ชัยคุลอิสลามแห่งตูนีเซีย

ท่านคือชัยคุลอิสลามแห่งตูนีเซีย เป็นทั้งอิมามใหญ่ยามิอฺซัยตูนะฮ์ มุฟตีและกอฎีชัรอีย์ (ผู้พิพากษาสูงสุดแห่งกฎหมายอิสลาม) ผู้มีนามว่า มูฮัมมัด ฏอฮิร บินอาชูร (มีชีวิตระหว่างปีค.ศ. 1879-1973) สายตระกูลของท่านเป็นชาวอพยพมาจากอันดาลูเซีย นอกจากนี้ท่านยังดำรงตำแหน่งคณบดีคณะนิติศาสตร์อิสลามและอุศูลุดดีนของมหาวิทยาลัยซัยตูนะฮ์  มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอิสลาม

ช่วงนั้นรัฐบาลตูนิเซียโดยประธานาธิบดีบูรฆีบาห์ รณรงค์ให้สตรีตูนีเซียถอดฮิญาบ โดยครั้งหนึ่งนายบูรฆีบาห์ ได้ลงจากรถ แล้วไปถอดฮิญาบของสตรีนางหนึ่งในใจกลางเมืองตูนิเซีย พร้อมกล่าวว่า ยุคมืดได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ทำให้ชัยคุลอิสลามมูฮัมมัดฏอฮิร บินอาชูร อ่านคุตบะฮ์สั้นๆด้วยประโยคว่า “สตรีมุสลิมะฮ์นางหนึ่งได้มาร้องเรียนยังข้าพเจ้า” ท่านทวนประโยคนี้ 2 ครั้งแล้วนั่งลง และลุกใหม่ พร้อมกล่าวว่า “ละหมาดของท่านไม่สร้างความดีงามใดๆ ตราบใดที่ภรรยาและลูกสาวของท่านเปลือยกาย(ไม่ใส่ฮิญาบ)” จงละหมาดเถิด

นายบูรฆีบาห์ได้รณรงค์ไม่ให้ชาวตูนิเซียถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ซึ่งเขาถือว่า การถือศีลอดเป็นเหตุให้เศรษฐกิจของประเทศย่ำแย่ ทำให้ผู้คนเกียจคร้านทำงาน เขาจึงดื่มน้ำและสูบซิการ์ในรัฐสภาช่วงเดือนรอมฎอน เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนไม่ถือศีลอด

เท่านั้นยังไม่พอ เขาได้ไปหาชัยคุลอิสลามอิบนุอาชูร์ ในฐานะมุฟตีและบุคคลสัญลักษณ์ทางศาสนา ผู้มีบทบาทสูงในขณะนั้น พร้อมขอร้องให้ออกคำฟัตวาเรื่องการถือศีลอดให้เป็นไปตามนโยบายอันชั่วร้ายของเขา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับด้วยดีจากท่านมุฟตี โดยมีเงื่อนไขว่า รัฐบาลจะต้องเชิญชวนผู้คนมารวมตัวกันเพื่อฟังคำฟัตวานี้

เมื่อถึงเวลาที่กำหนด รัฐบาลได้เกณฑ์ผู้คนจำนวนมากมาย เพื่อฟังคำชี้ขาดทางศาสนาที่มีความสำคัญนี้ หลังจากที่นายบูรฆีบาห์ให้โอวาทเสร็จ ชัยคุลอิสลามจึงถูกเชิญให้คำฟัตวา ชัยค์จึงพูดว่า

โอ้ชาวมุสลิมทั้งหลาย แท้จริงการทานอาหารในกลางวันรอมฎอน โดยไม่ใช่เป็นการผ่อนปรนทางศาสนา ถือเป็นบาปใหญ่ เพราะการถือศีลอดเป็นหลักปฏิบัติตามศาสนบัญญัติที่สำคัญประการหนึ่งในอิสลาม ผู้ใดที่ปฏิเสธหลักศาสนบัญญัติข้อนี้ ผู้นั้นย่อมเป็นคนตกศาสนาโดยปริยาย พร้อมอ่านอายัตกุรอาน

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا كُتِبَ عَلَيْكُمُ الصِّيَامُ كَمَا كُتِبَ عَلَى الَّذِينَ مِن قَبْلِكُمْ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ (البقرة/١٨٣)

อัลลอฮ์ตรัสจริงเสมอ

บูรฆีบาห์ต่างหากคือจอมโกหก

บูรฆีบาห์ต่างหากคือจอมโกหก

บูรฆีบาห์ต่างหากคือจอมโกหก

นายบูรฆีบาห์หน้าแตกยับเยินชนิดหมอไม่รับเย็บ

หลังจากนั้นท่านจึงถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งที่ท่านดำรงอยู่ รวมทั้งรัฐบาลยังได้สั่งปิดมหาวิทยาลัยซัยตูนะฮ์เป็นเวลาหลายปี

เกือบ 50 ปีแล้วที่ท่านเสียชีวิต แต่ชาวตูนิเซียก็ยังคงกล่าวดูอาให้กับท่านด้วยดีมาโดยตลอด ชีวประวัติของท่านถูกกล่าวขานอย่างสง่างามต่อไป

แต่สำหรับนายบูรฆีบาห์ ทาสผู้ซื่อสัตย์ของกรุงปารีส ถึงแม้เขาจะเถลิงอำนาจอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีตูนิเซียนานถึง 30 ปี และเพิ่งปิดฉากตำนานแห่งความชั่วร้ายในปี 2000 ที่ผ่านมา ในประเทศตูนีเซียปัจจุบัน เชื่อว่าไม่มีใครคนไหนที่สดุดีและชื่นชมเขา นอกจากชาวเซคิวล่าร์ สาวกแห่งกรุงปารีส ผู้ชิงชังต่ออิสลามและประชาชาติมุสลิมเท่านั้น


โดย Mazlan Muhammad

ว่าด้วยการสร้างภาพและเล่นการเมือง [ตอนที่ 3]

นี่คือผลสรุปของกลุ่มมนุษย์ประเภทหนึ่งที่มีต่อผลงานของเขาที่ได้ทุ่มเทมากว่า40ปี

-เขาคือจอมหลอกลวง

-ในกระเป๋าถือของเขา เต็มด้วยเงินนับล้านที่คอยแจกให้ชาวบ้านคนเอาวามที่เป็นเหยื่อ

-เขาคือนักฉวยโอกาสตัวยง หาประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง นักสร้างภาพ ฯลฯ

-เขาคือจอมฟิตนะฮ์ หน้าไหว้หลังหลอก หน้าซื่อใจคด ( ประโยคหลังนี้ได้ยินมากับหูเลยครับ)

-เขาคือเด็กสร้างของยิว สุนัขรับใช้ ผู้ขัดขวางอุดมการณ์

-เขาคือผู้สร้างความแตกแยก ผู้เกลียดชังและทำลายภาพลักษณ์อุละมาอฺรุ่นก่อน

– ที่อาบน้ำละหมาด(กอเลาะฮ์) ในปอเนาะ เขามีคาถาพิเศษ หากใครคนไหนที่อาบน้ำละหมาดที่นั่น เขาจะเป็นคนเหมือนโดนเวทย์มนต์ที่คอยสะกดให้เชื่อ

ฟังเขาพูดอย่างว่านอนสอนง่ายทันที

-ห้ามฟังคำสอนของเขา ไม่ว่าฟังสด จากเทปคาสเส็ท วิทยุหรือสื่อต่างๆ เพราะหากฟังแม้ครั้งเดียว จะติดใจเหมือนคนเสพติด

-เขาคือวะฮ์ฮาบีตัวพ่อที่มีอะกีดะฮ์ผิดเพี้ยน ลุ่มหลง และเป็นหมานรก

نعوذ بالله من ذلك

اللهم اهد قومنا فإنهم لا يعلمون

ลองหายใจลึกๆแล้วมองบนท้องฟ้า

มองรอบๆตัวเอง แล้วคิดว่า

หากเขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ แสดงว่า

– เขาคงมีคดีฉ้อโกงมากมายที่มีคนฟ้องร้องทั่วประเทศ

– ต่างชาติโดยเฉพาะประเทศอ่าวอาหรับคงไม่โง่พอที่จะสนับสนุนคนฉ้อโกงมโหฬารแบบนี้มาอย่างต่อเนื่องกว่า 40 ปีแล้ว

– 40 กว่าปีที่อาสากลับทำงานในบ้านเกิดเมืองนอน เขาสามารถกอบโกยสะสมเงินทองกี่ร้อยล้าน มีเงินฝากในธนาคารกี่สิบล้าน มีที่ดินจัดสรรรอบๆมหาวิทยาลัยและที่อื่นๆกี่ร้อยไร่

– กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดิเอสไอ) เคยรับเรื่องสอบสวนเขากี่คดีแล้ว

– เราเคยมีผู้หลอกลวง อะกีดะฮ์เพี้ยนคนไหนบ้างในประเทศนี้และในโลกนี้ที่มีผลงานเช่นเขา

ทำไมเราไม่เคยมองคุณูปการอันอเนกอนันต์ที่เขาสร้างมาตลอดระยะเวลาดังกล่าว อาทิ

– มัสยิดนับร้อยทั่วประเทศที่เขาช่วยประสานติดต่อและให้การรับรอง ที่บางคนมองว่าเป็นแหล่งสร้างฟิตนะฮ์และความแตกแยก แต่สำหรับอิสลามถือว่า ผู้ใดสร้างมัสยิด 1 หลัง เขาจะได้รับผลบุญเทียบเท่ากับสร้างบ้านในสวรรค์ทีเดียว

– เขาให้ใบรับรองแก่เยาวชนจำนวนนับพันๆคนเพื่อศึกษาต่อในระดับต่างๆทั้งในและต่างประเทศ และมหาวิทยาลัยหลายสิบแห่งทั่วโลกก็ยังคงต้องการใบรับรองจากเขา (หากเขาเก็บค่าธรรมเนียมใบรับรองคนละ 100-200 เชื่อว่าน่าจะสามารถสร้างบ้านหลังเล็กๆให้ลูกหลานได้หลังหนึ่ง)

– เขาคือสะพานเชื่อมให้องค์กรระหว่างประเทศโดยเฉพาะองค์กรสาธารณกุศลจากประเทศอาหรับมาให้ความช่วยเหลือและพัฒนาสังคมด้วยโครงการต่างๆนับพันโครงการ

– สร้างมหาวิทยาลัยด้วยงบประมาณ 0 บาทจนกลายเป็นพันๆล้านบาทจากอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการประเมินฯในทุกขั้นตอน

– เขาสร้างภาพได้อย่างไรให้นักธุรกิจจากมาเลเซีย อินโดนีเซียและอื่นๆสนใจร่วมลงทุนในโครงการมะดีนะตุสสลาม

– นี่คือผลงานของชาวนรก ผู้มีอะกีดะฮ์ผิดเพี้ยนลุ่มหลงกระนั้นหรือ

แต่มีมนุษย์แมลงวันบางประเภท คอยตอกย้ำความผิดพลาดของมือขวาของเขาที่ครั้งหนึ่ง ไปสัมผัสนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศ เพื่อประกาศให้สังคมจดจำว่านี่คือบาปอันใหญ่หลวงที่เขาได้กระทำที่ต้องกระชากให้เข้านรกให้จงได้

ไม่รู้ว่าใช้จิตใจส่วนไหนไปจินตนาการ และสมองซีกไหนไปคิด

โดยปิดตาและมองข้ามสองมือของเขา ที่ยกมือขอดุอาให้อัลลอฮ์ยกโทษยามค่ำคืนอันเงียบสงัดและช่วงเวลาและโอกาสต่างๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาอันประเสริฐสุดขณะเข้าในอาคารกะอฺบะฮ์ในเดือนรอมฎอน

ด้วยมือขวาอันเดียวกัน เขาเคยสัมผัสบุคคลระดับองค์ประมุขของประเทศ ผู้นำ อุละมาอฺ นักวิชาการระดับโลกมากมายนับไม่ถ้วน

ด้วยมือขวาอันเดียวกัน ที่เขาจรดปากกาเขียนตำรา หนังสือ บทความทางวิชาการในหัวข้อต่างๆมากกว่า 150 ชื่อเรื่อง หนึ่งในนี้คืออัซการ์เช้าเย็น ที่เขาเขียนเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว ที่คนเรียนศาสนาบางคนในยุคนั้นแทบไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร นับประสาอะไรกับคนเอาวาม

ด้วยมือขวาอันเดียวกัน ที่เขาเริ่มเขียนตำราเรียนระดับตาดีกาและอิบติดาอีย์สมัยที่เขามีอายุเพียง 17 ปี และยังคงใช้เป็นตำราเรียนในหลายโรงเรียนจวบจนปัจจุบัน ซึ่งอาจมีบางคนที่กำลังด่าทอเขาขณะนี้ อาจเคยร่ำเรียนจากตำราที่เขาเขียนมาก็ได้

ด้วยมือขวาเดียวกัน เขาเคยลูบสัมผัสเด็กกำพร้า คนยากจน เยาวชนและผู้คนจากทั่วสารทิศ

ด้วยสองมือนี้ เขาคือส่วนหนึ่งในจำนวนผู้พลิกแดนระเบียงมักกะฮ์ที่แห้งเหือดที่แม้กระทั่ง ในยุคหนึ่ง สังคมที่นี่มองว่า การสอนตัฟซีร สอนหะดีษคือความลุ่มหลง การใส่ฮิญาบดำของมุสลิมะฮ์คืออาภรณ์ของชาวนรก จนเกิดกระแสผีขนุนที่สร้างความหวาดกลัวในสังคมยุคนั้น การเอี้ยะติก้าฟทำให้มัสยิดสกปรกด้วยน้ำลายและมัสยิดไม่ใช่เป็นที่ซุกหัวนอน ให้กลายเป็นดินแดนที่กระชุ่มกระชวยด้วยทางนำและการปฏิบัติสุนนะฮ์นบีอย่างกว้างขวาง

ด้วยสองมือนี้ เขาได้มีส่วนพัฒนาสังคมโดยเฉพาะด้านการศึกษา เศรษฐกิจ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่แม้แต่นักการเมืองระดับชาติบางคนก็ยังไม่สามารถทำดีได้เท่า

بعد التوفيق والكرم والمنة من الله تعالى

เราไม่เคยยกย่องเขาว่า เป็นผู้วิเศษวิโสที่สามารถหายตัวไปละหมาดวันศุกร์หน้ากะอฺบะฮ์ทุกอาทิตย์

เพราะเขาคือปุถุชนที่มีความอ่อนแอและความผิดพลาดมากมาย ที่เราหวังว่าอัลลอฮ์ยกโทษให้เขาและเราทั้งปวง

เพียงแต่เราอยากขอบคุณ ให้กำลังใจและร่วมคาราวานพร้อมกับเขาในการเดินหน้าร่วมพัฒนาสังคมตามกำลังความสามารถและโอกาส

เพราะอิสลามสอนว่า

“จะไม่ใช่เป็นผู้ขอบคุณอัลลอฮ์ สำหรับคนที่ไม่รู้จักขอบคุณเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”

คนที่กล่าวหา ใส่ร้ายและฟิตนะฮ์เขาในวันนี้

ลองถามตัวเองหน่อยไหมว่า

คุณสะสมความดีมากมายแค่ไหน ที่จะชดเชยให้เขาในวันกิยามะฮ์

ความผิดพลาดและบาปของเขาที่คุณเที่ยวตอกย้ำอย่างเป็นระบบและเทศกาล คุณพร้อมที่จะแบกรับมันใช่หรือไม่

#โปรดหายใจลึกๆ

#แล้วมองไปยังฟ้ากว้างอีกครั้ง

أعوذ بالله من الشيطان الرجيم

قُلْ هَٰذِهِ سَبِيلِي أَدْعُو إِلَى اللَّهِ ۚ عَلَىٰ بَصِيرَةٍ أَنَا وَمَنِ اتَّبَعَنِي ۖ وَسُبْحَانَ اللَّهِ وَمَا أَنَا مِنَ الْمُشْرِكِينَ (يوسف/١٠٨)


โดย Mazlan Muhammad

ว่าด้วยเรื่องการสร้างภาพและการเมือง [ตอนที่ 2]

นอกจากคนไทย 3 คนจากประเทศไทยในฐานะทีมช่างทำประตูกะอฺบะฮ์ ซึ่งนำโดยอ. อับดุลลอฮ์ นาคนาวาในฐานะล่าม ที่ได้รับโอกาสเข้ากะอฺบะฮ์เมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว (ดู http://islamhouse.muslimthaipost.com/article/21931 และแอดมินมีโอกาสสัมภาษณ์ ตลอดจนพูดคุยกับอ. อับดุลลอฮ์ นาคนาวาเมื่อ 6-7 ปีแล้วที่รีสอร์ทของท่านก่อนถึงเขายายเที่ยง โคราช) แอดมินยังไม่ทราบว่ามีชาวไทยคนไหนบ้างที่ได้รับเกียรติเข้ากะอฺบะฮ์ในฐานะแขกพิเศษของกษัตริย์ผู้อุปถัมภ์มัสยิดหะเราะมัยน์อันทรงเกียรติ

หากกวาดสายตาไปยังลูกหลานฟาฏอนี แดนระเบียงมักกะฮ์ด้วยแล้ว ด้วยความรู้อันน้อยนิดของแอดมิน ยังไม่ทราบว่ามีลูกหลานชาวฟาฏอนี ระเบียงมักกะฮ์ คนไหนบ้างที่มีโอกาสสุดพิเศษนี้ (หากมี ช่วยส่งข้อมูลด้วยครับ)

แต่ที่แน่ๆ ชายวัยเฉียด 70 ปีคนหนึ่ง ซึ่งชาวดินแดนระเบียงมักกะฮ์ส่วนหนึ่งขับไล่ไส่ส่งเขา ด่าทอและสาปแช่งเขา ฟิตนะฮ์และใส่ร้ายเขาตลอดเวลา แม้กระทั่งเด็กอมมือและนักเลงคีย์บอร์ดยังริจาบจ้วงเขาทุกยามเมื่อชนิดไม่หยุดหย่อน

เขาเคยถูกตัดต่อภาพสีเป็นรูปพระใส่จีวรเหลือง แลัวใส่รูปของเขาที่โกนหัวแทน เพื่อสื่อว่า แท้จริงเขาตกมุรตัดแล้ว (เป็นเหตุการณ์เกิดเมื่อราว 20 ปีแล้วในตัวเมืองของจังหวัดแห่งหนึ่งใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ในช่วงรอมฎอน) พร้อมคำใส่ร้ายด้วยฉายาอื่นๆมากมาย

คนๆเดียวกันนี้ ได้รับเขิญจากกษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย กษัตริย์คูเวต เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ รัฐบาลโอมาน รัฐบาลมอร็อคโกให้เดินทางละศีลอดร่วมกับแขกพิเศษ 40-50 คนทั่วโลก พร้อมได้รับการต้อนรับอย่างทรงเกียรติในนามแขกรัฐบาล

ที่สำคัญที่สุด เขาได้รับโอกาสเข้าในกะอฺบะฮ์และรับของขวัญผ้าชิ้นส่วนกะอฺบะฮ์จากผู้แทนกษัตริย์มาจำนวนมากกว่า 3 ครั้ง

(ผ้าชิ้นส่วนกะอฺบะฮ์ เป็นธุรกิจซื้อขายที่ได้รับความสนใจในหมู่ลูกหลานชาวระเบียงมักกะฮ์มาก โดยเฉพาะสายเปย์มือหนักๆ ถึงขั้นยอมควักจ่ายเงินเป็นแสนเพื่อได้ชิ้นส่วนผ้ากะอฺบะฮ์ ซึ่งไม่มีใครรับรองว่าเป็นของแท้ ดีไม่ดีกลายเป็นเม็ดอินชวาก็มีถมไป แต่พกกลับบ้านอย่างสบายอุรา)

เราไม่ทราบว่า เขาดุอาอะไรบ้างในอาคารกะอฺบะฮ์อันทรงเกียรตินั้น แต่เราแอบหวังว่า เราคือหนึ่งในดุอาของเขา เราพอใจแล้ว

ส่วนจะมีโอกาสเข้าในกะอฺบะฮ์เหมือนเขาบ้างนั้น แค่คิดก็ขนลุกแล้ว ลำพังแค่จูบหินดำและดุอาใต้รางทอง ก็กลายเป็นตำนานที่เล่าขานให้ลูกหลานไม่รู้จบแล้ว

เขาสร้างภาพเลอเลิศแค่ไหน ที่ได้โอกาสสุดพิเศษเยี่ยงนี้

#ถามจริง


โดย Mazlan Muhammad

ว่าด้วยการสร้างภาพและเล่นการเมือง [ตอนที่ 1]

น่าจะเป็นตำราวิชาการเล่มแรกกระมังที่เป็นผลงานเขียนของชาวฟาฏอนีในยุคนี้ ที่ได้รับการตีพิมพ์จำนวน 7 ครั้งในรอบกว่า 30 ปีโดยสำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียงสำนักหนึ่ง ณ ดินแดนกิบลัตแห่งความรู้อย่างอิยิปต์

ตั้งแต่พิมพ์ครั้งแรกจนกระทั่งพิมพ์ครั้งล่าสุด ท่านยังคงใช้ชื่อที่พ่วงท้ายด้วยคำว่า فطاني ย้ำครับว่า فطاني ที่มี ط ไม่ใช่ ت ตามที่ทุกคนเข้าใจนั่นแหละครับ

ที่มาของตำราเล่มนี้คือวิทยานิพนธ์ป.เอก ที่คณะกรรมการสอบคือปรมาจารย์ชั้นยอดด้านกฎหมายอิสลามในซาอุดิอาระเบียในขณะนั้น ซึ่งมีมติเอกฉันท์ให้คะแนนเกียรตินิยมอันดับ 1 ประเภทดีเลิศ พร้อมได้รับการแนะนำให้พิมพ์เผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ประชาคมโลก ซึ่งในวงการวิชาการถือว่าเป็นการให้คุณค่าและเป็นเกียรติประวัติอย่างสูงยิ่งแก่เจ้าของวิทยานิพนธ์

จนถึงปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์มาแล้ว 7 ครั้ง และถูกวางจำหน่ายไปยังร้านหนังสือทั่วโลกอาหรับและโลกอิสลาม รวมทั้งห้องสมุดมหาวิทยาลัยอิสลามชั้นนำกว่า 100 สถาบันการศึกษาทั่วโลก แม้กระทั่งบุคคลระดับดร. ยูซุฟ อัลเกาะเราะฎอวีย์ ยังใช้เป็นหนึ่งในหนังสืออ้างอิงในหนังสือของท่าน فقه الجهاد ที่ท่านได้ทุ่มเท ฝังตัวเองในบ้านและห้องสมุดเพื่อเขียนหนังสือเล่มนี้นานกว่า 5 ปี และที่สำคัญดร. อัลเกาะเราะฎอวีย์ได้ให้เกียรติด้วยการมอบหนังสือ فقه الجهاد อันทรงคุณค่านี้ให้กับนายฟาฏอนีคนนี้ด้วยมือของท่านเองเมื่อราว 7-8 ปีที่แล้ว พร้อมลงลายมือชื่อแทนความรักและการให้เกียรติที่มีต่อกัน

นี่คือเสี้ยวหนึ่งของการสร้างภาพและเล่นการเมืองของนายฟาฏอนีคนนี้ครับ

ปล.  เขาเริ่มสร้างภาพด้วยการใช้คำว่า “ฟาฎอนี” ที่ลงท้ายชื่อตัวเองเมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว สมัยที่ใครบางคนยังอยู่ในโลกวิญญาณด้วยซ้ำ

جزاه الله كل خير  وبارك في جهوده وحفظه ورعاه وكثر أمثاله


โดย Mazlan Muhammad

อิสลามบูรณาการ

บางคนระวังตัวว่าจะบังเอิญกลืนกินน้ำลงไปในลำคอหยดสองหยด กลัวจะทำให้เสียศีลอด 

แต่กลับไม่กลัวการกลืนกินสิทธิประโยชน์ของผู้อื่น  ที่จะทำให้โลกหน้าของตนเองเสียหาย”

ชัยค์มุฮัมมัด ฆอซาลี


แปลโดย Ghazali Benmad

ปรัชญามะพร้าว

1.มะพร้าว ตกจากที่สูง ไม่เเตก เพราะมีเปลือกหนาห่อหุ้มไว้ ดุจคนดีมีศีลธรรม เเม้คราวตกต่ำก็ไม่ทิ้งความดี มีเกราะหนาคอยคุ้มครองนั่นคือความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์

   

2. มะพร้าวมีน้ำได้ด้วยตนเอง ไม่มีใครตักน้ำใส่ ดุจคนผู้ใฝ่ดี แสวงหาความดี ทำดีได้ด้วยตนเอง เเต่ก็น้อมรับคำชี้เเนะของคนอื่นเสมอ

   

3. มะพร้าวตกน้ำไม่จมน้ำ ลอยน้ำได้ ดุจคนดีเเม้พลาดพลั้งในชีวิต ก็สามารถประคองชีวิตได้ ไม่จมอยู่กับความผิดพลาด นำพาตัวเองจากวิกฤตสู่โอกาสเสมอ

  

4.มะพร้าว จมดินโคลนที่สกปรกสามารถเติบโตงอกเงยได้ ดั่งคนดีเเม้เกิดในตระกูลต่ำ ยากลำบาก ก็ยังสามารถเติบโตก้าวหน้าเป็นคนดีในสังคม ยกฐานะทางสังคมของตนได้

         

5.      ทุกส่วนของต้นมะพร้าว ล้วนมีประโยชน์ ทั้งลำต้น ผล ใบ ก้าน กาบ ทาง น้ำ กะทิ เนื้อแม้กระทั่งกากมะพร้าว ถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้มนุษย์เรืองปัญญาให้ยึดปรัชญามะพร้าวในการดำเนินชีวิตให้เป็นคนที่สร้างประโยชน์แก่สังคมในทุกภาคส่วนทั้งความรู้ ประสบการณ์ ทรัพย์สิน ลาภยศ ชื่อเสียง และมิตรสหายเป็นต้น


โดย Mazlan Muhammad

ความรู้ที่ถูกยกไป

มูฮัมมัด อาลี อัศศอบูนีย์

อุละมาอฺผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค เกิดเมื่อ 1 มกราคม 1930 ที่เมืองหะลับ ซีเรีย เสียชีวิตแล้ว เมื่อ 19 มีนาคม 2021 ขณะอายุ 91 ปี ถือเป็นการสูญเสียผู้รู้ที่สำคัญในโลกอิสลามโดยเฉพาะด้านตัฟซีร อัลกุรอาน เจ้าของผลงาน مختصر تفسير ابن كثير،  صفوة التفاسير ، تفسير آيات الأحكام และอื่นๆ อีกกว่า 50 เล่ม

เคยได้รับการยกย่องเป็นบุคคลแห่งปีโลกอิสลาม ปี 2007 จาก “รางวัลนานาชาติดูไบเพื่ออัลกุรอาน”

เคยสอนที่คณะชะรีอะฮฺและอิสลามศึกษาที่นครญิดดะห์ร่วม 30 ปี ได้รับการแต่งตั้งจากมหาวิทยาลัยกษัตริย์ อับดุลอะซีซ เมืองญิดดะห์ เป็นผู้เชี่ยวชาญและนักวิจัยที่ศูนย์วิจัยและฟื้นฟูวัฒนธรรมอิสลาม เป็นที่ปรึกษาสันนิบาตโลกมุสลิมโลก เป็นผู้สอนและให้คำวินิจฉัยรายวันที่มัสยิดหะรอม เคยได้รับเชิญเป็นอิมามนำละหมาดตะรอเวี้ยะห์และละหมาดศุบฮิที่มัสยิดหะรอม

ชัยค์อัศศอบูนีย์ได้วิจารณ์นายบัชชาร์ อะสัด ประธานาธิบดีซีเรียว่าเป็น มุสัยลิมะฮ์ อัลกัซซาบ และตักเตือนชัยค์มูฮัมมัด รอมฎอน อัลบูฏีย์ ด้วยคำตักเตือนที่รุนแรงเพราะชัยค์อัลบูฏีย์สนับสนุนนายบัชชาร์ อะสัดและไม่เห็นด้วยกับการลุกขึ้นต่อต้านระบอบบัชชาร์ของประชาชนชาวซีเรีย

ด้วยจุดยืนอันดุดันและมั่นคงที่สนับสนุนและเคียงข้างการประท้วงของชาวซีเรีย ทำให้สื่ออาหรับและชาวซีเรียตั้งฉายาท่านว่า “الشيخ الثائر” หรือผู้เฒ่านักปฏิวัติ

غفر الله له ورحمه رحمة واسعة وأدخله فسيح جناته ورزق لأهله وذويه الصبر والسلوان


โดย Mazlan Muhammad

10 ผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ จอมทัพมุสลิมเชิงยุทธศาสตร์

คลิปดีๆ  สุดยอด  10 ผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ จอมทัพมุสลิมเชิงยุทธศาสตร์

1. อบูยะฟัร อัลมันซูร ผู้สร้างอาณาจักรอับบาซียะฮ์ตัวจริง

2. อับดุลเราะห์มาน อัดดาคิล  ผู้พิชิตไอบีเรียและสถาปนาอาณาจักรอิสลามในสเปนกว่า 780 ปี

3. อัลป์ อัรสะลาน เติร์กเซลจู๊กผู้เปิดประตูดินแดนอานาโตเลีย ผู้กรุยทางสู่อาณาจักรเติร์กออตโตมัน

4. นูรุดดีน ซังกี  ผู้พิชิตก๊กอาหรับเผ่าต่างๆ จนเป็นหนึ่งเดียว ทั้งอียิปต์และแคว้นชาม  เพื่อการกอบกู้มัสยิดอักซอ

5. ซอลาหุดดีน  อัยยูบีย์ แม่ทัพของนูรุดดีน ซังกี ผู้พิชิตครูเสดและกอบกู้มัสยิดอักซอ

6. ซัยฟุดดีน  กุตุซ  ผู้หยุดมองโกลในโลกมุสลิม ในสมรภูมิอัยน์จาลูต  อียิปต์

7. ยูซุฟ บินตัชฟีน  ผู้ปกครองดินแดนแอลจีเรีย โมรอคโค  ผู้ปราบครูเสดและปกครองแอนดาลุสเซีย  กว่า 400 ปี ไปจนวันกรานาดาล่มสลาย

8. มุฮัมมัด  ฟาติห์ แห่งออตโตมัน ผู้พิชิตคอนสแตนติโนเปิล

9. สะลีม ที่ 1 แห่งออตโตมัน ผู้พิชิตดินแดนต่างๆ จนออตโตมันมีดินแดนกว้างใหญ่สูงสุด ผู้พิชิตซาฟาวิด และปกครองอียิปต์  ชาม และหิจาซ

10. สุลัยมาน  กอนูนีย์ ผู้วางรากฐานทางกฎหมายของออตโตมัน และปกป้องโลกอาหรับจากการตกเป็นเมืองขึ้นของนักล่าอาณานิคม

#ศัตรูไม่เคยลืมพวกเขาแต่มุสลิมเรากลับลืมเลือน

#ชนใดไร้ประวัติศาสตร์ชนนั้นย่อมไร้อนาคต


โดย Ghazali Benmad

มัลคอล์ม เอกซ์ ชะฮีดผู้มอบชีวิตให้ศาสนา

มัลคอล์ม  เอกซ์  จากเด็กจรจัดสู่นักคิดระดับโลกด้วยการอ่าน ผู้ชักชวนมุฮัมมัดอาลีเข้ารับอิสลาม  ตลอดจนนำคนนับแสนเข้ารับอิสลาม และเสียชีวิตจากการถูกยิงขณะยืนปราศรัยเผยแพร่อิสลาม

นักเผยแพร่อิสลามและนักปกป้องสิทธิมนุษยชน  นักต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและความเสมอภาคชาวแอฟริกัน-อเมริกัน เข้าร่วมกับกลุ่ม Nation of Islam ในขณะเป็นนักโทษ

● การเกิดและการเลี้ยงดู

มัลคอล์ม  เอกซ์ เดิมชื่อ  มัลคอล์ม  ลิตเติ้ล เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1925 พ่อชื่อ อิรัล ลิตเติ้ล  เป็นบาทหลวงในนิกายแบบติสม์ และเป็นผู้เรียกร้องสิทธิของคนผิวดำ มีพี่น้อง  11  คน โดย 4 คนถูกฆ่าในช่วงกลุ่มคลูกลักแคลน -kkk-อาละวาดหนัก บ้านถูกเผาราบเรียบ

ครอบครัวของเขาต้องเปลี่ยนที่อยู่อาศัยมากกว่าหนึ่งครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดดันและการคุกคามของกลุ่มคลูคลักแคลน

ต่อมาครอบครัวย้ายในยังแลนซิง รัฐมิชิแกน มัลคอล์ม  เอกซ์  อายุได้ 6 ปี ในปี  1931 พ่อของเขาถูกฆาตกรรมโดยถูกกลุ่มกลูคลักแคลน kkk ทำร้ายจนตายและจับไปให้รถไฟฟ้าเหยียบทับ แต่รัฐบาลประกาศผลการชันสูตรศพระบุว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

หลังจากนั้นแม่ของเขาซึ่งมีอายุ  34  ปี พร้อมลูก 7 คน ต้องทำงานทุกอย่างเลี้ยงลูก จนต้องเข้าสถานบริการสุขภาพจิต ในปี 1936 เนื่องจากเธอทุกข์ทรมานจากการสูญเสียสามีและความเครียดในการหางานทำทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูเด็กๆ  หลังจากนั้นๆ ลูกๆของนางก็กระจัดกระจายไปยังศูนย์เลี้ยงเด็กในที่ต่างๆ 

ขณะอยู่ในสถานเลี้ยงเด็ก มัลคอล์ม  เอกซ์   ใฝ่ฝันที่จะเรียนกฎหมาย แต่ถูกไล่ออกจากโรงเรียนตั้งแต่มัธยมศึกษาตอนต้น

การไม่ยอมรับสภาพความเป็นจริงทางสังคมที่เขามองว่าเหยียดผิวและไม่ยุติธรรม  เขาจึงย้ายไปบอสตัน แมสซาชูเซตส์ ทำงานทุกอย่างที่คนผิวดำทำได้ ตั้งแต่ล้างจาน เช็ดรองเท้า  เฝ้ายาม ขายแซนด์วิช และจมดิ่งสู่วงการการพนัน และยาเสพติด  จากนั้นก็ถูกคุมขังในสถานพินิจใน 1946  ในข้อหาลักทรัพย์และปล้น

เรือนจำเป็นสถานีชีวิตที่โดดเด่นในชีวิตของเขา  เขาเริ่มต้นศึกษามัธยมปลาย และศึกษาด้วยตนเองโดยใช้ประโยชน์จากห้องสมุดเรือนจำ และการสนทนาด้านความเชื่อ

ในปี 1948 พี่น้องของเขาจากข้างนอก บอกข่าวว่า พวกเขานับถือศาสนาใหม่ เป็นศาสนาของคนผิวดำ ที่จะปลดปล่อยคนดำออกจากคนขาว เรียกว่า ศาสนาอิสลาม ที่นำโดยกลุ่ม “Nation of Islam” มีศาสดาชื่อ มุฮัมมัด ฟาร๊อจ  โดยมีผู้สืบทอดชื่ออาเลจาห์ มุฮัมมัด มีพระเจ้า 2 องค์ คือพระเจ้าความดี ซึ่งมีผิวดำ และพระเจ้าความชั่ว ซึ่งมีผิวขาว  ละหมาดวันละ 2 เวลา ถือศีลอดปีละ 1 วัน คือในวันคริสต์มาส  ซะกาตจ่ายให้กับศาสดาอาเลจาห์ มุฮัมมัด  ฮัจญ์สำหรับผู้ไร้ความสามารถ ให้ไปเยี่ยมบ้านอาเลจาห์ มุฮัมมัด

เขาเริ่มคุ้นเคยกับงานเขียนขององค์กร “Nation of Islam ประชาชาติอิสลาม” เขาสนใจคำสอนของเอลียาห์ มูฮัมหมัดและงานเขียนของเขาในการวิพากษ์วิจารณ์ความเป็นชายขอบของชุมชนคนผิวดำและการไม่ให้อำนาจแก่พวกเขา  ทั้งในด้านการเมืองสังคมและเศรษฐกิจ

จากการเปลี่ยนศาสนา การชอบโต้แย้ง วิพากษ์ และไม่มีงานอื่น  ทำให้มัลคอล์ม เอกซ์  อุทิศตนให้กับการอ่านหนังสือศาสนา ปรัชญาตะวันตกและตะวันออก วรรณกรรม  กฎหมายและประวัติศาสตร์อย่างบ้าคลั่ง วันละ   15  ชม.  ตลอดจนการโต้เถียงและวิพากษ์สังคมร่วมกับเพื่อนๆในคุก

ด้วยทุนทางความรู้เหล่านั้น ทำให้มัลคอล์ม เอกซ์   กลายเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาใหม่ในคุก จนมีผู้ตามมากมาย 

มัลคอล์ม เอกซ์  สอนนักโทษให้เคร่งครัดในคำสอนศาสนา  และละทิ้งนิสัยไม่ดีทั้งหลาย

จากพฤติกรรมที่ดีเยี่ยมในคุก มัลคอล์ม เอกซ์ ได้รับการปล่อยตัวจากคุกก่อนกำหนดในปี 1952 และกลายเป็น “สมาชิกผู้อุทิศตน” ขององค์กร “Nation of Islam ประชาชาติอิสลาม”

เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นโฆษกอย่างเป็นทางการขององค์กรและดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการในเขตบอสตัน ฟิลาเดลเฟียและนิวยอร์กเขาก่อตั้งมัสยิดใหม่สำหรับองค์กรในดีทรอยต์และนิวยอร์ก  และในปี 1957 ได้เปิดตัวหนังสือพิมพ์ชื่อ “Elijah Muhammad Talks “ เป็นกระบอกเสียงขององค์กร

ด้วยความสามารถพิเศษ ความกระตือรือร้นและความสามารถในการมีอิทธิพลของเขา  เขาสามารถดึงดูดชาวอเมริกันผิวดำหลายพันคนให้เป็นสมาชิกกลุ่ม สมาชิกของพวกเขาจึงทวีคูณหลายสิบเท่า และมีจำนวนถึงสามหมื่นในปี 1957 หลังจากที่พวกเขาประมาณ 500 คน ในปี  1930

ผลจากการอ่านอย่างบ้าคลั่งในคุก ขณะนี้เขาประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้สนับสนุน และนำเสนอแนวคิดที่โดดเด่น เขาจึงได้ออกรายการในสื่อที่มีชื่อเสียงที่สุด  และเข้าร่วมในการสัมมนาและการอภิปรายในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในอเมริกาและได้รับการจัดอันดับโดย  นสพ.  New York Times ให้เป็นนักเผยแผ่ศาสนาที่มีอิทธิพลอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา

ชื่อเสียงของเขาแซงหน้าชื่อเสียงของที่ปรึกษาและที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณของเขา  เอลีจาห์  มูฮัมหมัด  ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาเริ่มต้นขึ้น เมื่อมัลคอล์ม เอกซ์ ถูกห้ามพูดในนามของ “ประชาชาติอิสลาม” เป็นเวลา  90 วัน เมื่อเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลอบสังหารของ ประธานาธิบดีจอห์นเอฟ. เคนเนดี ว่า เป็นเพราะทำตัวเอง

ในเดือนกุมภาพันธ์ 1964 เขาชักชวนให้ แคสเซียส เคลย์ แชมป์มวยโลก ประกาศเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม  และเปลี่ยนชื่อเป็น มูฮัมหมัดอาลี และเข้าร่วมกลุ่มของเขา

ในปี  1964 มัลคอล์ม เอ็กซ์  ไปประกอบพิธีฮัจญ์ เพื่อไปขอบริจาคให้กับกลุ่ม และกลับมาพร้อมกับแนวทางใหม่ในการดำเนินการต่อสู้ในขบวนการสิทธิพลเมือง โดยมีวิสัยทัศน์ทางศาสนาอิสลามที่แตกต่างไปจากแนวทางก่อนหน้าของเขา

ผลกระทบจากการไปเห็นชาวมุสลิมที่อยู่เคียงข้างกันการละหมาดในแถวที่ชิดกัน  การรับประทานอาหารจากจานเดียวกัน และการพูดในการชุมนุมที่เป็นหนึ่งเดียวโดยไม่มีความแตกต่างระหว่างสีผิวและเชื้อชาติ  ทำให้มัลคอล์ม เอ็กซ์ เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

มัลคอล์ม เอ็กซ์ กล่าวว่า  อเมริกาต้องเรียนรู้อิสลาม  เพราะอิสลามเป็นศาสนาเดียวที่แก้ปัญหาเหยียดผิวได้

เขาเลิกการเหยียดผิวขาว และประกาศเข้ารับอิสลามใหม่ พร้อมเดินทางไปอียิปต์เพื่อศึกษาศาสนาอิสลามกับชัยค์หะสะนัยน์  มัคลู๊ฟ  มุฟตีย์อียิปต์ขณะนั้น รวมถึงอุลามาอ์อื่นๆของอัซฮัร

เขาเพิ่มชื่อแรกของเขาว่า “ฮัจยีมาลิก  ชาบาซ”

กลับจากฮัจญ์  มัลคอล์ม เอ็กซ์ ได้พูดชักชวนเอเลจาห์  มุฮัมมัด ให้แก้ไขกฎเกณฑ์แนวปฏิบัติของกลุ่ม

และชักชวนให้ไปประกอบพิธีฮัจญ์ เพื่อจะได้เห็นศาสนาอิสลามที่แท้จริง แต่เอเลจาห์  มุฮัมมัด ปฏิเสธ

มัลคอล์ม เอ็กซ์  จึงออกมาตั้งกลุ่มใหม่ เป็นกลุ่มอิสลามอะลิซซุนนะฮ์ ไม่ต่อต้านคนผิวขาว และเข้าไปมีส่วนร่วมในการสมัครเลือกตั้งในระดับต่างๆ  ได้ออกปราศรัยทางการเมืองและเรียกร้องสิทธิของคนผิวดำ

เสียงเรียกร้องของเขาก็เริ่มดังขึ้นจากวงล้อมของชาวอเมริกันผิวดำ กระจายออกไปยังเผ่าพันธุ์และส่วนประกอบต่างๆของสังคมอเมริกัน

มัลคอล์ม เอ็กซ์ สนับสนุนและต่อสู้เพื่อจัดตั้ง “องค์กรเอกภาพแห่งแอฟริกันอเมริกัน” ในความพยายามที่จะเชื่อมโยงการต่อสู้ของคนอเมริกันผิวดำกับการต่อสู้ของชาติในแอฟริกาที่กำลังดิ้นรนเพื่อการปลดปล่อยแห่งชาติ

ในช่วงสองปีสุดท้ายของชีวิตเขาทุ่มเทให้กับการเขียนอัตชีวประวัติร่วมกับนักเขียน “อเล็กซ์เฮลีย์” ซึ่งตีพิมพ์ไม่นานหลังจากการฆาตกรรมของเขาภายใต้ชื่อ “อัตชีวประวัติของมัลคอล์ม”

● การเสียชีวิต

มัลคอล์ม เอ็กซ์  ถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1965 โดยมือปืนสามคนจาก Nation of Islam ที่กระหน่ำยิงเขาในนิวยอร์ค ขณะที่กำลังปราศรัยเผยแผ่ศาสนาอิสลาม   และถูกฝังไว้ใน Ferncliffe Cemetery ใน Hartsdale, New York

● หลังการเสียชีวิต

ต่อมา วารีษุดดีน  บุตรชายของเอเลจาห์  มุฮัมมัด  ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำกลุ่ม Nation of Islam หลังการเสียชีวิตของบิดา  วารีษุดดีน  เลื่อมไสในแนวคิดของ มัลคอล์ม เอ็กซ์ ได้นำสมาชิกกลุ่มทั้งหมดที่มีราวๆ 2 แสนคน เข้ารับอิสลามที่ถูกต้องและยกเลิกกลุ่ม Nation of Islam

จึงกล่าวได้ว่า เด็กจรจัดอย่างมัลคอล์ม เอ็กซ์  เป็นผู้นำคนนับแสนเข้ารับอิสลามด้วยประการฉะนี้

ขอให้อัลลอฮ์ตอบแทนความดีงามของท่าน


โดย Ghazali Benmad

ทักษะการใช้ความนิ่งในอิสลาม

หากการนิ่งเงียบหรือไม่ตอบโต้ ถือเป็นการพ่ายแพ้หรือจนตรอก การดะวะฮฺของนบีก็คงพ่ายแพ้หรือประสบภาวะจนตรอก نعوذ بالله من ذلك   เพราะอัลกุรอานสอนเราหันหลังให้กับคนโง่เขลา และหะดีษสอนเราให้พูดแต่ความดี หรือไม่ก็นิ่งเสีย ดังนั้นหลักสำคัญอย่างหนึ่งในการทำงานอิสลามคือนิ่งกับบททดสอบหรือเรื่องที่ไร้สาระ แต่ต้องเคลื่อนไหวทำงานดะอฺวะฮฺอย่างต่อเนื่อง อย่าแสดงกริยาก้าวร้าว ใช้วาจาสามหาว

เพราะปัจจุบัน เราอยู่ในยุคที่หากมนุษย์พูดกับก้อนหินว่า : จงเป็นมนุษย์เถอะ

ก้อนหินคงตอบว่า : ขอโทษ ฉันยังไม่แข็ง(กร้าว)พอเท่าคุณ


โดย Mazlan Muhammad