Fake news | ประธานาธิบดีทรัมป์พึ่งมุสลิมปัดเป่าให้พ้นโควิด-19

ช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19ขณะนี้ มีคลิปหนึ่งที่สร้างความฮือฮาในโลกอาหรับและโลกมุสลิมที่มีภาพของประธานาธิบดีทรัมป์ที่อยู่ท่ามกลางเจ้าหน้าที่บริหารประเทศระดับสูงกำลังให้ชายคนหนึ่งเป่าคาถาด้วยภาษาอาหรับสำเนียงชาวโมร็อคโก โดยคลิปดังกล่าว ตั้งชื่อคลิปเป็นภาษาอาหรับ ซึ่งมีความหมายว่า ประธานาธิบดีทรัมป์พึ่งดุอาตามหลักการอิสลาม หวังให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 (ดูคลิป 1)

หลังตรวจสอบแล้ว พบว่าคลิปดังกล่าวได้เผยแพร่เมื่อปี 2017 ขณะที่ทรัมป์และเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวชาวคริสเตียนได้ขอพรให้กับเหยื่อพายุเฮอริเคนฮาร์วี่ที่ถล่มสหรัฐฯเมื่อปี 2017 โดยมือดีไปเปลี่ยนเสียงเดิมเป็นบทดุอาด้วยภาษาอาหรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 (ดูคลิป 2)

จนกระทั่งมุสลิมหลายคนเชื่อว่าทรัมป์เชิญมุสลิมมาปัดเป่าไวรัสร้ายจริงๆที่ทำเนียบขาว

คลิปดังกล่าว จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับความเป็นจริง จึงขอให้มุสลิมทุกคนเฝ้าระวังอย่าตกเป็นเหยื่อในโลกยุคโซเชียล ทางที่ดีที่สุดคือมาตรการ ชัวร์ก่อนแชร์

เรื่องราวลุงที่เสียชีวิตบนรถไฟ

ลุงที่เสียชีวิตบนรถไฟที่ทับสะแก ที่แท้คือวิศวกร จบจากเมกา
นี่คือเรื่องราวของเขาผ่านการบันทึกของเพื่อนรัก
สังคมมักจะพอใจกับองศาแรกที่เจอเสมอ ทั้งๆที่วงกลมมี 360 องศา
غفر الله له ورحمه وأسكنه فسيح جناته وتقبله من الشهداء

fb ที่ใช้นามว่า Abu Gibrel Jacob ได้เล่าเรื่องลุงที่เสียชีวิตบนรถไฟ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขา ด้วยข้อความที่น่าสนใจ ที่อยากเชิญชวนพี่น้องอ่านจนจบครับ
———

#นายช่างเปาะยาที่ผมรู้จัก เมื่อวานทุกคนคงได้อ่านข่าวจากหลายๆสำนัก ที่ลงข่าวของ”ลุง” คนหนึ่งที่เสียชีวิตบนรถไฟที่ทับสะแกขณะเดินทางกลับบ้านที่สุไหงโกลก

ผมอาจจะเขียนยาวหน่อยและขอให้ทนอ่านจนจบเพราะจะได้เข้าใจระบบนิเวศทางสังคมของสามจังหวัดด้วย ตอนแรกว่าจะไม่เขียนเพราะถือเป็นเรื่องไพรเวซี่ของผู้ที่จากไปแล้ว แต่พอดูคอมเม้นท์ในหลายๆที่ ทำให้อยากเขียนขึ้นมา บุรุษผู้นี้ชื่อตามบัตรคือนายอนันต์ แต่ในหมู่เพื่อนสนิทจะเรียกเปาะยา (เปาะ+ซาการียา) เป็นคนสุไหงโกลกอายุรุ่นเดียวกับผม สมัยเด็กๆไม่ได้สนิทกัน แค่ทักทายกันธรรมดาเพราะเคยเรียนอัลกุรอ่านที่เดียวกันแต่ในระดับร.ร ประถมเรียนคนละโรง คนสุไหงโกลกที่เกิดปี 05-06 ทั้งเจ้กจีนแขกสีแย จะรู้จักเขาดีในเรื่องความฉลาด เขาจะสอบได้อันดับต้นๆ ยังไม่ทันจบประถม หนุ่มเปาะยาข้ามฝั่งไปเรียนอีกประเทศ ( อันนี้เป็นความสามารถพิเศษของคนชายแดนที่ข้ามฝั่งไปเรียนได้ คนที่อื่นเลียนแบบไม่ได้) ทำให้เราห่างเหินและขาดการติดต่อกันตั้งแต่นั้นมา และเขาจบประถมด้วยคะแนนข้อสอบกลางแบบดีเยี่ยม จนได้รับคัดลือกให้เข้าเรียนมัธยมmrsm pengkelan chepa เป็นร.ร ประจำชั้นเยี่ยม เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งก็คือ ดาโต้ะสรี มุคริส มาฮาเดร์ มุขมนตรีรัฐกือดาห์ สุดท้ายเปาะยาไปจบวิศวกรรมเครื่องกลที่สหรัฐอเมริกา ผมมาเจอกับเปาะยาอีกครั้งเมื่อปึค.ศ1991 ในไซต์งานซ่อมทางสายจือลี – กือริก คือถนนที่ตัดผ่านยอดเขาตีตีวังษา( สันกาลาคีรี) ถนนที่เต็มไปด้วยโค้งปราบเซียนและยังมีช้างป่าเดินเพ่นพ่านตลอดเวลา เปาะยามาเป็นวิศวกรเครื่องจักรกล แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือเขาต้องใช้ไม้พยุงใต้รักแร้ทั้งสองข้างในการเดินเหิน ผมเพิ่งรู้ก็คราวนี้แหละว่าเขาประสพอุบัติเหตรถจักรยานยนต์ล้มจนขาหักหัวเข่าเสีย ทั้งๆที่ใช้ไม้เท้าไม้พยุงนี่แหละ นายช่างเปาะยาก็ยังสามารถที่จะปีนขึ้นไปตรวจถังไซโลปูนซีเมนต์และไซโลยางมะตอยได้ด้วยตนเอง

ผมได้ร่วมงานกับนายช่างเปาะยาอีกสองไซต์งานในงานก่อสร้างถนนสายอีโปห์- คาเมรอนไฮแลนด์ ตอนนั้นตำแหน่งผมเริ่มใหญ่ขึ้นก็เลยมีโอกาศร่วมประชุมระดับบริหารไซต์งาน ก็เลยได้รับรู้ถึงระดับความสามารถในภ.อังกฤษของนายช่างเปาะยาแบบแจ่มแจ้ง เวลาเขาพูด ถ้าเราปิดตาฟัง คงคิดว่ามีอเมริกันอัฟริกันมาร่วมประชุมด้วย

เราแยกกันอีกครั้งใน ปี2000 นายช่างเปาะยาลาออกจากบริษัทในเครือที่ผมทำงานด้วยเพื่อร่วมงานก่อสร้างเขื่อนทีอุตรประเทศในอินเดียที่อิตาเลี่ยนไทยได้งาน ถ้าจำไม่ผิดตามด้วยงานที่ลาวและจบด้วยงานเหมืองถ่านหินที่กาลิมันตันในอินโดนิเซีย( ถ่านหินน่าจะเตรียมมาป้อนที่เทพา) และแล้วนายช่างเปาะยาก็ลาออกจากงานทั้งหมดกลับมาอยู่บ้านและเริ่มทำงานดะวะห์ประมาณสักห้าปีที่แล้ว

เปาะยาเป็นคนโลว์โปรไฟล์ แม้จะจบนอกทำงานมีหน้ามีตา แต่เขาทำตัวสบายๆ นุ่งยีนส์เก่าๆใส่เสื้อยืดตราห่านและคาดผ้าขาวม้าที่เอวใว้ซับเหงื่อ ไม่สูบซิกาแร้ต แต่สูบยาเส้นห่อใบจากแบบคนงาน #นายช่าง น่าจะมีโรคเบาหวานมาตั้งแต่อายุ30ต้นๆเพราะดื่มชากาแฟไม่ใส่นํ้าตาลตลอด ถ้าไม่รู้จักเขาดี เปาะยาจะดูเป็นคนที่คบยาก แต่สำหรับผม เขาคือคนที่น่าคบคนหนึ่งและคบง่าย เปาะยาทำอาหารได้รสชาดมากโดยเฉพาะแกงเขียวหวาน พอเปาะยากลับมาอยู่บ้าน เราก็เจอกันบ่อยขึ้น เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณสักสองเดือนที่ผ่านมา แกแวะมาละหมาดมัฆริบที่มัสยิดที่ผมไปบ่อย เรายืนอยู่แถวหน้าสุด เปาะยาพิงไม้เท้าของเขาที่ตู้ข้างหน้า ขณะกำลังซูยุด ไม้เท้าเกิดล้มดังครืน ตกใจกันทั้งแถว ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกัน

ในคลิปวิดิโอที่เอามาแชร์กันที่เปาะยาเดินเข้าช่องขายตั๋วรถไฟ บางคนถึงกับใส่ร้ายว่าเปาะยาจงใจใอหรือจามใส่คนที่ยืนอยู่ข้างหน้า ผมเป็นคนคิดบวก ลองเราเป็นเปาะยาบ้าง มือข้างหนึ่งจับกำถือไม้ค้ำ ซึ่งเป็นมือข้างที่ถนัด แล้วเวลาจะจามนี่ จะคิดได้ทันหรือ เราคนปกติบางทีก็ปล่อยแม่งออกมาแบบนั้นแหละ และอีกอย่างก็คือ มุมกล้องทำให้ดีเป็นร้ายได้ทันที อันนี้คนใช้กล้องเขาจะเข้าใจดี ตอนที่ได้รับข่าวการเสียชีวิตของเขา ยังคิดว่าเขากลับมาจากโยที่อินโดนีเซีย เพิ่งรู้จากข่าวนี่แหละว่าเขาเดินทางมาจากปากีสถาน พร้อมกับเอกสาร fit to fly แต่ก็มีคอมเม้นท์เหยียดๆตามกันมา #เพราะท่านผิดมาตั้งเกิดแล้ว #ผิดที่เกิดมาเป็นแขก หลับให้สบายน่ะนายช่างเปาะยา อัลลอหรักท่าน จึงดึงท่านมาทำงานดะวะห์ในบั้นปลายชีวิต https://www.nationtv.tv/main/content/378768529/?qline= اللهم اغفر له وارحمه

ขอบคุณ
Abu Gibrel Jacob

องค์การกิจการศาสนาตุรกีระบุ การละหมาดญะมาอะฮ์ที่มัสยิดและละหมาดวันศุกร์ช่วงโรคระบาด ขัดกับหลักการศาสนา

องค์การกิจการศาสนาของตุรกีให้ยาแรง ระบุ “การไปละหมาดญามาอะฮ์และละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดช่วงโรคระบาดเป็นการกระทำที่ผิดหลักการอิสลาม”

ศ.ดร.อาลี อาร์บาช ประธานองค์การกิจการศาสนาของตุรกีฟัตวาว่า ไม่อนุญาตละหมาดญามาอะฮ์และละหมาดวันศุกร์ในมัสยิดช่วงโรคระบาด

ศ.ดร.อาลี อาร์บาช กล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รายงานโดยสำนักข่าวอานาโตลู ( AA-Anadolu Agency ) สำนักข่าว Dogan และ TRTARABIC ว่า การประกาศงดละหมาดญามาอะฮ์และละหมาดวันศุกร์ในมัสยิดเป็นเรื่องของมาตรการป้องกัน พร้อมชี้ให้เห็นว่า การปฏิบัติตามคำสั่งในเรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็นตามหลักกฎหมายอิสลาม

ศ.ดร.อาลี อาร์บาชเสริมว่า การยืนกรานที่จะละหมาดวันศุกร์และละหมาดญามาอะฮ์ เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับบทบัญญัติทางศาสนา โดยเน้นว่าองค์การกิจการศาสนาของตุรกีใช้มาตรการป้องกันตามฟัตวาของสภาศาสนาอิสลามสูงสุด

อาร์บาชอธิบายว่า องค์การกิจการศาสนาของตุรกีได้ระงับการละหมาดญามาอะฮ์ในมัสยิดไปจนว่าจะพ้นระยะอันตรายจากไวรัส โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2563 พร้อมย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นความรับผิดชอบด้านมนุษยธรรมและคุณธรรมที่องค์กรต้องรับผิดชอบ

ประธานองค์การกิจการศาสนาของตุรกีเน้นว่า “ในการเผชิญกับสภาวะอันตรายนี้ต้องใช้หลักการพื้นฐาน 3 ประการ คือ 1)การจัดการ 2) การมอบหมายต่ออัลลอฮ์ และ 3)การวิงวอนดุอาอ์ นอกจากนั้น เรามีหน้าที่ในการปฏิบัติตามคำเตือนของรัฐ และกระทรวงสาธารณสุข

ประธานองค์การกิจการศาสนาของตุรกีระบุ “ไม่ใช่มุสลิมที่ถูกต้อง หากทำให้ชีวิตของชาวมุสลิมอื่นตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะการกระทำที่ไม่รับผิดชอบและไม่ยี่หระต่อสิ่งใด”

ประธานองค์การกิจการศาสนาของตุรกีเตือนว่า ไม่เหมาะสมที่มุสลิมผู้ศรัทธาจะงดเว้นมาตรการป้องกัน โดยอ้างว่า “ฉันจะไม่ประสบเพทภัยใดๆ ยกเว้นสิ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้ว” ทุกฝ่ายมีความรับผิดชอบร่วมกัน เราจะต้องรักษาความปลอดภัยของผู้สูงอายุและพี่น้องของเราที่เป็นโรคเรื้อรัง

“มุสลิมที่แท้จริงจะดำเนินการป้องกันทุกรูปแบบ พร้อมทำหน้าที่อย่างชาญฉลาด และมีความรับผิดชอบ ปกป้องตัวเองและคนที่เขารักจากอันตราย ตามหลักการเรื่องของสิทธิของผู้ศรัทธาต่อพี่น้องร่วมศรัทธา” ประธานองค์การกิจการศาสนาของตุรกีระบุ

ทั้งนี้ ในช่วงวิกฤตินี้ โลกมุสลิมหลายประเทศประกาศงดละหมาดที่มัสยิด เช่น กาตาร์ คูเวต ตุรกี ซาอุดิอาระเบีย อียิปต์ และอื่นๆ รวมถึงงดละหมาดใน 3 มัสยิดสำคัญสูงสุดของอิสลาม ได้แก่ มัสยิดหะรอม ที่นครมักกะฮ์ มัสยิดนาบี ที่นครมาดีนะฮ์ และมัสยิดอักซอ ในอัลกุดส์

ถอดความโดย Ghazali Benmad

ตุรกีโดนพิษโควิด-19 เสียชีวิต 9 ราย ยอดติดเชื้อพุ่ง 670 คน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตุรกี นายฟัครุดดีน โคจา แถลงเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 21 มีนาคม 2020 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 311 คน ทำให้ทั่วตุรกีขณะนี้มีผู้ติดเชื้อสะสม 670 รายโดยมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสร้ายนี้ไปแล้ว 9 ราย

ก่อนหน้านี้กระทรวงกิจการศาสนาตุรกีได้ออกประกาศวันที่ 16 มีนาคม 2020 ให้งดละหมาดวันศุกร์ทั่วตุรกี ซึ่งในวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2020 ได้มีการงดละหมาดวันศุกร์ทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตุรกี

อ่านเพิ่มเติม
https://bit.ly/2UoE3No
https://tr.agency/news-88147?fbclid=IwAR0VgGk0VrALC3dU69JLWMrrPJ8wxEWEO9ZpjQkevs_ouq-zxqgKa8T0_GA

เขียนโดย ทีมข่าวต่างประเทศ

ปัตตานีสั่งปิด 3 อำเภอ ป้องกันโควิด-19

ผู้ว่าฯแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 จังหวัดปัตตานี

วันที่ 19 มีนาคม 2563 เวลา 09.00 น นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19 จังหวัดปัตตานี โดยมี เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่46 และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ร่วมแถลงข่าว ณ โถงชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดปัตตานี

นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ประชาชนชาวปัตตานีที่เข้าร่วมชุมนุมทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย จำนวน 30 คน วันนี้จังหวัดปัตตานี เจอตัวครบทั้ง 30 คนแล้ว พบว่าอยู่ในพื้นที่ 25 คน และยังไม่กลับเข้ามาในพื้นที่อีก 5 คน ใน 25 คนนั้น มีไข้สูง 7 คน วันนี้จังหวัดปัตตานีได้รับข้อมูลจสกผู้เชี่ยวชาญแล้วว่า ทั้ง 7 คน มีเชื้อไข้โควิค โดย1 ใน 7 คนได้เข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2563 และ อีก 6 คน เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2563 สิ่งที่เป็นห่วงตอนนี้คือบุคคลที่สัมผัส 7 คนเหล่านี้ในห้วงวันที่ 2 มีนาคม ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2563 ทางจังหวัดปัตตานีได้มีการดำเนินการตามมาตราการที่มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่17 มีนาคม มติคณะรัฐมนตรีที่สำคัญ มี 2 เรื่องดังนี้
1. มาตราการในการป้องกันและสกัดกั้นผู้ที่เดินทางเข้ามา 2. มาตราการในการยับยั้งการแพร่ระบาดในประเทศ จังหวัดปัตตานีได้มีการใช้มาตรานี้ ซึ่งในระดับหมู่บ้านที่พบผู้ป่วยติดเชื้อจะมีการออกคำสั่งเพื่อปิดการเดินออกของคนในหมู่บ้านนั้น ซึ่งได้แก่หมู่บ้านต่อไปนี้ 1.อำเภอยะรัง ได้แก่ หมู่1 และ หมู่3 ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง หมู่3 ตำบล ปิตุมุดี เตรียมมาตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2563 แล้วต้องสกัดกั้นเพื่อไม่ให้เชื้อเข้าไประบาดในหมู่บ้าน 2.อำเภอโคกโพธิ์ หมู่6 ตำบลนาประดู่ หมู่ 3 ตำบลปากล่อ 3. อำเภอหนองจิก หมู่4 ตำบลบางเขา หมู่1 ตำบลคอลอตันหยง

ข้อมูลจากเพจ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี

สมาพันธ์อุละมาอฺมุสลิมโลกออกฟัตวาระงับละหมาดวันศุกร์และละหมาดญะมาอะฮฺในพื้นที่แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

สมาพันธ์อุละมาอฺมุสลิมโลกออกศาสนวินิจฉัยให้บรรดาอิมามมัสยิดทั่วโลกระงับการละหมาดวันศุกร์และละหมาดญะมาอะฮฺ 5 เวลาในพื้นที่แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศเข้าสู่ภาวะระบาดใหญ่ทั่วโลกแล้ว

สมาพันธ์ฯได้ย้ำว่า การประกาศนี้มีผลต่อเนื่องจนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถควบคุมไวรัสร้ายนี้ได้ ทั้งนี้สมาพันธ์ฯได้ยกหลักฐานจากอัลกุรอ่านและซุนนะฮฺที่ได้ห้ามบุคคลใดสร้างความเดือดร้อนต่อตนเองและผู้อื่น นอกจากนี้ยังมีหะดีษที่ระบุห้ามบุคคลที่มีกลิ่นตัวแรงเข้ามาในมัสยิด เพราะจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ดังนั้น การห้ามบุคคลที่ติดเชื้อไวรัสร้ายนี้เข้ามัสยิด จึงมีน้ำหนักมากกว่าหลายเท่า

ข้อมูล ณ วันที่ 15 มีนาคม 2563 ระบุทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 145,771 ราย รักษาหาย 72,537 รายและเสียชีวิตไปแล้ว 5,439 ราย โดยมี 5 ประเทศที่มีโรคระบาดนี้อย่างรุนแรง 5 อันดับแรกคือจีนผู้ติดเชื้อ 80,824 เสียชีวิตแล้ว 3,189 อิตาลี( 17,660/ 1,266 ) อิหร่าน (11,364/514) เกาหลีใต้ (8,086/72) และสเปน (5,232/133)

กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสในประเทศไทย ในวันเสาร์ที่ 24 มีนาคม 2563 พบยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 82 รายโดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย

อ่านเพิ่มเติม https://bit.ly/2TPwRea

ทีมข่าวต่างประเทศ

พิษโควิด-19 ซาอุดิอาระเบียประกาศปิดเรียนทั่วประเทศ

กระทรวงศึกษาธิการประเทศซาอุดิอาระเบียได้ออกประกาศแจ้งปิดการเรียนการสอนทั่วประเทศที่ครอบคลุมสถาบันการศึกษาในทุกระดับทั้งโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัย เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 ระญับ 1441 (9 มี.ค. 2020) เป็นต้นไป

ทั้งนี้เพื่อเป็นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

กระทรวงสาธารณสุข ประเทศซาอุดีอาระเบีย รายงานในวันที่ 07-03-2020 ผลพิสูจน์ยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีกจำนวน 2 คน ซึ่งทั้งสองเดินทางมาจากอิรัคและอิหร่าน ซึ่งตอนนี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว รวมทั้งหมดเป็น 7 คน

‏اللهم إنا نعوذ بك من البرص ‏والجنون والجذام ومن سيئ الأسقام

ขอบคุณข้อมูล
จาก นักศึกษาไทยใน King Khalid University of Saudi Arabia

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

วิเคราะห์ผลการเจรจาระหว่างปูตินกับแอร์โดฆาน ที่กรุงมอสโก

#เกาะติดอิดลิบ

อ่านเกมส์หมากรุกระดับโลก เกรวูฟกับพญาหมีขาว ใครได้ใครเสีย

บทความโดย ฮัมซะฮ์ เทเกน นักข่าวตุรกี
วิเคราะห์ผลการเจรจาระหว่างปูตินกับแอร์โดฆาน ที่กรุงมอสโก เมื่อ 5 มีนาคม 2563

******

การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีตุรกี รอญับ ตอยยิบ แอร์โดฆาน กับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เกี่ยวกับอิดลิบของซีเรีย ทั้งสองฝ่ายจัดทำเอกสารข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากการเจรจาประมาณ 6 ชั่วโมง

แน่นอนว่าการเจรจากัน 6 ชั่วโมงระหว่างทั้งสองฝ่าย หมายความว่า มีหลายประเด็นที่พวกเขาขัดแย้งกัน แต่มีจุดร่วมที่แข็งแกร่ง คือ ตุรกีไม่ต้องการปะทะกับรัสเซีย และรัสเซียก็ไม่ต้องการปะทะกับตุรกี

6 ชั่วโมงของการเจรจา ไม่ใช่เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายออกมาพร้อมกับการตัดสินใจให้มีการลาดตระเวนร่วมกันบนถนน M4 เท่านั้น

อาจกล่าวได้ว่า เป้าหมายร่วมกันก่อนการประชุมคือ ทั้งสองฝ่ายจะรักษาผลประโยชน์ร่วมกันมากมายของพวกเขา ปกป้องจากอันตรายใด ๆ อันเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้น และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอิดลิบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ในปัจจุบันที่ยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากนำไปสู่การปะทะกัน ภูมิภาคจะเผชิญกับภัยพิบัติที่รุนแรงกว่าปัจจุบัน เพราะตุรกีและรัสเซียต่างเป็นประเทศใหญ่

แอร์โดฆานและปูตินหลบเลี่ยงจากความตึงเครียดในอิดลิบได้สำเร็จ ซึ่งหมายความว่าความตึงเครียดนี้ ไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงใดจะไม่เป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ของมอสโกและอังการา ตุรกีไม่ต้องการสูญเสียความสัมพันธ์กับรัสเซีย

สิ่งที่เกิดขึ้นในในมอสโกวันนี้ ยืนยันถึงสถานะที่แข็งแกร่งของตุรกีในภาคสนาม บนโต๊ะเจรจาและในอากาศ หากไม่ใช่เพราะการแทรกแซงทางทหารของตุรกีในอิดลิบ แน่นอนระบอบอะซัดย่อมสามารถยึดได้จังหวัดอิดลิบสำเร็จไปแล้ว

วันนี้ ปูตินยอมรับความแข็งแกร่งของกองทัพตุรกี
รวมถึงความชอบธรรมของกองทัพตุรกีที่อยู่ในอิดลิบ

สิ่งที่เกิดขึ้นในมอสโกในวันนี้ ยืนยันสถานะที่แข็งแกร่งของตุรกีในด้านการเมืองเช่นเดียวกัน ดังที่แสดงให้โลกเห็นว่า ตุรกีสามารถเผชิญหน้าทางทหารและทางการทูตได้โดยลำพัง ไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากฝ่ายใดๆ ท่ามกลางความเป็นปรปักษ์อย่างรุนแรงและไร้ยางอายของรัฐบาลอาหรับบางประเทศ ที่ได้ประกาศสนับสนุนอย่างเป็นทางการต่อระบอบอะซัดในการทำสงครามกับพลเรือนในอิดลิบ

ดังนั้น นโยบายทางทหารและทางการทูตของตุรกีจึงขึ้นอยู่กับภูมิปัญญาส่วนตน ท่ามกลางการลอบกัดของเดรัจฉานในภูมิภาคที่อ้างว่าเป็นอาหรับและอิสลาม ตลอดจนการฉวยโอกาสของตะวันตกบางประเทศ

แต่ตุรกีไม่ได้โง่ที่จะเข้าสู่สงครามที่ทำให้เกิดความสูญเสีย

ตุรกีฉลาดพอที่ตระหนักว่า เมื่อใดควรที่จะใช้ปืนใหญ่ และเมื่อใดควรจะหยุดมัน เมื่อใดที่จะจัดการเจรจาทางการเมืองและเมื่อใดควรจะหยุด

วันนี้ ตุรกีประสบความสำเร็จที่มอสโก โดยได้รับการยอมรับจากรัสเซียอย่างเปิดเผยและเป็นทางการว่า กองทัพตุรกีมีสิทธิที่จะตอบโต้การโจมตีใดๆ ในอิดลิบ

ซึ่งการยอมรับนี้ไม่ได้มีอยู่ก่อนการประชุมสุดยอดระหว่างทั้งสอง ซึ่งหมายความว่า รัสเซียถอนไพ่ใบสำคัญออกจากมือของระบอบอะซัด ทำให้ตุรกีถือไพ่เหนือกว่าและมีความชอบธรรมมากกว่า

ในการเจรจาที่มอสโก ตุรกียืนยันนโยบายการกลับคืนถิ่นของผู้ลี้ภัย และนี่คือเงื่อนปมที่ซ่อนอยู่ ..

คนเหล่านี้จะกลับไปยังบ้านเมืองของพวกเขาอย่างไร ในขณะที่ระบอบอะซัดยังคงอยู่

ดังนั้น นี่เป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงการยอมรับของรัสเซียต่อความต้องการของตุรกีว่า ระบอบอะซัดต้องถอนตัวออกจากเมืองเหล่านี้เพื่อให้ประชาชนกลับคืนถิ่นฐานของตน

ในมอสโกวันนี้ ประเทศตุรกีได้บีบรัสเซียให้ยอมรับจุดสังเกตการณ์ของตุรกีในอิดลิบและจะไม่ถอนออก ดังนั้นจึงเป็นการบ่งชี้ว่าตุรกียืนยันว่าเป้าหมายคือเขตข้อตกลงโซซี และไม่ใช่ข้อตกลงใหม่บนพรมแดนใหม่

ในบรรดาประเด็นหลักที่กล่าวถึงในการเจรจาที่มอสโก
คือประเด็นระบอบอะซัดถอนตัวออกจากพื้นที่ที่เข้ามาในอิดลิบ ประเด็นนี้ไม่ได้มีการพูดถึงต่อสาธารณชน ไม่ได้พูดถึงต่อหน้าสื่อมวลชน

อย่างไรก็ตาม ประเด็นก่อนหน้านี้ทำให้ตุรกีมีสิทธิ์ที่จะเคลื่อนไหวทางทหารร่วมกับกองทัพแห่งชาติซีเรียเมื่อการฝ่าฝืนการหยุดยิงโดยระบอบอะซัด ซึ่งระบอบอะซัดจะซื่อสัตย์ต่อสัญญาและข้อตกลงต่างๆ เมื่อใด ? นั่นคือปฏิบัติการสปริงชิลด์ “Spring Shield” จะถูกใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ระบุไว้ต่อไป

ในมอสโกวันนี้ ตุรกีรักษาผลประโยชน์ของรัสเซียไว้ รัสเซียรักษาผลประโยชน์ของตุรกีไว้ และตุรกีใช้ประโยชน์จากรัสเซียตามที่ต้องการ นั่นคือ สิทธิในการปฏิบัติการทางทหารต่อระบอบอะซัดในอิดลิบโดยที่รัสเซียไม่สนับสนุน

ในมอสโก แอร์โดฆานรักษาหน้าของปูตินไว้ต่อหน้าสังคมโลกและปูตินรักษาหน้าของแอร์โดฆานไว้ต่อหน้าสังคมโลก

ดังนั้นทั้งสองจึงชนะ และระบอบอะซัดเป็นฝ่ายแพ้

ระบอบอะซัดแพ้อย่างไร

ใครก็ตามที่ขายระบอบอะซัดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และปล่อยให้ขึ้นอยู่กับความเมตตาสงสารของปืนของตุรกีและกองทัพแห่งชาติซีเรีย ก็จะขายอีกในหนึ่งสัปดาห์ สองสัปดาห์และ 3 สัปดาห์ข้างหน้า ไปจนที่สุด และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสปริงชิลด์ “Spring Shield”

หากรัสเซียมีความจริงใจในการปกป้องระบอบอะซัดในอิดลิบแน่นอนย่อมจะไม่ยอมให้ตุรกีโจมตี ที่ทำให้ระบอบอะซัดต้องพบกับความสูญเสียทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ภายใต้การยาตราของปฏิบัติการ “Spring Shield”

ในมอสโกวันนี้ รัสเซียบอกตุรกี คุณได้สิ่งที่คุณต้องการในอิดลิบ แต่หลังจากการพักรบชั่วคราว โดยที่เราทั้งคู่ จะยังคงรักษาผลประโยชน์ร่วมกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอิดลิบ ไม่ว่าคุณจะรุนแรงกับระบอบอะซัดแค่ไหนก็ตาม

ด้วยการนี้ แอร์โดฆานกับชาวตุรกีและชาวซีเรียล้วนได้ประโยชน์ ปูตินและรัสเซียก็ได้ประโยชน์ ส่วนระบอบอะซัดเป็นฝ่ายสูญเสีย

การเริ่มต้นปฏิบัติการของตุรกีในอิดลิบครั้งใหม่จะมีความชอบธรรมโดยการยอมรับของรัสเซียตามข้อตกลงในวันนี้ และทำให้ตุรกีมีความก้าวหน้าที่สำคัญในปฏิบัติการ“ Shield of Spring” ที่ Erdogan ไม่ได้ประกาศยุติ (การพักรบนั้นแตกต่างจากการสิ้นสุดปฏิบัติการทางทหาร)

อ่านบทความต้นฉบับ
https://aramme.com/…/أردوغان-وبوتين-انتصرا-في-موسكو-والنظام…

เขียนโดย Ghazali Benmad

ระเบิดฆ่าตัวตายที่กรุงตูนิส

อัลจาซีร่าห์ รายงานจากกรุงตูนิสประเทศตูนิเซียเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ว่า แถลงการณ์ของกระทรวงมหาดไทยตูนิเซียระบุว่า คนร้ายเป็นมือระเบิดฆ่าตัวตาย 2 คน จุดชนวนระเบิดโจมตีใกล้กับที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในกรุงตูนิสประเทศตูนิเซีย เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มี.ค. แรงระเบิดทำให้ตำรวจ 5 คนได้รับบาดเจ็บ และยังมีพลเรือนอีก 1คนบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนมือระเบิดเสียชีวิต 2 คน

มือระเบิด 2 คนใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ แต่ยังไม่มีการยืนยัน และสถานทูตสหรัฐก็ยังไม่มีการชี้แจงใดๆ

เหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้เกิดขึ้นตรงกันกับวันที่ประธานาธิบดี นายไกส์ สะอีด ตูนีเซียจัดประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก

https://m.facebook.com/aljazeerachannel/videos/642104426585171/