“วันหนึ่ง ช่วงที่กำลังทำงานอยู่ที่มัสยิดอะตาบะฮ์ในกรุงไคโร และที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มอิควานมุสลิมีน ที่หิลมียะฮ์ ข้าพเจ้าได้รับโทรเลขฉบับหนึ่งขอให้กลับบ้านด่วน
ข้าพเจ้าทราบดีว่าบิดาป่วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะป่วยหนัก
เมื่อข้าพเจ้าถึงไปยังหมู่บ้าน ก็รู้สึกสงสัย จากใบหน้าของหลายๆ คน
ร้านของเราที่เห็นได้จากระยะไกล
น้องชายยืนอยู่ที่หน้าประตู ข้าพเจ้าก็ตระหนักได้ว่าบิดาไม่สบาย จึงรีบตรงดิ่งไปที่บ้านในทันที
ถึงที่บ้าน ข้าพเจ้าเห็นคุณแม่กำลังร้องไห้ ในขณะที่บิดานอนอยู่บนเตียงใกล้ๆ กับนาง
ข้าพเจ้าจับมือบิดา แล้วบรรจงจูบด้วยความรัก
พอเห็นหน้าข้าพเจ้า บิดาก็แสดงออกถึงความดีอกดีใจ
ข้าพเจ้าเห็นขวดยาวางอยู่ข้างๆ ก็รู้ว่า หมอมาแล้วและเขียนใบสั่งยาให้ แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้อาการของบิดาดีขึ้นก็ตาม
ข้าพเจ้าไปตามหมอมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะอาการของบิดาทรุดลงอีก เมื่อหมอมาถึงก็ไม่ได้พยายามปิดบังอะไรอีก ข้าพเจ้าจึงทราบว่าบิดาเป็นโรคทางเดินปัสสาวะหลายโรค จนถึงขั้นไม่อาจจะรักษาเยียวยาได้อีก รวมทั้งเป็นโรคนิ่วรุนแรงจนไม่อาจปัสสาวะได้ อีกทั้งร่างกายก็ไม่พร้อมที่จะผ่าตัด
เราได้ผลัดเปลี่ยนกันดูแลบิดา
ในขณะที่คุณแม่ได้แต่พยายามรบเร้าให้เราไปหาหมอ เพื่อรักษาอาการบิดาที่ทรุดลงอย่างต่อเนื่อง แต่คุณหมอปฏิเสธไม่ยอมมา เพราะเขาหมดหวังที่จะรักษา
หลังเที่ยงวัน ข้าพเจ้าก็นอนหลับยาว เนื่องจากเมื่อคืนไม่ได้นอนหลับ และเฝ้าบิดาทั้งคืน
ข้าพเจ้าไปนั่งข้างๆบิดา และละหมาดอยู่ใกล้ๆ
หลังจากละหมาดอีชา
ข้าพเจ้าได้เฝ้าสังเกต
คืนนี้ช่างเป็นคืนที่เงียบสงบยิ่งนัก
ทุกคนในบ้านล้วนหลับสนิทอันเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย
คงเหลือเพียงข้าพเจ้าคนเดียวที่ยังตื่นอยู่
บิดากล่าวเบาๆ กับข้าพเจ้าว่า “พ่อกำลังจะตายแล้วนะ”
ข้าพเจ้าพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นิ่งเงียบ
ตะเกียงน้ำมันที่ถูกวางไว้ที่ข้างผนังบ้าน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเห็นเปลวตะเกียงกำลังสั่นไหววูบ
ข้าพเจ้าพูดกับตัวเอง “หรือยมทูตได้เข้ามาแล้วกระพือปีก จนกระทั่งเปลวตะเกียงสั่นวูบ”
ข้าพเจ้าเงี่ยหูฟัง ได้ยินบิดากำลังขอดุอาให้แก่ข้าพเจ้า ก่อนที่็จะเงียบหายไป อย่างถาวร
ในตอนเช้า ผู้ชายหลายคนได้หามศพของบิดา ข้าพเจ้าเห็นคุณแม่จับเกาะอยู่กับเท้าของบิดาผู้จากไป นางจูบแล้วฝังใบหน้าลงในฝ่าเท้าของท่าน เหมือนกับคนใกล้สิ้นสติ
กว่าจะเอาศพบิดาให้พ้นไปจากการเกาะเกี่ยวของนาง ช่างแสนยากลำบาก
ข้าพเจ้าก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ อย่างที่สุด แต่ข้าพเจ้าทำไม่ได้ ข้าพเจ้าจะต้องอดทน
ถึงวันนี้ ข้าพเจ้ากลายเป็นผู้อาวุโสที่สุดในครอบครัว หากข้าพเจ้าล้มครืน พวกเขาย่อมล้มตาม
ข้าพเจ้าจะต้องทำตัวให้เหมือนกับพ่อ ที่ต้องฝืนแสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ไม่มีสิ่งใดนอกจากความเชื่อมั่นในความเมตตาของอัลเลาะห์เท่านั้น
สายใยผูกพันของสมาชิกในครอบครัวช่างยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้ากล่าวกับคุณแม่และพี่น้องทุกคน ในขณะที่กำลังจะเดินทางไปยังกรุงไคโรเพื่อเริ่มต้นทำงานอีกครั้งหนึ่งว่า ให้ถือว่าบิดายังไม่ตาย พี่จะดูแลทุกคนด้วยกรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ จนกว่าน้องชายทุกคนจะสำเร็จการศึกษา และน้องสาวทุกคนได้แต่งงานออกเรือนไป
อัลเลาะห์ได้เมตตาแก่ข้าพเจ้า ทำให้ทุกคำพูดของข้าพเจ้าสัมฤทธิ์ผลทุกคำโดยไม่ผิดเพี้ยน”
ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี
ในหนังสือ ประวัติชีวิต
«قصة حياة/مذكرات الشيخ محمد الغزالي»
#ประวัติชีวิตชัยค์มุฮัมมัด_ฆอซาลี
เขียนโดย Ghazali Benmad