การที่คน ๆ หนึ่ง สามารถยืนหยัดเผยแผ่อิสลามนานกว่า 50 ปี เขียนตำราเรียนระดับตาดีกาชั้นประถมและมัธยมในโรงเรียนสอนศาสนาตั้งอายุ 17 ปี พร้อมทั้งได้มีส่วนร่วมบุกเบิกฟื้นฟูสุนนะฮ์นบีในทุกแง่มุมชีวิตเท่าที่มีความสามารถและโอกาส โดยไม่เคยครั่นคร้ามกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์และคำด้อยค่าจากฝ่ายเห็นต่าง เสียงก่นด่าจากทั่วทุกสารทิศ ได้ประเคนเข้าไปในชีวิตเขาราวห่าฝนยิ่งกว่าวัสสานฤดู แต่วันเวลาได้พิสูจน์ว่า เขาคือเมล็ดพันธุ์ ยิ่งเหยียบ ก็ยิ่งแตกหน่อชูช่อ ทองแท้ไม่เคยกลัวไฟ
แทบกล่าวได้ว่า ในระยะเวลาดังกล่าว คืนวันไม่เคยผันผ่าน เว้นแต่เราจะได้ยินจากชายคนนี้ว่า قال الله وقال الرسول
(อัลลอฮ์กล่าวว่า นบีกล่าวไว้)
ผมเผ้าจากสีดำสนิท ปัจจุบันกลายเป็นสีขาวไปตามกาลเวลา เรี่ยวแรงที่เคยหนุ่มแน่น ปัจจุบันอาจร่วงโรยไปบ้างตามอายุขัย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยแปรเปลี่ยนจากชายผู้นี้คือความมุ่งมั่นทำงานเพื่อความสูงส่งของอิสลามและสังคมมุสลิมชนิดต้องแข่งขันกับเวลาแทบทุกวัน
ومن شاب شيبة في الإسلام، كُتب له بها حسنة، وحُطّ عنه بها خطيئة، ورُفِع له بها درجة) رواه ابن حبان وحسنه الألباني.
(ผู้ใดที่มีผมหงอกในอิสลามเพียงเส้นเดียว เขาจะได้รับด้วยผมหงอกเส้นนั้น 1 ความดี และถูกลบล้างความผิด 1 กระทง พร้อมได้รับการยกระดับอีก 1 ชั้น)
เขาคือนักพรตยามค่ำคืน และอัศวินภาคกลางวันที่สามารถจับต้องได้ ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาจวบจนถึงวัยเลยเกษียณ ถึงขนาดแอดได้ยินเสียงพึมพำจากคนใกล้ชิดว่า ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน
ผู้เขียนเคยคิดคนเดียวว่า หากทำทน้าที่แทนเขาเพียงแค่รับโทรศัพท์รายวันแค่งานเดียว ผู้เขียนคงประสาทแดกแล้ว
ยังไม่รวมงานรับแขกที่เริ่มต้นจากตาสีตาสาไปจนถึงแขกผู้หลักผู้ใหญ่ทุกระดับและวงการ งานประชุมติดตามภารกิจ การเดินทางทั้งในและต่างประเทศ งานวิชาการ งานสอน บรรยายและแต่งตำรา เวทีนำเสนอผลงานวิชาการ งานรับเชิญทั้งงานราษฎร์งานหลวง แม้กระทั่งหน้าที่ในครอบครัวในฐานะสามี คุณพ่อ คุณตาคุณปู่และอาบีของลูกศิษย์ที่กระจัดกระจายไปเต็มบ้านเต็มเมือง
น่าแปลก ที่บางคนในสังคมนี้ โดยเฉพาะกลุ่มชนที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไม่รู่ว่าพวกเขาไปสะสมความอาฆาตแค้นมาจากไหน เขาไปรับพิษร้ายของความรู้มาจากแหล่งใด ถึงได้ใช้วาจาสถุลจาบจ้วงชายชราอายุกว่า 73 ปี ผู้นี้เหมือนไม่เคยอ่านและเรียนรู้หะดีษที่นบีพูดถึงเรื่องราวของผู้ล้มละลายในวันอาคิเราะฮ์บ้างเลย
หากเขาคือชายชราปกติทั่วไป คนที่จาบจ้วง ใส่ร้ายเขา ก็แทบไม่รู้จะชดใช้อย่างไร ณ อัลลอฮ์แล้ว แต่หากเขาเป็นบุคคลที่เป็นที่รักยิ่ง ณ อัลลอฮ์ ชีวิตของคน ๆ นั้นไม่มีทางได้ดิบได้ดีทั้งดุนยาแล้วอาคิเราะฮ์
หะดีษกุดซีย์รายงานโดยอิมามบุคอรี / 6502
إن اللَّهَ قالَ: مَن عادَى لي وَلِيًّا فقَدْ آذَنْتُهُ بالحَرْبِ
ความว่า : อัลลอฮ์กล่าวว่า ผู้ใดที่ทำศัตรูกับคนที่ข้ารัก (วะลีของข้า) แน่นอนข้าจะประกาศสงครามกับเขา
ผู้เขียนขอนะศีฮัตแก่มนุษย์ประเภทนี้ให้เตาบัตและยำเกรงอัลอฮ์มากที่สุดและให้เร็วที่สุด หากยังไม่สำนึก ก็คงไม่มีอะไรจะกล่าวนอกจากคำว่า قل موتوا بغيظكم
( จงกล่าวเถิดโอ้มูฮัมมัด พวกท่านจงตายพร้อม ๆ กับความอาฆาตแค้นของพวกท่านเถิด)
เราเป็นสังคมที่คุ้นชินกับก้อนกรวด จึงไม่รู้คุณค่าของเพชรในตม เรามักให้ค่าสิ่งไร้สาระ เราจึงไม่สามารถประเมินสิ่งที่มูลค่าหมื่นล้านได้ การอุปมาดั่งกิ้งก่าได้ทอง อาจดูน้อยไปสำหรับคนบางประเภทในสังคมนี้
ขอสาบานด้วยนามของอัลลอฮ์ หากกลุ่มชนเหล่านั้นได้รับโอกาสหรือคำยกย่องสดุดีจากผู้รู้และนักเคลื่อนไหวอิสลามทั่วโลกเหมือนที่เขาได้รับ แม้เพียงครั้งเดียว เชื่อว่า พวกเขาจะต้องไปอวดอ้างสรรพคุณตัวเองไปตลอดชีวิต ดีไม่ดีอาจบันทึกความทรงจำนี้ในกรอบสีทองด้วยซ้ำ
เขาคือนักต้มตุ๋นหลอกลวง แต่เขาคือคนที่ชาติอาหรับและโลกอิสลามไว้ใจ เชื่อใจและภูมิใจมากที่สุด แม้กระทั่งวันเวลาผ่านไปกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว
อาหรับทั้งชาติสิ้นคิดถึงขนาดไปไว้วางใจนักต้มตุ๋นระดับโลกให้บริหารโครงการระดับพันล้านนานนับครึ่งศตวรรษเชียวหรือ
เราเคยเห็นคนหลอกลวงที่ไหนในโลกนี้ที่ได้รับเชิญเป็นแขกพิเศษของกษัตริย์ 5-6 ประเทศ
เราเคยเห็นผู้ก่อการร้ายอันดับ 1 ของอาเซียน ที่ได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นสนช. อะมีรุ้ลฮัจญ์ ที่ปรึกษาประธานรัฐสภา ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี ฯลฯ บ้างไหม
ยังไม่รวมตำแหน่งต่าง ๆ ในระดับโลก ที่หลาย ๆ คนแทบไม่มีโอกาสและไม่กล้าคิดแม้กระทั่งจะเพ้อฝัน
เขาคือผู้จุดประกายความแตกแยก สร้างความปั่นป่วนในสังคม แต่ในขณะเดียวกัน เขาได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากทุกฝ่าย ทั้งภาคเอกชนหรือภาครัฐ องค์กรศาสนา แวดวงวิชาการ การเมืองหรือภาคประชาสังคม
เขาไม่เคยวิ่งเต้น ร้องขอตำแหน่ง แต่ดูเหมือนว่าทุกตำแหน่งเหมาะสมและวิ่งสู่ไปหาเขาในทุกโอกาส
สิ่งที่น่าทึ่งคือ เราไม่เคยได้ยินวาจาสถุลหลุดออกจากปากชายคนนี้ทั้งคำพูดหรือข้อเขียน เขาพูดอยู่เสมอว่า ปรบมือข้างเดียว ไม่ดังหรอก ปล่อยให้เขาปรบมือต่อยลมข้างเดียวไปเถอะ เราอย่าไปบ้าจี้ตาม
แต่ที่น่าทึ่งยิ่งกว่า เขาสามารถอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาและสหายร่วมอะกีดะฮ์ไม่ให้ตกหลุมพรางในพฤติกรรมถ่อยเถื่อนนี้ เขาเตือนสติผู้ใกล้ชิดตลอดว่า “ต่างคนต่างทำหน้าที่ก็แล้วกัน”
เขาพูดเสมอว่า การให้เกียรติคนอื่น ไม่ได้แสดงว่าเราชอบพอเขาเสมอไป แต่มันแสดงถึงการได้รับการตัรบียะฮ์(การอบรมสั่งสอน) ที่ดี ดังนั้นท่านทั้งหลายจงมีมารยาทดีต่อผู้อื่น ถึงแม้พวกท่านไม่ชอบพอคนนั้นก็ตาม
ทำให้ผู้เขียนนึกถึงสำนวนโวหารอาหรับท่อนหนึ่งขึ้นใจ
القافلة تسير والكلاب تنبح
กองคาราวานจะเดินไปโดยไม่หยุดหย่อน
ฝูงสุนัขก็จะเห่าหอนอย่างไม่หยุดยั้ง
หะดีษท่อนหนึ่งกล่าวว่า
اعملوا فكل ميسر لما خلق له
จงปฏิบัติอะมั้ลกันเถิด เพราะแต่ละคน จะถูกปล่อยให้ปฏิบัติกิจโดยง่ายดาย จากสิ่งที่เขาถูกสร้างมาเพื่อกิจนั้น
หากเขาถูกสร้างมาเพื่อเป็นชาวสวรรค์ เขาจะปฏิบัติกิจของชาวสวรรค์อย่างง่ายดาย
เช่นเดียวกันกับ หากเขาถูกสร้างมาเพื่อเป็นชาวนรก เขาก็จะปฏิบัติกิจของชาวนรกได้อย่างคล่องแคล่วเช่นกัน نعوذ بالله من ذلك
ต่างคนต่างมีหน้าที่ประจำจริง ๆ
حفظ الله فضيلة الشيخ الدكتور إسماعيل لطفي من كل سوء وفتن ما ظهر منها وما بطن ووفقه لما فيه خير الإسلام والمسلمين وجزاه الله عن الإسلام والمسلمين كل خير
สนใจศึกษาประวัติชายผู้นี้เชิญอ่านหนังสือเล่มนี้ได้
สนใจติดต่อทางเพจ Mazlan Muhammad หรือ Theustaz.com
โดย Mazlan Muhammad