รัฐลึกตุรกี ความจริงหรืออิงนิยาย

หลังจากเกิดการปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลตุรกี เมื่อค่ำ 15/8/2016 ผ่านไปไม่นานนัก แกนนำรัฐบาลได้พากันปรากฏตัวตามสื่อพร้อมยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้อยู่เบื้องหลังรัฐประหารครั้งนี้คือ กลุ่มรัฐลึก ที่มีกลุ่มทหารที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับฟัตหุลลอฮฺ กุเลน นักการศาสนาที่พำนักในรัฐแพนซิลวิเนีย สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 จนกระทั่งปัจจุบัน กล่าวกันว่า กลุ่มนี้มีเครือข่ายโยงใยในระบบและกลไกรัฐตุรกีอย่างลึกลับยิ่งกว่านวนิยาย

กลุ่มคิดมัต (Khidmat)

รัฐลึกเป็นศัพท์ทางการเมืองที่ถูกใช้ในตุรกี โดยมี กลุ่มคิดมัต ซึ่งเป็นองค์กรเปิดที่ก่อตั้งโดยบรรดาสานุศิษย์ของท่านสะอีด อันนูรซีย์ (มีชีวิตระหว่าง 1877-1960) แต่เนื่องจากบุคลิกและผลงานอันโดดเด่นของกุเลน ทำให้คิดมัตกลายเป็นที่รู้จักควบคู่กับกุเลน โดยเฉพาะหลังปี 1980

กุเลนที่ยึดปรัชญาวลีเด็ดของท่านสะอีด อันนูร์ซีย์ ที่เคยกล่าวว่า “ฉันขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้รอดพ้นจากชัยฏอนและการเมือง” เขาไม่เคยก่อตั้งพรรคการเมือง และมองว่าภาวะการไร้การศึกษา ความแตกแยกและความโง่เขลาคือโรคร้าย 3 เส้าที่กัดกร่อนสังคมมุสลิม ที่จำเป็นต้องเยียวยาอย่างเร่งด่วน เขาจึงใช้กลุ่มคิดมัต เป็นจุดเริ่มต้นในการยกระดับทางการศึกษา โดยเน้นการบริการด้านการศึกษาและพัฒนาสังคม มีการสานเสวนาระหว่างศาสนาจนกลายเป็นต้นแบบของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระดับโลก แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มนี้ได้เปลี่ยนโฉมกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในบริษัทตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของตุรกี มีธนาคารในเครือหลายแห่ง มีสำนักข่าวและสำนักพิมพ์หลายแห่ง ในจำนวนนี้ คือนสพ.Zaman ทั้งภาษาตุรกี อาหรับและอังกฤษ เฉพาะภาคภาษาตุรกีนสพ.ฉบับนี้มียอดจำหน่ายรายวันมากกว่า 1 ล้านฉบับ

นอกจากนี้กลุ่มคิดมัต ได้สร้างมหาวิทยาลัยในตุรกีจำนวน 17 แห่ง เปิดสถาบันวากัฟ 96 แห่ง เปิดสาขาองค์กรทั่วตุรกีกว่า 900 สาขา เปิดโรงเรียนทั่วตุรกีนับร้อย ตลอดจนเปิดสาขาทั่วโลกกว่า 145 ประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป อเมริกา เอเชียกลางและแอฟริกา นสพ.Yeni Safak ของตุรกีได้ประเมินทรัพย์สินของกลุ่มนี้ว่ามีมูลค่ามหาศาลถึง 1.5 พันล้านดอลล่าร์ทีเดียว

นี่คือเรื่องจริงที่ไม่อิงนิยาย ของกลุ่มคิดมัต

อาศัยปีกอันกล้าแข็งอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านสังคมการศึกษาและเศรษฐกิจ ชนิดที่องค์กรของรัฐ ก็ยังไม่สามารถทำดีได้เท่า กลุ่มคิดมัตจึงแทรกซึมเข้าไปในกลไกรัฐอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความมั่นคง วงการตำรวจ การศึกษา ศาลยุติธรรม องค์กรสายลับข้ามชาติ และล่าสุดคือวงการทหาร

ถึงแม้ในช่วงแรกๆ กลุ่มคิดมัตจะเป็นหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรทางการเมืองกับแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคยุติธรรมและพัฒนา แต่ก็เป็นไปในลักษณะรักษาผลประโยชน์ร่วมกัน โดยแลกกับตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐบาลและวงการราชการ ในขณะที่พรรคน้องใหม่อย่างพรรคยุติธรรมและพัฒนา ก็ยังมีความจำเป็นต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยพึ่งพาฐานคะแนนของกลุ่มคิดมัต เพื่อประกันถึงชัยชนะในการเลือกตั้ง จนกระทั่งในระยะหลังๆ ก็เริ่มเห็นรอยร้าวที่รัฐบาลมักโอดครวญว่ากลุ่มคิดมัต ได้ก้าวก่ายกิจการภายในของรัฐบาลมากเกินไป โดยเฉพาะหลังโดนจับได้ว่า กลุ่มนี้พยายามลอบสังหารบุคคลสำคัญอย่างนายฮากาน ฟีดาน ผอ.ฝ่ายข่าวกรองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2012 ความขัดแย้งเรื่องคาราวานเรือมาวี มาร์มาร่า การประท้วงสวนเกซีที่ลงเอยด้วยการประท้วงเรื่องเหล้าเมื่อมีนาคม 2013 เหตุการณ์ปราบปรามคอร์รัปชั่นเมื่อปลายปี 2013 ที่รัฐบาลถือเป็น ความพยายามก่อปฏิวัติโดยใช้ผู้พิพากษาเป็นเครื่องมือ และท้ายสุดเป็นการรัฐประหารเมื่อ 15/8/2016 ที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายรัฐบาลรู้ดีว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ หาใช่ใครอื่น นอกจากกลุ่มคิดมัตของนายกุเลน

องค์กรคิดมัต ลับ ลวง พราง

ผลจาก “การปฏิวัติโดยผู้พิพากษา” ล้มเหลวเมื่อปลายปี 2013 และไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ตามแผน รัฐบาลจึงเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวองค์กรนี้อย่างเข้มงวด มีการจับกุมและโยกย้ายเจ้าหน้าที่ราชการหลายตำแหน่ง ถึงขนาดกุเลนต้องออกมาอ่านดุอากุนูต พร้อมสาปแช่งรัฐบาลตุรกีให้พังพินาศ แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร โดยเฉพาะในวงการทหารและศาลยุติธรรม ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายบางประการ ทำให้รัฐบาลไม่สามารถกวาดล้างกลุ่มคิดมัตได้อย่างสะดวก หนำซ้ำ ต้องมาสะดุดที่กระบวนยุติธรรม ที่มักผ่อนปรนและช่วยเหลือผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ให้ยกฟ้องเนื่องจากหลักฐานอ่อน บางคนก็ใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย ลี้ภัยไปยังต่างประเทศ

แต่หลังจากรัฐประหารล้มเหลวที่ผ่านมา รัฐบาลจึงได้โอกาสครั้งใหญ่ในการสะสางเสี้ยนหนามทางการเมือง ด้วยการประกาศกฎอัยการศึกเป็นเวลา 3 เดือน พร้อมจับกุมเจ้าหน้าที่ราชการระดับสูง ทั้งในวงการทหาร ตำรวจ ผู้พิพากษา อัยการ บุคคลทางการศึกษาและนักวิชาการ ตลอดจนบรรดาผู้นำศาสนา ที่มีส่วนพัวพันกับกลุ่มคิดมัต กว่า 80,000 คนที่ถูกควบคุมตัว รวมทั้งแม่ทัพภาค 2,3,4 ผบ.ทหารอากาศและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ถือเป็นการจัด 5 ส.ครั้งยิ่งใหญ่ระดับประเทศในประวัติศาสตร์ตุรกี

นอกจากเหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศแล้ว เหตุผลประการหนึ่งที่รัฐบาลดำเนินการปราบปรามกลุ่มคิดมัตอย่างไม่เกรงใจ คือ กระแสความนิยมของประชาชนที่มีต่อกลุ่มคิดมัต ได้ลดลงอย่างฮวบฮาบ จากการที่เคยเป็นฐานเสียงขนาดใหญ่ที่สุดให้แก่พรรคยุติธรรมและพัฒนา ในการเลือกตั้งช่วงหลังนี้ พรรคคิดมัตสามารถสนับสนุนเพียง 500,000-1,000,000 เสียงเท่านั้น ซึ่งเป็นตัวชี้วัดคะแนนนิยมของกลุ่มคิดมัตได้เป็นอย่างดี

การเติบโตอันน่าพิศดารในระยะเวลาสั้นๆของกลุ่มคิดมัตนี้ มาจากนโยบายและมาตรการลับ ลวง พรางสุดยอดดังนี้

1. การทุจริตข้อสอบเข้าวิทยาลัยเตรียมทหารและสอบบรรจุข้าราชการตำแหน่งต่างๆ ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา ที่สมาชิกกลุ่มมักสอบติดเกือบ 100% ชนิดได้คะแนนเต็มอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ถึงแม้อาจมีคดีร้องเรียนถึงขั้นขึ้นศาล สุดท้ายก็ต้องยกฟ้อง เข้าตำราเรียบร้อยโรงเรียนกุเลนไปทุกราย

2. สมาชิกกลุ่มคิดมัตสามารถไต่เต้ารับตำแหน่งระดับสูงในวงการทหาร ตำรวจ สันติบาล ผู้พิากษาและการศึกษา สมาชิกกลุ่มคิดมัตจึงแทรกซึมเข้าไปในระบบราชการอย่างลับๆ ตลอดจนใช้ระบบบำเหน็จความดีความชอบโดยใช้หลัก ค่าของคน อยู่ที่คนของใคร

3. ระบบการรักษาความลับสุดยอด ที่ละม้ายคล้ายคลึงกับองค์กรลับมาโซนีหรือมอสส้าดของยิว รวมทั้งการเชื่อฟังผู้นำชนิดไม่อนุญาตต้องคิดต่อ หรือแม้กระทั่งสงสัย มาตรการลับ ลวง พรางถึงขั้นสามารถละหมาดได้เพียงใช้สัญลักษณ์ “กระพริบตา” และได้รับอนุญาตให้ดื่มเหล้าได้เพื่ออำพรางตัวตนที่แท้จริง จนกระทั่งในระหว่างนายทหารด้วยกัน ก็ยังไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าใครเป็นใคร ยกเว้นผู้นำระดับสูงที่คอยเป็นพี่เลี้ยงประจำตัวเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกกับผู้นำ เป็นไปในลักษณะ “รอยถักของเส้นด้าย ที่รวมศูนย์อำนาจอยู่ที่คนเดียว ไม่ใช่ระบบเครือข่ายตามธรรมเนียมปฏิบัติขององค์กรทั่วไป

ด้วยมาตรการเหล่านี้ กลุ่มคิดมัตจึงค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในหน่วยงานรัฐบาล พร้อมสถาปนารัฐลึกที่คอยบงการรัฐบาลอีกชั้นหนึ่ง

พวกเขาใช้วิธีการทุกรูปแบบ เพื่อให้ได้ซึ่งเป้าหมายที่วางไว้ การแบล็คเมล์ หักหลัง ลวงล่อหรือแม้กระทั่งลอบสังหาร ก็เป็นมาตรการที่จำเป็น หากสามารถบรรลุเป้าหมายที่แท้จริง ดังเหตุการณ์กลุ่ม Ergenakon ปี 2007 และ 2010 (กลุ่มทหารอำนาจมืดที่คอยปกป้องอุดมการณ์ของเคมาลิสต์) ที่โดนกลุ่มคิดมัตตลบหลังให้ก่อปฏิวัติ เมื่อความลับถูกเปิดเผย ทำให้ทหารชั้นผู้ใหญ่กลุ่มนี้ถูกขับออกจากราชการหลายตำแหน่ง จึงเป็นโอกาสของทหารสายคิดมัตเข้ามาเสียบแทน

ประธาราธิบดีแอร์โดอาน ยังออกมา ยอมรับว่า ก่อนการปฏิวัติล้มเหลวครั้งล่าสุด ตนเองมีความยากลำบากมากที่จะโน้มน้าวแกนนำรัฐบาลบางคน ให้เขื่อว่ากลุ่มคิดมัตอันตรายต่อความมั่นคงของชาติอย่างไร และอะไรคือเหตุผลที่ตุรกี สามารถยืนยันว่ากลุ่มคิดมัตคือกลุ่มก่อการร้ายระดับสากล แต่เมื่อทุกอย่างปรากฎตัวอย่างเปิดเผย ทุกคนก็รู้ว่าอะไรคือความจริง

อัลลัยซ์ บินสะอัด กล่าวว่า

‎إذا رأيتم الرجل يمشي على الماء ويطير في الهواء فلا تغتروا به حتى تعرضوا أمره على الكتاب والسنة

เมื่อใดที่ท่านเห็นคนๆหนึ่งสามารถเดินเหินเหนือน้ำ และโบยบินกลางเวหา ท่านอย่างเพิ่งพิศวงกับคนๆ นั้น จนกว่าท่านจะนำพฤติกรรมและการปฏิบัติของเขา มาเทียบเคียงกับอัลกุรอานและสุนนะฮฺก่อน

ตามทัศนะของคนบางคน กุเลนอาจเป็นคนวิเศษที่สามารถโบยบินและเดินย่ำบนผิวน้ำอย่างองอาจ ด้วยผลงานทั่วโลกราวปาฏิหารย์ พร้อมเสียงสรรเสริญยกย่องดุจผู้วิเศษที่ลงมาจากฟากฟ้า แต่เมื่อเทียบเคียงกับอัลกุรอานและสุนนะฮฺแล้ว ผลงานล้นฟ้าทั้งมวล อาจกลายเป็นเศษธุลีที่ปลิวว่อนในวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺเท่านั้น คือผู้ทรงรอบรู้

ที่มา
http://www.aljazeera.net/knowledgegate/opinions/2016/7/28/التنظيم-الموازي-في-تركيا-بين-الحقائق-والأساطير


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

ละครอิงประวัติศาสตร์ การพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิล

เริ่มต้นด้วยการแจ้งข่าวดีของเราะสูลุลลอฮ์ที่กล่าวว่า “คอนสแตนติโนเปิลจะถูกพิชิตอย่างแน่นอน แม่ทัพที่ดีที่สุดคือแม่ทัพที่พิชิตเมืองนี้ และกองทัพที่ดีที่สุดคือกองทัพนี้เช่นกัน”

หลังจากการแจ้งข่าวดีนี้ โลกอิสลามต้องรอเกือบ 800 ปี กว่าจะเกิดขึ้นจริงในปี 1453 เมื่อสุลตานหนุ่มมูฮัมมัด อัลฟาติห์พร้อมไพร่พล 300,000 นาย บุกพิชิตเมืองหลวงอาณาจักรไบเซนไทน์ภาคตะวันออกนี้

ประวัติศาสตร์การต่อสู้ การเตรียมความพร้อม การปลูกความหวัง การทำสิ่งนอกความคาดหมาย การบากบั่นมุ่งมั่นใฝ่สัมฤทธิ์ เราสามารถเรียนรู้ผ่านละครอิงประวัติศาสตร์ตอนนี้

กำหนดวันที่ 1 ของเดือนซุ้ลฮิจยะห์ และวันอีฎิ้ลอัดฮา ฮ.ศ.1441

ตามที่ได้ประกาศให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศดูดวงจันทร์ เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือนซุ้ลฮิจยะห์ ฮ.ศ.1441 ในวันอังคาร ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2563 เวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้านั้น ปรากฎว่าในวันและเวลาดังกล่าว มีผู้เห็นดวงจันทร์

จึงขอประกาศว่า วันที่ 1 ของเดือนซุ้ลฮิจยะห์ ฮ.ศ.1441 ตรงกับวันพุธ ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2563 และวันอีฎิ้ลอัดฮา ฮ.ศ.1441 ตรงกับวันศุกร์ ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2563 จึงขอให้พี่น้องมุสลิมทั่วประเทศได้ปฏิบัติศาสนกิจในวันดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน

ประกาศ ณ วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2563

อาลัยอายาโซเฟียหรืออาการหวาดกลัวอิสลามกันแน่

ศ.ดร.อะหมัด รัยซูนีย์ ประธานสหพันธ์อุลามาอิสลามนานาชาติ International Union for Muslim Scholar – IUMS


วินาทีที่มีการตัดสินใจคืนสถานภาพมัสยิดใหญ่ ที่รู้จักกันในนามมัสยิดอายาโซเฟียในเมืองอิสตันบูลของตุรกี สู่สถานภาพเดิมดังที่เคยเป็นมาก่อนปี ค.ศ. 1932 คลื่นแห่งความโกรธ การประท้วงและการผรุสวาสกล่าวร้าย ก็พลันปรากฏออกมาจากกลุ่มนิกายคริสต์บางส่วน ชาติตะวันตกบางส่วน แล้วก็ตามมาด้วยชาวอาหรับใจคดเหมือนเดิม

น่าแปลกใจที่ยูเนสโกซึ่งน่าจะเป็นกลางในประเด็นทางศาสนาและการเมือง กลับเข้าร่วมกระบวนกับพวกเขาด้วย

ขั้นตอนของศาลยุติธรรมตุรกีและประธานาธิบดีตุรกีคือการไม่แปลงโบสถ์เป็นมัสยิดอย่างที่บางคนกล่าว หรือจะเปลี่ยนโบสถ์เป็นพิพิธภัณฑ์หรือปิดโบสถ์

แต่เป็นการเปลี่ยนมัสยิดที่เสียหายให้กลายเป็นมัสยิดที่ใช้งานได้

อะไรเป็นอันตรายต่อคริสเตียนและคริสตจักรของพวกเขาในการเปลี่ยนอาคารอายาโซเฟียจากสถานที่ท่องเที่ยวไปยังสถานที่ซึ่งเป็นที่สักการะพระเจ้าและกล่าวถึงพระเจ้า

ชาวคริสต์ต้องการที่จะให้อายาโซเฟียเป็นที่ท่องเที่ยวมากกว่าที่จะเปิดให้เป็นสถานที่เคารพพระเจ้าผู้ทรงอำนาจและการอ่านอัลกุรอานหรือ

อัลกุรอานกล่าวถึงบทบาทของศาสนสถานต่างๆ ยกย่องภารกิจและสิทธิในการปกป้อง ตราบใดที่พวกเขานมัสการ และกล่าวถึงพระเจ้า

อัลลอฮ์ผู้ทรงอำนาจกล่าวว่า:
وَلَوْلَا دَفْعُ اللَّهِ النَّاسَ بَعْضَهُمْ بِبَعْضٍ لَهُدِّمَتْ صَوَامِعُ وَبِيَعٌ وَصَلَوَاتٌ وَمَسَاجِدُ يُذْكَرُ فِيهَا اسْمُ اللَّهِ كَثِيرًا وَلَيَنْصُرَنَّ اللَّهُ مَنْ يَنْصُرُهُ إِنَّ اللَّهَ لَقَوِيٌّ عَزِيزٌ} [الحج: 40].
สำหรับการเปลี่ยนอายาโซเฟีย (Hagia Sophia) จากโบสถ์เป็นมัสยิดนั้น เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานานกว่าห้าศตวรรษครึ่ง และความจริงวันนี้ควรพุ่งเป้าความโกรธไปที่ตุรกีร่วมสมัยและประธานาธิบดีแอร์โดฆาน ไม่ใช่จักรวรรดิออตโตมันและสุลต่านมุฮัมมัด ผู้พิชิต

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเปิดมัสยิดอีกครั้งและกลับไปทำหน้าที่เดิม สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเหตุให้ใครๆต้องโกรธเคืองหรือคัดค้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นเรื่องภายในของตุรกีแต่เพียงผู้เดียว เหตุใดจึงต้องเป็นทำแบบผู้ปกครองสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ และความคิดบงการเหนือผู้อื่น

แต่ถ้าเราต้องการกลับไปที่ปัญหาของการเปลี่ยนโบสถ์คริสตจักรให้กลายเป็นมัสยิด สิ่งนี้จะนำเราไปสู่การวิจารณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ไม่สิ้นสุด หากเป็นเช่นนั้น เราก็ต้องเปิดประเด็นมัสยิดในแอนดาลุสเซีย ซีซิลี รัสเซียและยูโกสลาเวียด้วยเช่นกัน

และไม่ต้องย้อนกลับไปไกลมากฝรั่งเศสก็ปิดทำการปิด 50 มัสยิด ในรอบไม่กี่ปีล่วงมานี้ โดยไม่ต้องกล่าวถึงกรณีของอินเดีย จีนและพม่า

เราขอให้ผู้ประท้วงที่โกรธเคืองจากการเปลี่ยนพิพิธภัณฑ์เป็นมัสยิดอายาโซเฟีย ถ้าตุรกีเปลี่ยนจากพิพิธภัณฑ์เป็นโรงภาพยนตร์ โรงละครโอเปร่าหรือสนามสู้วัวกระทิง คุณจะโกรธไหม? หรือคุณจะเงียบ หรือคุณจะตบมือ?!

สำหรับผู้ที่ร้องไห้กับ “มรดกของมนุษยชาติ” “ที่มนุษยชาติจะถูกลิดรอน จะบอกว่า – และพวกเขารู้เรื่องนี้ – ว่าอาคารจะยังคงเป็นอย่างที่มันเป็น หรือจะดีกว่าที่มันเป็น

สำหรับการจัดแสดงทางศิลปะโบราณคดีและประวัติศาสตร์ สิ่งเหล่านั้นจะกลับไปยังสถานที่ที่เหมาะสม

ส่วนมรดกทางสถาปัตยกรรมนั้น ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในนามของมัสยิด และสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับโบสถ์ ก็จะได้รับการบำรุงรักษาที่สมบูรณ์

ไม่ต้องทำให้เข้าใจผิดดีกว่า พูดอย่างเปิดเผยเลยว่า : เราต่อต้านศาสนาอิสลาม ต่อต้านการละหมาด และต่อการอ่านอัลกุรอาน


แปลสรุปโดย Ghazali Benmad

อ้างจาก https://www.facebook.com/iumsonline/posts/3455862327780140

ราชกิจจานุเบกษาตุรกีประกาศ สถานะใหม่ของอายาโซเฟีย

ราชกิจจานุเบกษาตุรกีประกาศคำสั่งของประธานาธิบดีว่าด้วยสถานะใหม่ของอายาโซเฟีย

ด้วยศาลปกครองสูงสุดแห่งตุรกีได้มีมติยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีตุรกีเมื่อปี ค.ศ. 1934 ว่าด้วยการเปลี่ยนสถานะอายาโซเฟียจากมัสยิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ในนามรัฐบาลตุรกี ขอประกาศว่าบัดนี้ กิจการการดำเนินงานของอายาโซเฟียจะอยู่ภายใต้กำกับดูแลของกรมกิจการศาสนาในฐานะมัสยิดโดยบริบูรณ์

Recep Tayyip Erdogan
presiden Turki
10 – 07 – 2020


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

นับถอยหลังสู่อิสรภาพ

การรอคอยคือการทรมาน แต่บางครั้งคือความหวังของผู้ศรัทธา ถึงแม้จะเนิ่นนานสักปานใดก็ตาม

Sameeh Qa”adan (77 ปี) จากเมืองราฟะห์ กาซ่า นับปฏิทินถอยหลังรอคอยลูกชายชื่อ Abdul Rauf ซึ่งถูกทหารยิวจับตัวและตัดสินเข้าคุกนาน 17 ปี

123 คือจำนวนวันที่ยังหลงเหลือของลูกชายที่จะกลับสู่อิสรภาพอีกครั้ง ส่วนคุณแม่ของ Abdul Rauf ได้กลับสู่ความเมตตาของอัลลอฮ์โดยไม่มีโอกาสเห็นหน้าลูกรักอีกเลย หวังว่าครอบครัวนี้ จะอยู่กันพร้อมหน้าอย่างสุขสถาพรอีกครั้งในสวรรค์ฟิรเดาส์

เป็นภาพที่ไม่สามารถดูได้นอกจากที่ปาเลสไตน์ และไม่มีใครที่สามารถสร้างอธรรมที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ นอกจากยิวไซออนิสต์

เอื้อเฟื้อภาพ โดย شريف أبو شمالة ซึ่งนำเรื่องราวจาก Hani AL-shaer

ตุรกี คือ หนึ่งในชาติผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน

“ประเทศที่ไร้ซึ่งพลังงาน จะมาอ้างว่าเป็นประเทศที่มีอารยธรรมไม่ได้”

ประธานาธิบดีแอร์โดอาน แห่งประเทศตุรกี กล่าวปราศรัยผ่านการประชุมทางไกล (Video conference) ในโอกาสพิธีเปิดโรงไฟฟ้าระบบ hydroelectric แห่งใหม่ โดยท่านได้กล่าวว่า “ส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดของการลงทุนด้านพลังงานของเรา ปัจจุบันกำลังมุ่งสู่ภาคพลังงานทดแทน เรามองเห็นการใช้พลังงานทดแทนในทุกย่างก้าวของเรา และเราเป็นหนึ่งในชาติผู้นำด้านการใช้พลังงานทดแทน เรามีขีดความสามารถของการติดตั้งพลังงานทดแทนอยู่ในอันดับที่ 13 ของโลก และอันดับที่ 6 ของยุโรป”

ประธานาธิบดีแอร์โดอาน ยังได้กล่าวย้ำว่า สภาพแวดล้อมของความไว้เนื้อเชื่อใจ ที่เกิดขึ้นจากการดิ้นรนต่อสู้และความเพียรพยายามที่ยิ่งใหญ่ ได้สะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนด้านพลังงานเชิงบวก ท่านชวนให้นึกถึงการขุดเจาะในทะเลที่ตุรกีใช้เรือขุดเจาะที่ชื่อ Fatih และ Yavuz

ท่านกล่าวว่า “เราได้ขัดขวางเกมและกับดักที่ตั้งกับประเทศของเรา โดยเฉพาะในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก หลังจากเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เราได้ดำเนินการสำรวจและขุดเจาะในทะเลดำ หากไม่มีการเรียกร้องสิทธิใด ๆ จากกฎหมายระหว่างประเทศ เราจะดำเนินงานของเราต่อไป”

“ประเทศที่ไร้ซึ่งพลังงาน จะมาอ้างว่าเป็นประเทศที่มีอารยธรรมไม่ได้” ประธานาธิบดีแอร์โดอานกล่าวย้ำทิ้งท้าย


สรุปโดย ทีมงานต่างประเทศ

แหล่งอ้างอิง
https://www.tccb.gov.tr/en/news/542/120576/-turkey-is-one-of-the-leading-countries-in-renewable-energy-

สกอท. ยกเลิกการใช้เครื่องหมายฮาลาล

ฝ่ายกิจการฮาลาล สำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (สกอท.) ได้ประกาศยกเลิกการใช้เครื่องหมายฮาลาล บริษัทโกลเด้นไลน์ บิสซิเนสจำกัด จังหวัดเพชรบูรณ์ ตามหนังสือ สกอท. 06.1176/2563 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2563 ความละเอียดดังนี้

เรื่อง ยกเลิกการใช้เครื่องหมายรับรองฮาลาลบริษัทโกลเด้นไลน์ บิสซิเนสจำกัด

เรียน กรรมการผู้จัดการบริษัทโกลเด้นไลน์ บิสซิเนสจำกัด

ตามที่ฝ่ายกิจการสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยได้รับรายงานการเชือดไก่ที่เชือดโดยใช้ไฟฟ้าในการ Stunning เกินค่าที่สามารถยอมรับได้ เป็นผลทำให้ไก่ที่ผ่านการ Stunning ตายก่อนการเชือดเหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 และโรงงานได้นำไก่ดังกล่าวเข้าในระบบการผลิต ไม่ได้แยกออก ทำให้ไก่ที่เชือดไม่ถูกต้อง (ฮารอม) เข้าไปในการผลิตปกติ

ในเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ฝ่ายกิจการฮาลาลได้ตั้งคณะทำงานดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยเชิญผู้แทนจาก 3 ฝ่ายให้ข้อมูลประกอบด้วย

(1) ผู้ควบคุมเชือดสัตว์ 2 คน (นายอำนาจ มีทองคำและนายอนุวัฒน์ หวังเจริญ)
(2) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเพชรบูรณ์
(3) ผู้แทนบริษัทโกลเด้นไลน์ บิสซิเนสจำกัด

คณะทำงานได้สรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงนำเสนอฝ่ายกิจการฮาลาล สกอท. และผลการประชุมพิจารณาเมื่อวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563 มีมติให้ยกเลิกหนังสือสำคัญให้ใช้เครื่องหมายรับรองฮาลาลของบริษัทโกลเด้นไลน์ บิสซิเนสจำกัด และผู้ว่าจ้างผลิต (OEM) ทุกทะเบียนที่ให้การรับรองฮาลาลและให้บริษัทเก็บผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมายรับรองฮาลาลบนผลิตภัณฑ์ออกจากท้องตลาดให้หมดภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ลงนามในหนังสือฉบับนี้

จึงเรียนมาเพื่อทราบและดำเนินการตามมติฝ่ายกิจการฮาลาล สกอท.

ขอแสดงความนับถือ
นายสมาน อาดัม
รองเลขาธิการ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

รัฐบาลซาอุดิอาระเบียออกมาตรการเกณฑ์อนุญาตให้ประกอบพิธีฮัจญ์ในปีนี้อย่างจำกัด

อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี : ซาอุดิอาระเบียไม่เคยลดละความพยายามในการเอื้ออำนวยบรรยากาศแห่งศรัทธาและแรงบันดาลใจตามเจตนารมณ์อิสลาม

ริยาด 08 ซุลเกาะดะฮ์ 1441(29/6/2020)

สำนักข่าวซาอุดิอาระเบีย WAS ระบุอธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนีและประธานมูลนิธิมะดีนะตุสสลาม รศ. ดร. อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา ยืนยันว่า มาตรการของซาอุดิอาระเบียที่อนุญาตให้ผู้ถือสัญชาติต่างๆที่พำนักในซาอุดิอาระเบียสามารถประกอบพิธีฮัจญ์ตามจำนวนที่จำกัด ถือเป็นมติที่มีความรอบคอบ และสุขุมคัมภีรภาพที่สุดที่คำนึงถึงความปลอดภัยของอาคันตุกะของพระผู้แห่งความเมตตา

ทั้งนี้เนื่องจากการทำฮัจญ์มีเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งคือความสามารถในการเดินทาง ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์หลักของอิสลามที่คำนึงถึงความปลอดภัยของบรรดาผู้ประกอบพิธีฮัจญ์ช่วงเวลาที่พวกเขาใช้ชีวิตในแผ่นดินหะรอม

อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนียังได้กล่าวว่า ซาอุดิอาระเบียไม่เคยลดละความพยายามที่จะเอื้ออำนวยบรรยากาศแห่งการศรัทธาและสันติสุข พร้อมร่วมขอพรให้ซาอุดิอาระเบียยืนหยัดบนหลักดุลยภาพแห่งอิสลามในการผดุงไว้ซึ่งสันติภาพสากลตลอดไป

รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ประกาศปิดการทำอุมเราะฮ์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และกระทรวงฮัจญ์ได้ประกาศกำหนดจำนวนผู้ประกอบพิธีฮัจญ์ในปีนี้ตามจำนวนที่จำกัดเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่กำลังเป็นวิกฤตโลกในปัจจุบัน

อ้างอิงจาก
https://www.spa.gov.sa/viewfullstory.php?lang=ar&newsid=2103462#2103462

ตุรกีจัดอบรมครูสอนอัลกุรอาน 132 คน ที่ซีเรีย

อย่ามองแค่สงคราม แต่จงมองให้ไกลว่า ผลของสงคราม เกิดอะไรขึ้น

องค์กรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตุรกี (IHH) จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรครูสอนอัลกุอานจำนวน 132 คน ด้วยความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดชานลี โอร์ฟาแห่งตุรกี และการประสานงานจากสภาเทศบาลเมืองเราะสุลอัยน์ ซีเรีย ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำยูเฟรทีส

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ผลิตครูสอนอันกุรอาน เพื่อสอนเยาวชนซีเรียตามสถาบันการสอนอัลกุรอานที่เปิดในเมืองเราะสุลอัยน์ ซีเรีย

แหล่งข่าวระบุว่า โครงการนี้ นับเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นตามคำดำริของประธานาธิบดีตุรกี นายแอร์โดอาน โดยที่องค์กร IHH ตุรกี ได้เปิดสถาบันสอนอัลกุรอานนำร่องในเมืองนี้แล้วจำนวน 2 แห่ง ทั้งนี้สภาเทศบาลเมืองเราะสุลอัยน์ได้สนับสนุนงบประมาณการก่อสร้างอาคารและองค์กร IHH ได้สนับสนุนค่าอุปกรณ์และการบริหารจัดการ

ก่อนหน้านี้เมืองเราะสุลอัยน์ ถูกปกครองโดยกลุ่มก่อการร้าย PKK/PYD ซึ่งได้ปิดสถานเรียนอัลกุรอานและสั่งปิดโรงเรียนสอนศาสนาอีกหลายแห่ง แต่หลังจากแผนปฏิบัติการ “ต้นน้ำสันติภาพ” ที่นำโดยกองกำลังตุรกี ซึ่งได้ขับไล่กลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวเมื่อเดือนตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่แห่งนี้กลับสู่สันติภาพอีกครั้ง


อ้างอิงจาก https://tr.agency/news-102865


สรุปโดย ทีมข่าวต่างประเทศ