บริษัทผลิตยาฝรั่งเศสโดนปรับ เกือบ 100 ล้านบาท

วันที่ 29 มี.ค. บีบีซี รายงานว่า เซอร์เวียร์ บริษัทเภสัชกรรมสัญชาติฝรั่งเศส ถูกพบมีความผิดในข้อหาฉ้อโกงร้ายแรง และฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา จากการผลิตยา มีเดียเตอร์ ยาลดน้ำหนักที่พัฒนาเพื่อใช้รักษาโรคเบาหวานน้ำหนักเกิน (overweight diabetics) และวางจำหน่ายในท้องตลาดนาน 33 ปี (2519-2552)

ผู้ป่วยราว 5 ล้านคน ได้รับการสั่งยาขนานนี้ แม้จะมีคำเตือนมากมายเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเป็นสาเหตุของปัญหาโรคหัวใจร้ายแรงได้ ก่อนถูกถอดออกจากท้องตลาดในปี 2552

การพิจารณาคดีเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2562 โดยโจทก์หลายพันคนยื่นฟ้องดำเนินคดีกับบริษัทเซอร์เวียร์ ซึ่งปฏิเสธไม่รู้ข้อมูลใดๆ ของผลข้างเคียงของยามีเดียเตอร์

อย่างไรก็ตาม วันนี้ศาลฝรั่งเศสพิพากษาปรับบริษัทเซอร์เวียร์เป็นเงิน 2.7 ล้านยูโร หรือราว 99 ล้านบาท และ นายฌอง-ฟิลิปป์ เซตา อดีตประธานบริษัทเซอร์เวียร์ ยังได้รับโทษจำคุก 4 ปี แต่รอลงอาญา

นอกจากนี้ องค์การกำกับดูแลยาของฝรั่งเศสถูกปรับเป็นเงินมากกว่า 300,000 ยูโร หรือราว 11 ล้านบาทด้วย ผู้พิพากษาพบว่า หน่วยงานนี้ล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่อย่างร้ายแรง

ทั้งนี้ หลายประเทศในยุโรป รวมถึงอิตาลีและสเปน ห้ามวางจำหน่ายยาลดน้ำหนักมีเดียเตอร์ ในช่วงต้นทศวรรษที่ 2000 อย่างไรก็ตาม ในฝรั่งเศส ยาตัวนี้ยังใช้รักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน และใช้เป็นยาระงับความอยากอาหารแก่ผู้ป่วยคนอื่นๆ

แต่การศึกษาชิ้นหนึ่งสรุปว่า ยามีเดียเตอร์อาจเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของผู้ป่วยมากถึง 500 ราย ระหว่างปี 2519-2552 ส่วนการศึกษาอีกชิ้นระบุว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตมากกว่าถึง 2,000 ราย


อ้างอิง

https://today.line.me/th/v2/article/lxpNMe?fbclid=IwAR1Hx9k4E4HlLPYxIgrgHCMyLEcND5qBKvxhUog21kyAThOggiuZmcuIH5k

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

เลือดเติร์กเข้มข้นกว่าสนธิสัญญาแซกส์-ปิโกต์/โลซานน์

ตุรกี-อาเซอร์ไบจาน ยกเลิกหนังสือเดินทางระหว่างกันและกัน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา 29/3/2564 กระทรวงการต่างประเทศตุรกียืนยันว่าการเดินทางระหว่างตุรกีและอาเซอร์ไบจานโดยใช้บัตรประจำตัวจะมีผลภายในไม่กี่วัน

กระทรวงระบุในแถลงการณ์ว่า “กระบวนการลงนามในพิธีสารระหว่างสองประเทศในเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว”

แถลงการณ์ของกระทรวงกล่าวเสริมว่า “พิธีสารนี้จะอนุญาตให้ชาวตุรกีและชาวอาเซอร์เดินทางระหว่างสองประเทศโดยใช้บัตรประจำตัวโดยไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน”

กระทรวงระบุว่า “การมีผลบังคับใช้ของพิธีสารจะเสริมสร้างความสัมพันธ์อันมั่นคงของภราดรภาพระหว่างสองประเทศ”

เป็นที่น่าสังเกตว่าตุรกีและอาเซอร์ไบจานได้ลงนามในพิธีสารดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2020 ในบากู  เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจัน

สังเกตว่า ตุรกีมีข้อตกลงที่คล้ายคลึงกันสำหรับเสรีภาพในการเดินทางด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับสาธารณรัฐไซปรัสเหนือ  ยูเครน  มอลโดวา และจอร์เจีย

ในช่วงกลางเดือนมีนาคม  คณะอำนวยการด้านความมั่นคงของกระทรวงกล่าวในแถลงการณ์ว่า “พลเมืองของตุรกีและอาเซอร์ไบจานจะสามารถเยี่ยมเยียนกันและกันได้โดยไม่ต้องใช้หนังสือเดินทาง ในวันที่ 1 เมษายนนี้”

แถลงการณ์ชี้ให้เห็นว่า “ขั้นตอนนี้มาพร้อมกับการเพิ่มระยะเวลาพำนักในทั้งสองประเทศด้วยบัตรประจำตัวประชาชน (ในการเดินทางแต่ละครั้ง) จาก 30 เป็น 90 วัน”

และในตอนท้ายของปี 2020 เมาลูด จาวิชอูฆโลรัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีประกาศว่า ไม่จำเป็นต้องใช้หนังสือเดินทางและวีซ่าระหว่างตุรกีและอาเซอร์ไบจานอีกต่อไป  โดยระบุว่าการเดินทางจะต้องใช้บัตรส่วนตัวเท่านั้น

การลงนามในพิธีสารร่วมระหว่างทั้งสองประเทศเกิดขึ้นในระหว่างการเยือนตุรกีของประธานาธิบดี ตุรกีที่เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจัน ซึ่งมีรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่หลายคน  รวมถึงรัฐมนตรีเมาลูด  จาวิช อูฆโล เพื่อเข้าร่วมในการเฉลิมฉลองชัยชนะเพื่อการปลดปล่อยภูมิภาคคาราบัค จากกองกำลังที่ยึดครองอาร์เมเนีย

เมาลูด  จาวิช อูฆโล แสดงความยินดีกับพลเมืองของตุรกีและอาเซอร์ไบจานในโอกาสนี้ โดยกล่าวว่า “สิ่งนี้สอดคล้องกับแนวคิด”หนึ่งคนสองประเทศ”

ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาฟูอาด ออกเตย์  รองประธานาธิบดีตุรกี  ได้ประกาศการลงนามในแผนปฏิบัติการร่วมกับอาเซอร์ไบจานที่มีข้อตกลง 138 ข้อ  เพื่อเร่งความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

ตุรกีและอาเซอร์ไบจานมีความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ที่แน่นแฟ้นและมั่นคงในหลายระดับ ทั้งการเมือง  การทหาร การค้าและเศรษฐกิจ


โดย Ghazali Benmad

กองทัพหนูบุกออสเตรเลีย

ชาวออสเตรียต้องอกสั่นขวัญหายเมื่อกองทัพหนูนับล้านตัวบุกเข้าไปสร้างความเดือดร้อนและความเสียหายในพื้นที่เกษตรจำนวนมาก หลังเกิดเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ในออสเตรเลียในรอบ 50 ปี

ก่อนหน้านี้ ออสเตรเลียได้ออกกฎหมายอนุญาตฆ่าอูฐจรจัดได้ ทำให้ประชากรอูฐถูกสังหารอย่างทารุณนับหมื่นตัวต่อปี พวกเขาอ้างว่าอูฐดื่มน้ำมากเกินไป ทำให้บางพื้นที่ขาดแคลนน้ำ จึงต้องออกกฎหมายอนุญาตสังหารประชากรอูฐได้

ขอบคุณคลิปจาก TRT عربي

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

ผลงานเถื่อนบัชชาร์

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในแอเลบโปโดนกองกำลังทมิฬบัชชาร์ที่สนับสนุนโดยอิหร่านถล่มด้วยขีปนาวุธ ทำให้เด็กน้อย 6 คนเสียชีวิต และโรงพยาบาลได้รับความเสียหายทั้งหลัง

นับเป็นเวลานาน 10 ปีที่นายบัชชาร์ อะสัด เข่าฆ่า สังหารและทำลายบ้านเรือน โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเปิดเผยจากกองกำลังที่มาจากอิหร่าน แต่ประชาคมโลกยังทำอะไรไม่ได้กับบัชชาร์แม้เพียงประณาม


ขอบคุณคลิปจาก TRT عربي

โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

4 บุคคลทรงอิทธิพลในซีเรีย

หลังจากซีเรียต้องอยู่ภายใต้อุ้งมือของ 2 พ่อลูกตระกูลอะสัดมานานกว่า 50 ปี ซีเรียมีบุคคลอย่างน้อย 4 คนที่ทรงอิทธิพลเหนือดินแดนชาม ได้แก่

            1.         ฮาฟิศ อะสัด ถือกำเนิดที่เมืองลาซิกียะฮ์ ถิ่นผู้นับถือลัทธินุศ็อยรีย์มีจำนวนไม่ถึง 5% ของประชากรซีเรียซึ่งมีจำนวนกว่า 90% ของประเทศเป็นมุสลิมสุนหนี่ สมัยที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในปี 1967 เขาได้ฝากผลงานชิ้นโบว์แดงด้วยการขายที่ราบสูงโกลันให้แก่อิสราเอลในละครสงคราม 6 วันด้วยการรับสินบนจำนวน 6 ล้านดอลลาร์ ในปี 1970 เขาได้รับการคัดเลือกเป็นผู้นำด้วยคะแนนสนับสนุนท่วมท้นจำนวน 99.98 % โดยมีเสียงไม่เห็นด้วยเพียง 219 เสียงเท่านั้น เขาปกครองซีเรียทั้งประเทศเหมือนเป็นเรือกสวนไร่นาของตัวเอง ท่ามกลางน้ำตา คราบเลือดและซากศพของผู้บริสุทธิ์ชาวมุสลิมสุนหนี่ผู้บริสุทธิ์ เขาเสียชีวิตหลังจากสถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าเหนือแผ่นดินซีเรียเมื่อปีค.ศ. 2000 ขณะอายุ 70 ปี

            2.         ชัยค์อัลอัลลามะฮ์ มูฮัมมัด สะอี้ด รอมฎอนอัลบูฏีย์ ชาวเคิร์ดผู้ถือกำเนิดที่ตุรกี แต่อพยพพร้อมบิดาและครอบครัว ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่กรุงดามัสกัส ซีเรีย เป็นอุละมาอฺผู้ยิ่งใหญ่สายอะชาอิเราะฮ์ ด้วยผลงานทางวิชาการด้านอิสลามศึกษามากมาย ชัยค์อัลบูฏีย์ถือเป็นผู้สนับสนุนผู้นำ 2 พ่อลูกตระกูลอะสัดอย่างสุดซอย ท่านได้นำละหมาดญะนาซะฮ์ของนายฮาฟิศ อะสัด และร่ำไห้ต่อหน้าศพอย่างอาลัยอาวรณ์ หลังจากนายบาสิล อะสัด(ลูกชายคนโตของนายฮาฟิศอะสัด) เสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุรถยนต์ ท่านบอกว่าได้ฝันว่านายบาสิลอยู่ในสวรรค์ นอกจากนี้ท่านยังกล่าวขื่นชมนายหะซัน นัศรุลลอฮ์ ผู้นำฮิสบุลลอฮ์แห่งเลบานอน ท่านเสียชีวิตในเหตุการณ์ลอบสังหารด้วยระเบิดในมัสยิดที่ท่านสอนหนังสือเมื่อปี 2013 ขณะมีอายุ 84 ปี ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งด้านบวกและลบ โดยเฉพาะจุดยืนของท่านที่ไม่เห็นด้วยกับการประท้วงรัฐบาลของชาวซีเรีย

غفر الله له  وتجاوز عنه ورحمه وأدخله فسيح جناته

          3.         ชัยค์อัลอัลลามะฮ์มูฮัมมัด อาลี อัศศอบูนีย์

อุละมาอฺผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค เกิดเมื่อ 1 มกราคม 1930 ที่เมืองหะลับ(แอเลบโป) ซีเรีย เสียชีวิตแล้ว เมื่อ 19 มีนาคม 2021 ขณะอายุ 91 ปี ถือเป็นการสูญเสียผู้รู้ที่สำคัญในโลกอิสลามโดยเฉพาะด้านตัฟซีรอัลกุรอาน เจ้าของผลงานตำราด้านอิสลามศึกษากว่า 50 เล่ม

ถูกรัฐบาลซีเรียยุคฮาฟิศอะสัด ขึ้นบัญชีดำหมายหัว เนื่องจากท่านมีทัศนะว่า ผู้นำคนไหนที่ก้าวขึ้นมามีอำนาจโดยวิธีการบังคับและการใช้กำลัง ผู้นำคนนั้นจะต้องได้รับการต่อต้านจากประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้นำเรียกร้องประชาชนให้ปฏิเสธพระเจ้าและสถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าอย่างฮาฟิศอะสัด

ชัยค์อัศศอบูนีย์ได้วิจารณ์นายบัชชาร์ อะสัด ประธานาธิบดีซีเรียคนปัจจุบันว่าเป็น มุสัยลิมะฮ์ อัลกัซซาบ และตักเตือนชัยค์มูฮัมมัด รอมฎอน อัลบูฏีย์ ด้วยคำตักเตือนที่รุนแรงชนิดไม่อ้อมค้อม เพราะชัยค์อัลบูฏีย์สนับสนุนนายฮาฟิศ อะสัด และบัชชาร์ อะสัด รวมทั้งไม่เห็นด้วยที่ขาวซีเรียลุกขึ้นประท้วงนายบัชชาร์อะสัดเมื่อปี 2011

ด้วยจุดยืนอันดุดันและมั่นคงที่สนับสนุนและเคียงข้างการประท้วงของชาวซีเรีย ทำให้สื่ออาหรับและชาวซีเรียตั้งฉายาท่านว่า “الشيخ الثائر” หรือผู้เฒ่านักปฏิวัติและถือเป็นอุละมาอฺผู้ยืนหยัดพูดสัจธรรมต่อหน้าผู้นำเผด็จการ

غفر الله له ورحمه رحمة واسعة وأدخله فسيح جناته ورزق لأهله وذويه الصبر والسلوان

            4.         บัชชาร์ อะสัด

ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีปี 2000 หลังอสัญกรรมของบิดานายฮาฟิศ อะสัด และยังอยู่ยงคงกระพันในอำนาจจนกระทั่งปัจจุบันเป็นเวลานานถึง 22 ปีแล้ว ผลงานเถื่อนในระยะเวลา 10 ปีหลังนี้คือการทำให้ประเทศซีเรียทั้งประเทศกลายเป็นทุ่งสังหารและดินแดนมิคสัญญีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ทำให้มีผู้อพยพกว่า 10 ล้านคน ประชาชนถูกสังหารกว่า 1 ล้านคน บ้านเรือนและอาคารถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง แต่เขายังนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้นำสูงสุดของซีเรียอย่างเหนียวแน่น

3 คนได้จากไปแล้วด้วยผลงานอันมากมายทั้งดีและชั่ว ทั้งบวกและลบ แต่การตัดสินที่ยุติธรรมที่สุด ละเอียดที่สุดแม้เท่าผงธุลี คือการตัดสินของพระเจ้าผู้ทรงยุติธรรมและทรงรอบรู้ ทั้ง 3 ท่านกำลังได้รับการพิจารณาและรับผลอานิสงค์ที่ตนเองได้กระทำแล้ว

ส่วนอีกคน กำลังโลดแล่นบนยุทธจักรเถื่อนมากมาย เขาอาจจะรอดพ้นจากการตัดสินและได้รับการอุ้มชูจากมหาอำนาจบนโลกนี้ แต่เขาไม่มีวันรอดพ้นจากการพิพากษาของพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาลอย่างแน่นอน


โดย Mazlan Muhammad

ประธานาธิบดีซีเรียและภรรยาติดเชื้อโควิด-19

Breaking News

AlJazeera.net แพร่ข่าวระบุว่า สำนักประธานาธิบดีซีเรียแถลงว่านายบัชชาร์ อะสัด ประธานาธิบดีซีเรียและภรรยาติดเชื้อโควิด-19 และถูกกักตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงดามัสกัส


แหล่งข่าว AlJazeera

ชาวฝรั่งเศสประท้วงต่อต้านความรุนแรงของบิดาและการละเลยต่อคดีล่วงละเมิดทางเพศ

ชาวฝรั่งเศสนับหมื่นรวมตัวกันที่กรุงปารีส เพื่อประท้วงความรุนแรงในครอบครัว โดยเฉพาะจากบิดา นอกจากนี้พวกเขายังชูป้ายประท้วงการละเลยของศาลที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อคดีการล่วงละเมิดทางเพศ

นี่คือวิกฤตของสังคมยุโรปที่สำลักอาการประชาธิปไตยอย่างไร้ของเขตและมัวเมาในกามารมณ์ พวกเขาใช้ประชาธิปไตยเพื่อบูชาอารมณ์และกดขี่ผู้อ่อนแอภายใต้วาทกรรมสิทธิ์เสรีภาพเท่านั้น

น่าแปลกที่ชาวโลกพากันยกย่องคุณค่าที่ยืนอยู่บนขาเดียว (โลกนิยม) ทั้งๆ ที่มนุษย์ปกติต้องยืนอยู่บนสองขา (โลกนี้และโลกอาคิเราะฮ์)


โดย ทีมข่าวต่างประเทศ

โครงการสร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ 1/63

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2564 เวลา 14.00 น. นายนิเลาะ อับดุลบุตร ประธานชมรมจิตอาสาฉันและเธอ และผศ. มัสลัน มาหะมะ ที่ปรึกษาชมรมฯ พร้อมคณะ ได้ส่งมอบบ้าน ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านรอแตตาวา  99/2 ม. 7 ต. ลุโบะยือไร อ. มายอ จ. ปัตตานี ให้แก่นางยารอ สือแลแม (43ปี) เป็นบ้านคอนกรีตเสริมเหล็กทรงโมเดิร์น ขนาด 4×10.5 ม. ประกอบด้วย 1 ห้องน้ำ 1 ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัวพร้อมระบบไฟฟ้าและน้ำประปา มูลค่าก่อสร้าง 176,000 บาท พร้อมเงินสด ถุงยังชีพและของใช้ในครัวมูลค่า 3,000 บาท

นายนิเลาะ อับดุลบุตร กล่าวว่า ชมรมจิตอาสาฉันและเธอและภาคีเครือข่าย ได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพระดมเงินเพื่อสร้างบ้านให้แก่นางยารอ สือแลแม ซึ่งมีลูกชายอายุ 17 ปีเป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ตั้งแต่แรกเกิด นางยารอจึงไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากต้องดูแลลูกชายตลอดเวลา โดยสามารถระดมเงินบริจาครวมทั้งสิ้น 178,752 บาท

“ บ้านหลังนี้ถือเป็นเคสแรก เราเริ่มวางศิลารากฐานสร้างบ้านเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2563 ระหว่างก่อสร้าง เป็นช่วงฤดูฝนและเกิดน้ำท่วม ทำให้เกิดความล่าช้า เนื่องจากทีมงานบางส่วนต้องระดมให้ความช่วยเหลือแก่เหยื่อน้ำท่วมในจังหวัดปัตตานีและพื้นที่ใกล้เคียง แต่ด้วยเตาฟิกจากอัลลอฮ์ โครงการแรกนี้สำเร็จไปด้วยดี สามารถส่งมอบบ้านเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2564 จึงใคร่ถือโอกาสนี้ขอบคุณชาวมือบนทุกท่านที่ช่วยกันสานฝันให้ครอบครัวนางยารอ สือแลแม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพจ Mazlan Muhammad และเว็บไซต์ theustaz.com ที่ช่วยประชาสัมพันธ์รณรงค์การระดมทุนโครงการนี้ จนสำเร็จลุล่วงด้วยเตาฟิกจากอัลลอฮ์ “ นายนิเลาะ กล่าว

“ ชมรมจิตอาสาฉันและเธอ ยังมีโครงการสร้างบ้านแก่ผู้ยากไร้อีกหลายโครงการซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ รวมทั้งมอบทุนช่วยเหลือเเก่ครอบครัวที่มีสมาชิกป่วยติดเตียง จึงขอถือโอกาสประชาสัมพันธ์ให้ชาวมือบนทุกท่านสมทบทุนโครงการต่างๆของชมรมโดยสามารถติดตามได้ตาม fb : Niloh Abdulbut” นายนิเลาะ กล่าวทิ้งท้าย


โดย Mazlan Muhammad

ออสเตรเลียฆ่าอูฐกว่า 10,000 ตัวอ้างดื่มน้ำมากเกินไป

อูฐนับ 10,000 ตัว กำลังถูกฆ่าตายในเขตภัยแล้งของประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากอูฐกำลังเป็นอันตรายต่อชาวบ้าน

สำนักข่าว CNN รายงานว่า เจ้าหน้าที่ชาวอะบอริจินในเขตตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐเซาท์ออสเตรเลียอนุมัติให้มีการฆ่าอูฐ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 5 วันในการฆ่าอูฐกว่า 10,000 ตัว ซึ่งอูฐเหล่านี้จะถูกยิงโดยนักยิงปืนมืออาชีพบนเฮลิคอปเตอร์ ในพื้นของ Anangu Pitjantjatjara Yankunytjatjara (AYP)  เนื่องจากอูฐ ดื่มน้ำมากจนเกินไปในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญทั้งไฟป่าและแห้งแล้งแบบนี้

อาลี สุลฏอนอัลฮาจิรีย์ ชาวกาตาร์ ได้เดินทางไปยังออสเตรเลียเพื่อค้นหาคำตอบที่แท้จริงของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประชากรอูฐ ณ แดนจิงโจ้

เขาเล่าถึงตัวเองว่า ได้จบการศึกษาสาขาบัญชีจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสสหรัฐอเมริกา และบรรจุเป็นข้าราชการในตำแหน่งนักบัญชี แต่เขายังหลงเสน่ห์กับอูฐและการใช้ชีวิตในทะเลทราย เขายังผูกพันกับอูฐหลายร้อยตัวที่เขาเลี้ยงอย่างเอาใจใส่ ชนิดที่อูฐแต่ละตัวมีชื่อเรียกเฉพาะของมัน

อัลฮาจิรีย์เล่าว่า เมื่อเขาทราบว่าที่ออสเตรเลียมีการฆ่าอูฐนับ 10,000 ตัวต่อปี ทำให้เขาตัดสินใจเดินทางหาความจริงที่ออสเตรเลียทันที

เขาพบว่า ประชากรอูฐที่ออสเตรเลียถูกนำเข้าครั้งแรกจากปากีสถานกลางศตวรรษที่ 19 พร้อมคนเลี้ยง เพื่อใช้ประโยชน์ในการขนส่งสินค้าและเป็นสัตว์พาหนะ แต่เมื่อประเทศมีความเจริญและมีระบบขนส่งเหมือนปัจจุบัน อูฐจึงเป็นสัตว์ที่ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป จึงถูกปล่อยโดยไม่มีการเลี้ยงดู ทำให้อูฐต้องอาศัยตามทะเลทรายและมีการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ที่ประมาณกันว่า ในรัฐเซาท์ออสเตรเลียมีประชากรอูฐจำนวนกว่า 1 ล้านตัว บางครั้งฝูงอูฐได้ทำลายไร่สวนของชาวบ้านและดื่มน้ำจากต้นลำธารที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ทางการเกษตร ทำให้รัฐบาลออสเตรเลียใช้มาตรการกำจัดอูฐด้วยการร่างกฎหมายให้ฆ่าอูฐได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

อัลฮาจิรีย์กล่าวว่า  มาตรการกำจัดประชากรอูฐของรัฐบาลออสเตรเลีย เป็นมาตรการที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากอูฐให้คุณค่ามหาศาลทางเศรษฐกิจ อาหารสุขภาพและประโยชน์อื่นๆมากมาย แต่รัฐบาลออสเตรเลียกลับมองข้ามเรื่องนี้และถือว่าเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติ

ยุคนบีศอลิห์ ชาวษะมูดได้ท้าทายนบีศอลิห์ด้วยการให้ท่านขอพรจากพระเจ้าให้ประทานอูฐที่มาจากก้อนหินขนาดใหญ่ตามคุณสมบัติที่พวกเขากำหนด เมื่ออูฐได้ปรากฏตัวจริงตามคำขอ พวกเขาถูกกำชับให้เลี้ยงดูอูฐตัวเมียตัวนั้นอย่างดี แต่แทนที่พวกเขาจะปฏิบัติตาม พวกเขาฆ่าอูฐตัวนั้น ด้วยเหตุผลว่าอูฐแย่งน้ำดื่มของพวกเขา ทำให้พวกเขาประสบภาวะขาดแคลนน้ำเพื่อบริโภคและอุปโภค

อูฐออสเตรเลีย ก็โดนข้อหาใกล้เคียงกัน ทั้งๆที่ในอดีต รัฐบาลออสเตรเลียได้นำเข้าประชากรอูฐที่ขนย้ายไกลมาจากปากีสถาน

https://www.youtube.com/watch?fbclid=IwAR3v4fW5Q22-et2bYa705Fv-6rETWyMUivailHE2uHmZUJ6zvCeR-aGuP0E&v=KQz2k86frs4&feature=youtu.be

อ้างอิง

https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99/117354?fbclid=IwAR2NAxOV7Zr29pHsdAxBoRWM7iVbUpMKeiEPXZbrDm0RhJ8rpaAqPy30qn4

โดย Mazlan Muhammad

สตรีชาวอเมริกันเข้ารับอิสลามหลังติดตามซีรีส์ประวัติศาสตร์ชื่อดังของตุรกี “Ertugrul Resurrection-คืนชีพคืนแผ่นดิน”

ได้รับอิทธิพลจากซีรีส์ประวัติศาสตร์ชื่อดังของตุรกี “Ertugrul Resurrection-คืนชีพคืนแผ่นดิน” สตรีชาวอเมริกันในนิวยอร์กซิตี้ประกาศนับถือศาสนาอิสลาม หลังจากติดตามเหตุการณ์ในซีรีส์ที่พูดถึงยุคที่มีส่วนในการก่อตั้งจักรวรรดิออตโตมัน

นางเปลี่ยนชื่อเป็น“คอดีญะฮ์” กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว “อนาโตเลีย” ว่า เธอตัดสินใจเข้ารับอิสลามเนื่องจากได้รับผลกระทบจากซีรีส์เรื่อง The Resurrection of Ertugrul และสิ่งที่เธอได้ยินเกี่ยวกับพระเจ้า, อิสลาม, สันติภาพ, ความยุติธรรม และช่วยเหลือผู้ถูกกดขี่

หญิงวัย 60 ปีกล่าวว่า ก่อนที่เธอจะดูซีรีส์เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับยุคประวัติศาสตร์นั้น และซีรีส์นี้ดึงดูดเธอด้วยการเสนอแนวคิดของศาสนาอิสลามความยุติธรรมและการช่วยเหลือผู้ถูกกดขี่

เธอระบุว่าเธอรักตัวละครของแอร์ตุฆรุล ตูร์กูต  และ เซลจัน มากกว่าคนอื่น ๆ ในซีรีส์ โดยแสดงความผิดหวังเมื่อเธอรู้ว่า บัมซี  ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแอร์ตุฆรุลและยืนอยู่ข้างเขา

ตัวละครอิบนุอารอบีก็เป็นที่ชื่นชอบของเธอ  เธอดูซีรีส์นี้ 4 ครั้งติดต่อกันและตอนนี้เธอดูซีรีส์นี้เป็นครั้งที่ 5 โดยแสดงความชื่นชมในคุณค่าที่เขานำเสนอโดยเฉพาะเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม

นอกจากนี้เธอยังชี้ให้เห็นว่าเธอถูก “แยกทางสังคม” โดยเพื่อนของเธอหลังจากที่พวกเขาทราบข่าวเกี่ยวกับการเข้ารับศาสนาอิสลามของเธอ โดยแสดงความหวังว่าเธอจะได้ไปเยือนตุรกี และชมสุสานทางประวัติศาสตร์ของตัวละครในซีรีส์โดยเร็วที่สุด


โดย Ghazali Benmad