
seorang wanita disiksa
bayangkan dia ibumu
seorang lelaki tua dipukul merana
apa kata kalau dia ayahmu
seorang remaja dibelasah sesuka rasa
renungkan kalau dia saudaramu

sudah semestinya kita bersedih sebagaimana kesedihan mereka

Syria berdarah
mereka bagaikan Ashabul ukhdud di zaman silam
dosa-dosa mereka adalah beriman kepada Allah
Tuhan semesta
dan tidak rela menyembah rejim durjana

Mereka berdepan dengan sekumpulan manusia
yang lebih kejam dari Yahudi dan Nasrani
membunuh jiwa yang tak berdosa
memusnah rumah-rumah Allah
membakar dan menghina alquran
menabur kefasidan di atas muka bumi
berlemah lembut terhadap kuffar
bersikap keras terhadap para mu’min
dialah Syiah Nusairi Alawi Ba’thi
yang diasas Hafiz al-Asad
kini dijejaki anaknya Basyar al-Asad
bapa burik,anak tentunya rintik

Syria
Kau bumi yang tiada tara
tanah bertuah yang diberkati Allah
perkuburan para Nabi,Rasul dan Sahabat Baginda
darah para syuhada’ mengalir menyiram bumimu
Para malaikat Allah memayungi sayap-sayapnya merestuimu

Syria
sabar dan yakinlah
bantuan Allah tetap tiba
kegelapan malam takkan berpanjangan
pabila fajar subuh datang
menjanjikan sinaran mentari

di saat itu
kezaliman akan musnah
drama kekejaman akan berakhir
pemimpin palsu akan terdedah kepalsuannya
segala boneka akan menerima balasannya
dunia akan bersama Islam
Allah tetap bersama para mu’minin

*****************

nukilan : Ibnu Desa
10 April 2012

www.aljazeera.net

ชีวิตคือการสะสมกระดาษ

ตะกอนความคิด
(แปลสรุปข้อความอาหรับจากไลน์)

ชีวิตคือการสะสมกระดาษ

  • ใบแจ้งเกิด
  • ใบฉีดวัดซีน
  • สมุดพก
  • ประกาศนียบัตร
    ล้วนแล้วแต่กระดาษ
  • ใบสมรส
  • หนังสือเดินทาง
  • เอกสารสิทธิ์ต่างๆ
  • หนังสือรับรองความประพฤติ
  • ใบรับรองแพทย์
  • ใบแจ้งผลการรักษาสุขภาพ
  • บัตรเชิญในโอกาสต่างๆ
    ล้วนแล้วแต่กระดาษทั้งสิ้น

เมื่อเวลาผ่านไป
คุณอาจฉีกและทิ้งขว้างมัน
โลกนี้จึงเต็มไปด้วยกระดาษ

บางคนเศร้าอกเสียใจเพราะกระดาษใบเดียว
บางคนกระโดดโลดเต้นเพราะกระดาษใบเดียวเช่นกัน
หลายคนยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งกระดาษที่เรียกว่า “เงิน”

กระดาษใบเดียวที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้คือใบมรณบัตร

ทั้งๆที่เป็นกระดาษที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
เพราะหลังจากนั้นคุณจะได้พบกับการตอบแทนล้วนๆ
มันคือสัญญาณว่าต่อจากนี้ไปคุณจะพบกับความสุขอันนิรันดร์หรือการทรมานอันยาวนานที่แสนสาหัส

************

ท่านอาลี บินอะบีฏอลิบกล่าวว่าสองสิ่งที่ไม่จีรัง คือวัยหนุ่มและพละกำลัง

สองสิ่งที่ยังประโยชน์ คือมารยาทงามและใจกว้าง

สองสิ่งที่ทำให้มีเกียรติ คือการนอบน้อมและช่วยเหลือผู้เดือดร้อน

สองสิ่งที่ปัดป้องภัยพิบัติ คือการบริจาคทานและสานสัมพันธ์ญาติพี่น้อง

************

มีคนกล่าวว่า
ตอนวัยรุ่น
เรามีเวลาและมีพละกำลัง
แต่ไม่มีเงิน

วัยทำงาน
เรามีเงิน มีพละกำลัง แต่ไม่มีเวลา

ยามแก่เฒ่า เรามีเงิน มีเวลาแต่ไม่มีกำลัง

นี่คือสัจธรรมชีวิต
ได้อย่างเสียอย่าง
เรามักคิดว่าคนอื่นดีกว่าเราเสมอ
ในขณะที่คนอื่นมองว่าเราดีกว่าเขา

เพราะเราขาดสิ่งสำคัญ 2 ประการคือ “ความพอเพียง” และ “การคิดดีต่ออัลลอฮ์” القناعة وحسن الظن بالله

**************

หากท่านจะรู้คุณค่าของท่าน ณ อัลลอฮ์ก็จงไตร่ตรองดูว่า คุณค่าของอัลลอฮ์ ณ จิตใจของท่านมีมากน้อยเพียงใด

ขาวไม่ได้สื่อถึงความสวยงามเสมอไป ดำก็ไม่ใช่ขี้เหร่ไปตลอด
ผ้าห่อศพสีขาวบริสุทธิ์…แต่ดูน่ากลัว
กะบะฮ์สีดำสนิท…แต่ก็สวยสง่า

Kaaba in Mecca Saudi Arabia

ความสวยงามของคน อยู่ที่กิริยามารยาท หาใช่รูปลักษณ์ภายนอก

**************

หากความเป็นวีรบุรุษวัดกันที่เสียงดัง สุนัข คือผู้นำแห่งวีรบุรุษ

หากความสวยงามของสตรี วัดกันที่การปลดเปลื้องเสื้อผ้า ฝูงลิงก็จะดูสวยสดงดงาม

********* แปลสรุปข้อความอาหรับ โดย ผศ. มัสลัน มาหะมะ

อันดาลูเซีย อัญมณีที่สาปสูญ ตอนที่ 5

เรื่องราวของมูฮัมมัดน้อย ความเจ็บปวดที่สะท้อนความโหดร้ายของศาลศาสนาแห่งสเปนในยุคกลาง

เชคอาลี ฏอนฏอวีย์ ได้เล่าเหตุการณ์ที่เป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนถึงการบังคับขู่เข็ญของมุสลิมในอันดาลูเซีย และการยึดมั่นในอิสลามท่ามกลางการตรวจสอบอันเข้มงวดของศาลศาสนาโดยยกกรณีของมูฮัมมัดน้อยที่เล่าถึงตนเองว่า

ขณะที่ฉันกำลังเรียนในระดับประถมศึกษา ฉันสามารถท่องจำเนื้อหาบางส่วนของคัมภีร์ไบเบิ้ล และทุกครั้งที่ฉันกลับบ้าน ฉันจึงอ่านให้พ่อแม่ฟัง แต่แทนที่ทั้งสองจะดีใจ ฉันสังเกตว่าทั้งสองท่านมีใบหน้าที่เศร้าหมองราวคนอมทุกข์ ทุกเช้าที่ฉันไปโรงเรียนกับครูคริสต์ที่มารับที่บ้าน แม่จะโอบกอดฉันราวกับว่าจะจากกันอย่างยาวนาน บางครั้งฉันสังเกตเห็นน้ำตาไหลอาบแก้มแม่ที่ส่งยิ้มให้ฉัน เมื่อฉันกลับบ้าน แม่ก็จะโผกอดฉันด้วยความดีใจ
เมื่ออยู่ในบ้าน บ่อยครั้งที่ฉันเห็นคุณพ่อแอบเข้าไปในห้องลับท้ายบ้าน ที่ท่านไม่อนญาตให้ใครๆเข้าหรือเพ่นพ่านบริเวณนั้นโดยเด็ดขาด ทุกครั้งที่พ่อออกจากห้องนั้น ฉันเห็นดวงตาของท่านแดงก่ำเหมือนเพิ่งหยุดร้องไห้อย่างหนัก
บ่อยครั้งที่ฉันเห็นพ่อแม่แอบคุยซุบซิบกันด้วยภาษาที่ฉันไม่เข้าใจ แต่เมื่อฉันเข้าใกล้ ทั้งสองก็จะจบการสนทนาอย่างดื้อๆ และพูดภาษาสเปนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางครั้งฉันร้องไห้คนเดียวด้วยความน้อยใจ พลางคิดเรื่อยเปื่อยว่า ฉันเป็นลูกแท้ๆของพ่อแม่หรือไม่ รึว่าฉันเป็นเพียงเด็กข้างถนนที่ทั้งสองพบเจอและอุปการะเลี้ยงดูเท่านั้น
ฉันไม่ค่อยเล่นกับเพื่อนๆร่วมวัยเดียวกัน ฉันเริ่มมีโลกส่วนตัวที่ไม่ค่อยสนุกสนานเหมือนเด็กๆทั่วไป
วันหนึ่ง เมื่อถึงวันอีสเตอร์ (วันสำคัญทางศาสนาคริสต์ที่เชื่อกันว่าพระเยซูฟื้นคืนชีพใหม่หลังจากถูกตรึงที่ไม้กางเขน 3 วัน) พ่อแม่ของฉันก็มีข้ออ้างเป็นประจำที่จะไม่เข้าร่วมเทศกาลนี้ พอตกกลางคืน ขณะที่ผู้คนร่วมพิธีในโบสถ์ ที่บ้านมีฉัน กับพ่อและแม่ เมื่อถึงช่วงเที่ยงคืน พ่อเรียกฉันเข้าไปในห้องลับส่วนตัวของเขา เมื่อเราเข้าไป พ่อรีบใส่กลอนปิดประตูอย่างแน่นหนา ห้องมืดสนิท พ่อจุดตะเกียงเล็กๆ ฉันไม่พบสิ่งใดในห้องนี้ยกเว้นหนังสือเล่มหนึ่งที่วางไว้บนหมอนอย่างดี ข้างฝามีดาบแขวนไว้ 1 เล่ม ฉันเห็นพ่อมองฉันด้วยสายตาที่อ่อนโยน พ่อกอดฉันอย่างแน่น จากนั้นพ่อพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า ลูกรัก บัดนี้เจ้าอายุ 10 ปีแล้ว หวังว่าเจ้าสามารถรักษาความลับได้ เจ้าสัญญากับพ่อไหมว่า ความลับที่พ่อจะบอกนี้ เจ้าห้ามไปเปิดเผยให้ใครก็ตามไม่ว่าแม่ ญาติสนิทหรือเพื่อนคนไหนก็ตาม ฉันรับปากทันที พ่อบอกอีกว่า หากความลับนี้ถูกเปิดเผยเมื่อไหร่ สมาชิกในครอบครัวเราทุกคนจะถูกตัดสินโดยศาลศาสนาทันที
พลันที่ฉันได้ยินคำว่าศาลศาสนา ฉันขนลุกด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ทั้งๆที่ฉันไม่เคยถูกลงโทษจากศาลศาสนานี้ แต่ฉันพบเห็นผู้คนที่ถูกศาลศาสนาจับทรมานแทบทุกวัน บางคนถูกเผาทั้งเป็น ท่ามกลางผู้คนในเวลากลางวันแสกๆ นับสิบๆ คน บ้างก็ถูกฉีกร่างด้วยกรรมวิธีอันน่าสยดสยอง โดยที่ไม่เคยรับรู้ว่าพวกเขาทำผิดอะไร
ผู้คนจึงพากันหวาดกลัวศาลศาสนานี้มาก
ฉันจึงให้สัญญามั่นกับพ่อว่าฉันจะเก็บความลับนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
พ่อจึงหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเปิดให้ฉันอ่าน ฉันอ่านไม่ได้สักตัว พ่อบอกว่านี่แหละอัลกุรอาน ที่พระเจ้าประทานแก่นบีคนสุดท้ายนบีมุฮัมมัด พร้อมคำสอนที่เรียกว่าอิสลาม เป็นศาสนาที่ประกาศเอกภาพของอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว และอิสลามได้เผยแพร่เข้ามาในดินแดนอันดาลูเซีย โบสถ์อันใหญ่โต คือมัสยิดในอดีต ราชวังและอาคารอันสวยงามที่ลูกเห็นทั่วเมืองคือผลงานของมุสลิมทั้งสิ้น มุสลิมได้สร้างอารยธรรมและความเจริญของเมืองนี้ แต่บัดนี้กลายเป็นสมบัติของผู้ปฏิเสธศรัทธา
จากนั้นฉันจึงเรียนรู้ภาษาอัลกุรอาน และหลักปฏิบัติอิสลามจากพ่อในห้องลับนี้
ในช่วงนี้ แม่คอยซักถามฉันว่า พ่อบอกอะไรให้ฉันบ้าง ฉันตอบว่าไม่ได้สอนอะไร น้าและอาฉันก็รบเร้าถามฉันเช่นกัน แต่ฉันก็ตอบว่าพ่อไม่ได้สอนอะไรฉันเลย
คุณพ่อสอนฉันทั้งภาษาอาหรับ อัลกุรอานในห้องมืดนี้ จนกระทั่งฉันเข้าใจหลักการเบื้องต้นในอิสลาม
กระทั่งวันหนึ่งพ่อได้เรียกฉัน และกระซิบบอกว่า ถึงเวลาที่เราจะจากกันแล้ว พ่อรู้สึกว่าเวลาของพ่อมีไม่มากนัก และพ่อพร้อมกลับสู่อัลลอฮฺในฐานะชะฮีด ที่พ่อปกปิดความลับตลอดระยะเวลา 40 ปีนี้ ไม่ได้หมายความว่าพ่อกลัวแต่อย่างใด แต่พ่อเฝ้ารอโอกาสที่จะส่งต่ออิสลามให้กับลูก และบัดนี้พ่อมั่นใจว่า เจ้าสามารถปฏิบัติภารกิจนี้แล้ว และเจ้าสามารถรักษาความลับได้อย่างดีเยี่ยม
อีกไม่นาน อาของลูกจะมารับลูกอพยพไปที่เมืองใหม่ จงเชื่อฟังเขาและอพยพไปกับเขาเถอะ อย่าห่วงพ่อกับแม่เลย
ค่ำคืนหนึ่ง อามารับฉันที่บ้าน และพาฉันหนีออกจากหมู่บ้าน ข้ามทะเล ใช้ชีวิตใหม่ที่ตูนีเซีย ระหว่างทางฉันพร่ำเรียกพ่อแม่และไม่ยอมตามคุณอา แต่อาบอกว่า พ่อเจ้าให้เชื่อฟังข้าคนเดียวมิใช่หรือ บัดนี้พ่อแม่ของเจ้าคงมีความสุขในสวนสวรรค์ตามที่เขาใฝ่ฝัน ด้วยผลงานของศาลศาสนาแล้วล่ะ
ฉันอพยพไปตูนีเซียและเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ที่นั่น

หนูน้อยมูฮัมมัดใช้ชีวิตด้วยการศึกษาอิสลาม
ต่อมาเด็กคนนี้ได้กลายเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ในมัซฮับมาลิกีย์ ชื่อ
الشيخ العلامة محمد بن الرفيع الأندلسي
เสียชีวิตปีฮ.ศ. 1055
رحمه الله رحمة واسعة وغفر له وأسكنه في فسيح جناته

เขียนโดย Mazlan Mahama

อันดาลูเซีย อัญมณีที่สาปสูญ ตอนที่ 4

4.เกิดความแตกแยกระหว่างมุสลิมด้วยกันเอง
หลังจากที่อันดาลูเซียอยู่ภายใต้การปกครองของเคาะลีฟะฮ์เพียงคนเดียวที่มีความเป็นปึกแผ่นและเอกภาพ พวกเขาก็พร้อมใจกันแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ จนกระทั่งได้แยกเป็นแว่นแคว้นน้อยใหญ่ถึง 27 รัฐด้วยกัน (Taifa Kingdoms) แต่ละรัฐมีเขตการปกครองของตนเอง หนำซ้ำยังรบราฆ่าฟันระหว่างกัน ก้าวร้าวเมื่ออยู่กับพี่น้องผู้ศรัทธา แต่อ้อนน้อมถ่อมตนยามเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรู
อิบนุหัซมิ หนึ่งในอุลามาอฺนามอุโฆษชาวอันดาลูเซียบรรยายปรากฏการณ์อันน่าเศร้าหมองนี้ว่า ” ด้วยนามของอัลลอฮ์ หากการก้มกราบบูชาไม้กางเขนทำให้สามารถบันดาลตามความต้องการแล้ว พวกเขาจะต้องทำมันอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาพร้อมให้ความช่วยเหลือชาวคริสเตียนเพื่อปราบปรามคู่อริของพวกเขาที่เป็นมุสลิมด้วยกัน ขอให้อัลลอฮ์สาปแช่งพวกเขา และทำให้พวกเขาตกอยู่ในอำนาจของศัตรูในที่สุด
ท่ามกลางความแตกแยกของชาวมุสลิม แต่คริสตชนทั่วยุโรปต่างก็ผนึกกำลังทำสงครามครั่งยิ่งใหญ่ที่พวกเขาเรียกว่า “Reconquista” หรือสงครามทวงคืนดินแดน จนกระทั่ง 2 อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ได้ผนึกรวมเป็นอาณาจักรเดียวกัน หลังการอภิเษกสมรสระหว่างกษัตริย์เฟอร์ดินานแห่งอาณาจักรอารากอน กับพระราชินีอิสซาเบลล่าแห่งอาณาจักรคาสตีลล์ จนกระทั่งทั้ง 2 พระองค์ได้เป็นแกนนำกองทัพคริสเตียนบุกล้อมกองทัพมุสลิมจนกระทั่งสามารถยึดเมืองกรานาดาซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของชาวมุสลิมได้สำเร็จเมื่อปี คศ.1492
เหล่ากษัตริย์และบรรดาขุนนางทำสงครามเพื่อปกป้องราชบังลังค์มากกว่าการปกป้องและเผยแพร่อิสลาม จนกล่าวกันว่าจอมทัพมันศูร บิน อะบีอามิร เคยชนะสงคราม 57 ครั้ง ซึ่งล้วนเป็นชัยชนะเพื่อปกป้องราชบังลังค์ที่มีการแย่งชิงระหว่างมุสลิมด้วยกัน แทนที่จะเป็นชัยชนะต่อศัตรูผู้คุกคาม
อัลกุรอานได้กำชับให้มุสลิมรวมเป็นหนึ่งภายใต้ผู้นำคนเดียว ดังที่อัลกุรอานกล่าวความว่า
” และจงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และเราะซูลของพระองค์เถิดและจงอย่าขัดแย้งกันเพราะจะทำให้พวกเจ้าพ่ายแพ้และทำให้ความเข้มแข็งของพวกเจ้าหมดไป และจงอดทนเถิด แท้จริงอัลลอฮ์ทรงอยู่กับผู้ที่อดทน “(อัลอันฟาล ,8 :46)
คำดำรัสของพระองค์ เป็นจริงเสมอ

(ต่อ….)

ตอนที่ 5 > https://www.theustaz.com/?p=411

เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ

อันดาลูเซีย อัญมณีที่สาปสูญ ตอนที่ 3

1.ฝ่าฝืนบทบัญญัติของอัลลอฮฺและไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง

สถานเริงรมย์ ผับบาร์ เหล้าสุรา นารีและดนตรีกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่ขาดเสียไม่ได้ บรรดาผู้นำแทนที่จะห่วงใยประชาชน ช่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข กลับกลายเป็นบำเรอสุขให้ตนเองและกระจายทุกข์แก่ปวงประชา อบายมุขกลายเป็นความเคยชิน ในขณะที่การยึดมั่นในศาสนาได้กลายเป็นคนแปลกหน้า

ยุคหนึ่งผู้พิชิตชาวอาหรับคือผู้ธำรงไว้ในความยุติธรรม ถึงขนาดนักประวัติศาสตร์ชาวสเปนกล่าวสดุดีว่า เราแปลกใจว่าพวกเขาคือกลุ่มชนที่ผุดออกมาจากใต้ดินหรือจุติลงมาจากฟากฟ้ากันแน่ เพราะพวกเขาคือความยุติธรรม มีใจอันประเสริฐที่เดินเหินบนหน้าแผ่นดิน ที่เราไม่เคยพบเห็นธรรมเนียมปฏิบัติของผู้ชนะสงครามที่ไหนมาก่อนในประวัติศาสตร์

พวกเขาไม่เคยหลาบจำคำเตือนของอัลลอฮฺ ความว่า
“และกี่เมืองแล้วที่เราได้ทำลายมัน(เพราะความดื้อรั้นของพวกเขา) โดยที่การลงโทษของเรามายังเมืองนั้น ในยามค่ำคืนหรือในขณะที่พวกเขานอนพักผ่อนยามบ่าย (อัลอะรอฟ,7 : 4)

2.ความฟุ่มเฟือยและใช้ชีวิตที่หรูหรา จนทำให้หลงลืมปฏิบัติภารกิจสำคัญ ในขณะที่ศัตรูคอยสบโอกาสทุกยามเมื่อ อิบนุคอลดูนกล่าวว่า “ฉันไม่เคยเห็นชุมชนที่มีความฟุ่มเฟือย ยกเว้นมีอธรรมควบคู่ด้วย”
ทรัพย์สมบัติและทรัพยากร แทนที่จะถูกแจกจ่ายแก่ประชาชนอย่างทั่งถึง กลับถูกกักใช้เป็นสมบัติผลัดกันชมในกลุ่มอำมาตย์เท่านั้น แข่งขันสร้างตึกรโหฐานและสิ่งประดับประดา ถึงขนาดกษัตริย์องค์หนึ่งโกรธกริ้วอย่างอารมณ์เสีย เนื่องจากไม่พอใจวิศวกรไม่สามารถสร้างราชวังตามความต้องการของพระองค์ ทั้งๆที่ในขณะนั้นศัตรูจากทั่วสารทิศได้โจมตีเมืองและสร้างภยันตรายแก่ประชาชนทุกหย่อมหญ้า

พวกเขาลืมสิ้นแล้ว คำเตือนของอัลลอฮฺที่กล่าวความว่า

“และเมื่อเราปรารถนาจะทำลายเมืองหนึ่ง เราจึงบัญชาให้พวกฟุ่มเฟือยในเมืองนั้น และพวกเขาก็ฝ่าฝืนในเมืองนั้น ดังนั้นการลงโทษก็จะประสบแก่เมืองนั้น และเราได้ทำลายมันอย่างพินาศเด็ดขาด” (อัลอิสรออ.,17 : 16)

3.ไว้ใจศัตรูและมอบความรักแก่คู่อริอย่างหมดหัวใจ

เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและรักษาไว้ซึ่งราชบัลลังค์ ผู้นำยุคอันดาลูเซียบางคนยอมทำสัญญาผูกไมตรีกับกษัตริย์คริสเตียนให้ยกทัพปราบปรามกองทัพมุสลิม พร้อมยกดินแดนส่วนหนึ่งเป็นของกำนัล ดังที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ว่าเมืองชื่ออะบูซัยด์กับกษัตริย์คริสเตียนพระองค์หนึ่ง พร้อมยอมถวายเครื่องราชฯแสดงความจงรักษ์ภักดี จนกระทั่งในที่สุดผู้ว่าการอะบูซัยด์ยอมรับเป็นคริสตชน

เช่นเดียวกันกับอาณาจักร Bani Ahmar ที่กอดคอร่วมกับอาณาจักรคริสเตียน Castellae ทำสงครามกับกองทัพมุสลิมเพียงเพื่อรักษาบัลลังค์ของตนเอง

พวกเขาไม่เคยถอดบทเรียนและนำคำสอนของอัลกุรอานที่เตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ความว่า
“ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าได้ยึดเอาชาวยิวและชาวคริสต์เป็นมิตร เพราะในระหว่างพวกเขา ต่างช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่างกัน” (อัลมาอิดะฮฺ, 5 : 51)

4.(ต่อ….)

ตอนที่ 4 > https://www.theustaz.com/?p=406

เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ