ปามุกกาเล่ แปลว่าปราสาทปุยฝ้ายตั้งอยู่ในจังหวัดดีเดนิซลี ประเทศตุรกีห่างจากนครอิสตันบูลไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 576 กิโลเมตร
เป็นเนินสีขาวของหินปูนสูง 160 เมตร ยาวเกือบ 3 กม. เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดจากธารน้ำใต้ดิน เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในตุรกี
ในบริเวณนี้ยังมีเมืองโบราณฮีราโพลีส ( Hierapolis) ที่สร้างขึ้นราว 190 ปีก่อนคริสตกาล เมืองนี้เคยเจริญรุ่งเรืองสุดขีด ก่อนที่จะล่มสลายในศตวรรษที่ 7
ยูเนสโกประกาศให้ ปามุกกาเล่และเมืองโบราณฮีราโพลีส เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ.1986
ความสวยงามที่มีแอ่งน้ำร้อนธรรมชาติสีขาวโพลนอย่างเป็นลำดับชั้น ทำให้เพิ่มความสวยงามของทัศนียภาพชนิดลืมไม่ลงจริงๆ
เรามาถึงที่นี่ราวบ่าย 3 ในวันอันสดใส จึงมีโอกาสใช้เวลาเก็บความทรงจำที่นี่นานกว่า 2 ชม.
เราตัดสินใจค้างแรมที่นี่ ซึ่งกว่าจะได้โรงแรม ก็ต้องวนรถถามหาห้องว่างหลายที่เหมือนกัน สาเหตุเพราะไม่มีการจองโรงแรมล่วงหน้าเหมือนที่บูร์ซ่าและอิซมีร์
อัลฮัมดุลิลลาฮ์ พร้อมๆกับความยากลำบาก จะมีความง่ายดายเป็นเงาเสมอ สุดท้ายเราได้โรงแรมที่สุดสบาย อยู่รวมกันได้ ถึง 6 คน ตั้งอยู่ในชุมชนมุสลิมปามุกกาเล่ ห่างจากเนินเขาปามุกกาเล่ประมาณ 5 กม.
เป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตเรียบง่าย สตรีใส่ผ้าคลุม 100 % ทั้งหมู่บ้าน มีโรงแรมที่รับบริการเฉพาะลูกค้าที่พาครอบครัวเท่านั้น ไม่อนุญาตชายโสดเข้าพักได้ อันแสดงถึงความยึดมั่นในธรรมเนียมประเพณีและคำสอนของอิสลามอย่างเคร่งครัด
เราเข้าพักช่วงค่ำพอดี ถึงแม้มัสยิดอยู่ใกล้เพียง 200 ม. แต่เราพลาดละหมาดที่มัสยิดอย่างน่าเสียดายเนื่องจากฝนตกหนัก
รุ่งขึ้น เราไม่พลาดละหมาดศุบฮิที่มัสยิดชุมชนนี้ ประทับใจกับระเบียบการจัดแถวและการละหมาดของคนที่นี่ หลังอะซานเสร็จ ผู้คนจะทยอยเข้ามัสยิดจนเกือบเต็มมัสยิด ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมและเคร่งขรึมมาก ไม่มีการทักทายหรือพูดจาเสมือนแต่ละคนไม่เคยรู้จักมาก่อน มันเป็นบรรยากาศอันเงียบสงัดในมัสยิดแห่งหนึ่ง ถึงแม้มีผู้คนเป็นร้อยๆคน มีหลายคนที่อ่านอัลกุรอานและกล่าวซิกิร์ แต่บรรยากาศก็ยังคงเงียบสงัดเช่นเดิม
ก่อนละหมาดประมาณ 10 นาที มีชายใส่สูทนั่งบนเก้าอี้แถวหน้า พร้อมบรรยาย ผู้เขียนไม่เข้าใจภาษาตุรกี แต่จากอัลกุรอานและหะดีษที่ท่านยกมาประกอบบรรยาย คาดเดาว่าเป็นเรื่องสร้างแรงบันดาลใจที่ต้องเขื่อมั่นในความช่วยเหลือของอัลลอฮ์ อย่ารู้สึกท้อ ตราบใดที่เราช่วยเหลืออัลลอฮ์ด้วยการเชื่อฟังพระองค์ แน่นอนพระองค์ย่อมช่วยเหลือเรา ท่านยังยกหะดีษที่กล่าวถึงผู้นำและกองกำลังที่พิชิตกรุงคอนสเตติโนเปิลอีกด้วย ด้วยพลังน้ำเสียงอันดุดันและมีพลัง ทำให้ผู้เขียนรู้สึกมีแรงบันดาลใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนโดยเฉพาะในช่วงนั้น เป็นช่วงที่ทหารตุรกีกำลังปฏิบัติการตามแผนต้นน้ำสันติภาพทางตอนเหนือของตุรกีพอดี
หลังจากนั้นท่านใส่ชุดผ้าคลุมและหมวกอิหม่ามนำละหมาดต่อไป
หลังละหมาด ผู้คนยังสงบเสงี่ยมอยู่ในแถวจนกว่าอิมามจะดุอาเสร็จ พลันเสร็จดุอา ผู้คนลุกขึ้นทักทายมิตรสหายอย่างสนิทสนมในฐานะเพื่อนบ้านเรือนเคียง บางคนเดินคู่ๆออกจากมัสยิดอย่างเป็นกันเอง
เป็นบรรยากาศที่ผู้เขียนไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต แม้กระทั่งในนครอิสตันบูล
เราเดินออกจากมัสยิดพร้อมรับอรุณยามเช้าอันสดใส ที่มีเทือกเขาสูงตระหง่านอยู่ตรงหน้า ผู้คนเดินพลุกพล่าน เนื่องจากมัสยิดอยู่ ณ ศูนย์กลางชุมชน เดินไปนิดหน่อย ก็มีตลาดสดยามเช้า มีสินค้าหลากหลาย โดยเฉพาะผลไม้สดๆอย่างองุ่น ทับทิม มะกอก มะเดื่อ น้ำผึ้ง ที่มีชาวบ้านขนกับรถม้ามาขายริมถนนทีเดียว นอกจากนี้สินค้าประเภทเสื้อผ้า ของใช้จิปาถะก็ถูกวางขายตลอดทาง
มีคนบอกว่า หากจะรู้จักสภาพที่แท้จริงของชุมชนใด ให้ไปเที่ยวเล่นที่ตลาดสด วันนี้เราจึงมีโอกาสสัมผัสกับปามุกกาเล่อย่างแท้จริง
เดินกลับโรงแรม เห็นจักรยาน 3-4 คันจอดอยู่ พนักงานโรงแรมบอกว่า เชิญปั่นตามสบาย จึงมีโอกาสปั่นจักรยานชมบรรยากาศในชุมชนปามุกกาเล่ยามเช้า เพิ่มอรรถรสชีวิตอีกแบบหนึ่ง
เราเช็คเอาท์จากโรงแรมราว 10 โมงเช้า ต้องเดินทางใช้เวลานั่งบนรถเกือบ 6 ชม. สู่อิสตันบูล บรรยากาศระหว่างทางสวยสดงดงาม ประกอบกับถนน 6 เลนที่รัฐบาลตุรกีเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ทำให้เราได้รับความเพลิดเพลินตลอดทาง พร้อมกับการถอดบทเรียน
เรามุ่งหน้าสู่มหานครสองทวีป เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญ และเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เกิดทริปนี้
เขียนโดย ผศ.มัสลัน มาหะมะ